7. ร้ายทั้งคู่
ซีเหยียนกลับไปแล้วเมื่อเห็นภาพบาดตา มิคิดว่าสิ่งที่สตรีตัวน้อยเอ่ยจะเป็นจริง แต่มันก็แค่วันนี้ที่เขาจะถอย เพราะยังมีงานอื่นที่สำคัญกว่าให้ต้องจัดการ อย่างไรเสียเขาก็ต้องได้นางมาครอบครองในสักวัน
ด้านมู่อันอันได้แต่ก้มหน้าปิดบังแก้มเนียนใสซึ่งยามนี้มันขึ้นสีแดงระเรื่อแล้ว เพราะเรื่องที่เกิดมันอยู่ในสายตาของคนงานและคนสนิทของคนตัวโต แต่น่าแปลกที่นางมิโวยวายอย่างที่ควรจะเป็น
“กวนถงไยนางถึงมิต่อว่านายท่าน”
“นั่นสิ คงมิได้แอบมีใจให้นายท่านหรอกนะ” สองสหายซุบซิบกัน ทำเอาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอดมิได้ ยกปลายเท้ากระแทกลงที่น่องทั้งคู่ทันที
“นี่แหนะ อย่ามาพูดจาว่าร้ายฮูหยินข้านะ นางก็แค่สตรีตัวเล็กแค่นี้ บุรุษเช่นพวกเจ้าก็ดีแต่ใช้กำลังรังแก”
ชิงลี่เอ่ยจบก็เดินมายืนขนาบข้างผู้เป็นนาย พร้อมกับตั้งท่าจะดึงเอาร่างเล็กนี้ออกจากอ้อมแขนของบุรุษหน้าโหดผู้นี้ด้วย แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินถ้อยคำเปล่งออกมา
“ข้าจูบฮูหยินข้ามันผิดตรงไหน” ฉางอี้พูดขึ้นทันที พร้อมกับใช้มือดันหัวสาวใช้คนสนิทของมู่อันอันออกไป
“มันก็แค่ละครมิใช่หรือ คนของเจ้าบอกเช่นนั้น ข้าถึงยอมให้แอบอ้าง ยามนี้ท่านอ๋องจากไปแล้ว ละครก็ควรจบสิ” เป่ยอวี้เปล่งเสียงแข็ง และเดินตรงเข้ามาหาด้วย
“นั่นสินายท่าน ไยถึงบอกว่านางเป็นฮูหยิน ฮูหยินก็อยู่ที่จวนจะใช่ท่านหมอได้อย่างไรกัน” คนสนิทรีบเอ่ยเสียงเบา เพราะดูท่าผู้เป็นนายคงเข้าใจอะไรผิด
“หึ! ข้าเข้าใจผิดหรือเปล่าคงต้องถามซือฮู..” ฉางอี้มิสามารถพูดถ้อยคำอื่นต่อได้อีก เพราะมือเรียวขาวยกขึ้นปิดปากเอาไว้เสียก่อน
“พวกเจ้ากลับไปทำงานเถอะ พี่เป่ยอยู่ก่อนนะ” นางหันกลับมาสั่งคนงานจนกระทั่งเหลือแค่คนที่สนิท
ก่อนจะเดินเข้าเรือนพักของเขาหน้าตาเฉย คนสนิททั้งสี่จำต้องเดินตามเข้ามา รวมถึงร่างแม่ทัพหนุ่มด้วย
“ข้าน้อยมิอยากให้ผู้ใดรู้ฐานะที่แท้จริง จะทำให้การรักษาลำบากขึ้น หากท่านแม่ทัพรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้า ก็มิควรจะเปิดเผยนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นฐานะท่านก็จะถูกเปิดเผยเช่นกัน” เอ่ยจบก็รินชาขึ้นดื่ม
“เอ๋!..ฮูหยินเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าคนผู้นี้คือท่านแม่ทัพหรือเจ้าคะ” ชิงลี่เอ่ยพร้อมกับยกนิ้วขึ้นชี้ ก่อนจะนึกได้ว่ามิควร นางจึงใช้อีกมือจับมันกดลง แล้วถอยไปยืนหลบหลังเป่ยสวี่ ซึ่งมีสีหน้าเหวอมิต่างกัน
ส่วนคนสนิทของฉางอี้ก็ได้แต่ยืนอ้าปากหวอ มิคิดว่าสตรีตัวน้อยผู้นี้จะกลายมาเป็นฮูหยินผู้เป็นนายที่แต่งเข้ามาเมื่อเกือบสี่ปีก่อน เพราะเด็กสาวผู้นั้นหาได้มีความเฉลียวฉลาดและเก่งกาจเช่นนี้มิ
“เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเป็นข้า มิน่าถึงมิตำหนิที่ข้าทำเช่นนี้” เสียงทุ้มลื่นหูเปล่งออกมา
นัยน์ตาก็จ้องมองใบหน้าหวานของภรรยาราวกับกำลังสำรวจ เพราะปกติเขาจะมิใช่สายตาเช่นนี้กับใคร มันเริ่มตั้งแต่สามวันก่อนที่เขาแอบเข้าจวนตนเอง นั่นแหละถึงได้รู้ว่าสตรีตรงหน้าคือฮูหยินที่เขาปล่อยทิ้งเอาไว้ เพราะตั้งแต่เปิดโรงหมอที่นี่นางก็มิค่อยได้กลับจวนนัก
แต่เผอิญวันนั้นฉางอี้เกิดสงสัยที่อีกฝ่ายออกจากเรือนไปในยามดึก จึงได้ตามออกไปดู ถึงได้เห็นว่าฮูหยินตนแอบออกมาใช้ชีวิตข้างนอกนานแล้ว
“วันแรก” ตอบออกมาหน้าตาย ก่อนจะแกะถั่วบนจานกินโดยมิตื่นกลัวสามีแม้แต่น้อย
“วันแรก!!” เป็นเสียงของทั้งสี่ที่เปล่งออกมาพร้อมกัน
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า” ฉางอี้ถามในสิ่งที่เขาสงสัย และคนรอบข้างก็คงมิต่างกันนัก ตอนนี้เลยขยับเข้ามาอีก
“ทีแรกก็มิมั่นใจเจ้าค่ะ ตอนท่านแม่ทัพจับแขนข้าน้อยมันหยาบกระด้าง คงเพราะจับดาบมานาน แต่มั่นใจมากขึ้นก็ตอนเห็นแผลบนตัวแล้วก็..กลิ่น”
“กลิ่น? กลิ่นอะไรเจ้าค่ะ” ชิงลี่ชะโงกหน้ามาถามทันที ซึ่งฉางอี้เองก็แปลกใจและรอฟังคำตอบเช่นกัน
“ก็กลิ่นเหงื่อกลิ่นตัวพวกนี้แหละ วันแต่งงานท่านแม่ทัพมาถึง ก็คงถูกจับแต่งตัวเข้าพิธีเลยกระมัง พอเสร็จถึงได้เหนื่อยล้าทิ้งตัวนอนคว่ำหน้าทั้งอย่างนั้น” เอ่ยจบก็รินชาขึ้นดื่มอีก เพราะกินถั่วจนคอแห้ง
“หึ! เก่งนี้จำได้แม้กระทั่งกลิ่นเหงื่อของสามี มิเสียแรงที่ข้าแต่งเจ้าเข้ามา อย่างน้อยก็ยังพอใช้งานได้” อีกฝ่ายเอ่ยเหมือนจะชม แต่มันปะปนเสียงหยันมากกว่า
“นี่ท่านแม่ทัพข้าเป็นคนนะ มิใช่สุนัข จะได้เลี้ยงเอาไว้ช่วยงาน” มือขาวตบลงบนโต๊ะ พร้อมกับยืนจ้องหน้าอีกฝ่าย จนเหล่าคนสนิทต่างก็พากันตื่นกลัวแทน เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร มิเว้นแม่แต่คนของฉางอี้
“หึ! ตบอีกสิ ข้าอยากเห็นว่าเจ้ามีแรงแค่ไหน” แม่ทัพหนุ่มยังคงยั่วยุคนตัวเล็ก เมื่อเห็นท่าทีขึงขังของนาง และแก้มเนียนที่มันขึ้นสีเรื่อเพราะอารมณ์ที่มันกำลังคุกรุ่น
“ชิ! ใครจะโง่ทำตัวเองเจ็บกันล่ะ” ว่าแล้วก็ยกปลายเท้าเตะที่หน้าขาอีกฝ่ายแรงๆ แล้วก็วิ่งออกจากห้องไปด้วยความเร็ว ทำเอาสองคนสนิทต้องรีบวิ่งตามทันที เมื่อเห็นสีหน้าของแม่ทัพหนุ่มที่ดูเหมือนอารมณ์จะขึ้นแล้ว
“ให้ตามหรือเปล่าขอรับ” จางเฉิงเอ่ยถามทันที
“มิต้อง นางเป็นคนของข้า จะหนีไปไหนได้” น้ำเสียงนั้นหาได้เจือปนความโกรธมิ ทำเอาสองหายต้องหันมองหน้ากันอย่างงงๆ เพราะปกติผู้เป็นนายจะมิยอมใคร
“มิน่าเชื่อว่านางจะเป็นฮูหยินนายท่านจริงๆ ก็ว่าแปลกๆ เหตุใดนางถึงมิมีท่าทีรังเกียจท่านเลย ยามที่เขาใกล้ก็มิได้ทำตัวเหินห่างเช่นยามที่อยู่กับบุรุษอื่น เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าท่านแม่ทัพคือสามีนี่เอง” กวนถงเอ่ยในสิ่งที่คิด แต่พอหันกลับมาก็ได้เห็นสายตาของผู้เป็นนาย ที่มองมาอย่างคาดโทษ “มีอะไรหรือขอรับ”