บท
ตั้งค่า

5. สตรีหน้าเลือด

“เดี๋ยวต้องตรวจดูก่อนว่าของเราพอหรือไม่ ข้าน้อยขอตัวนะเจ้าคะ” เอ่ยจบก็เดินออกมา ทำเอาคนที่ตั้งท่าจะพูดอีกถึงกับหุบปากลง

“เชิญขอรับนายท่าน ข้าน้อยจะพาไปที่พัก”

ฉางอี้เดินตามคนงานไปจนถึงเรือนพัก เมื่อมิมีคนนอกแล้วคนสนิทจึงเอ่ยขึ้น

“สตรีผู้นี้ดูท่าคงพึ่งเลยวัยปักปิ่นมามินาน เหตุใดนางถึงได้รู้เรื่องการรักษามากเพียงนี้” จางเฉิงเอ่ยในสิ่งที่ตนสงสัย แต่คำของผู้เป็นนายที่กล่าวหาใช่เรื่องเดียวกันไม่

“นางเป็นฮูหยิน แสดงว่าแต่งงานแล้ว” น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาและปะปนความผิดหวังจนคนสนิทถึงกับฉงน

“ไยนายท่านถึงเอ่ยเช่นนี้ คงมิได้พอใจสตรีผู้นี้หรอกนะ” จางเฉิงได้แต่คิดในใจ

ในขณะนั้นกวนถงก็กลับเข้ามา พร้อมกับรายงานเรื่องด่วนให้ผู้เป็นนายได้รู้ ฉางอี้จึงรีบอาบน้ำแต่งตัวไปเข้าเฝ้า ใบหน้าที่มีหนวดเคราก็เพียงแต่ถูกเลมออกเล็กน้อย ให้ดูสะอาดตาเท่านั้น เพราะเขายังต้องใช้มันปิดบังใบหน้าที่แท้จริงอยู่ ก่อนจะเดินทางไปพบใครบางคน

โดยมีสายตาเจ้าของโรงหมอยืนมองอยู่บนชั้นสอง จนทั้งสามออกไปพ้นเขตเรือนทางด้านหลัง ซึ่งเปิดให้ใช้เฉพาะแขกที่มาพัก หรือคนไข้ที่ต้องการเส้นทางลัด มิต้องเดินกลับเข้ามาฝ่าฝูงชนที่เดินอยู่บนถนนหน้าตลาด

“ฮูหยินคนกลุ่มนี้เป็นใครกันเจ้าคะ ทำไมดูมิคุ้นหน้าเลย บาดแผลก็เต็มตัวไปหมดน่ากลัวยิ่งนัก มิน่าให้พักที่นี่เลย เกิดวันดีคืนดีเขาปล้นเราจะทำเช่นไร” ชิงลี่เอ่ยขึ้นอย่างกังวล มู่อันอันนึกขำกับท่าทางตื่นกลัวของพี่เลี้ยง ที่หวาดวิตกอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่มือขาวจะส่งถุงผ้าให้

“ถ้าเขาจะปล้นคงมิจ่ายเงินมากเพียงนี้หรอก เก็บเอาไว้จ่ายค่าเช่านะ” เอ่ยจบก็เดินลงมาด้านล่าง

ซึ่งเป็นส่วนหน้าร้านมีลุงเหวินคอยดูแลจัดการยามที่ลูกค้าเข้ามา ที่นี่มีคนงานอยู่ห้าคนรวมกับมู่อันอันที่เป็นหมอรักษาอยู่ก็เท่ากับหกคน

ชิงลี่วิ่งตามลงมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มันกว้างจนเกือบจะถึงหูอยู่แล้ว ทำเอาคนงานในร้านต่างก็พากันสงสัยในท่าทีนี้ “ชิงลี่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” เป่ยสวี้เอ่ยถามทันที ก่อนจะมองมายังผู้เป็นนายที่ส่ายหัวยิ้มบางๆ แล้วเดินออกไปทางหลังร้าน

“เราได้ค่าเช่าร้านแล้วน่ะสิ พอจ่ายได้อีกห้าเดือนเชียวแหละ แบบนี้ก็มิต้องกังวลแล้ว” น้ำเสียงของชิงลี่นั้นเต็มไปด้วยความสุข ทำเอาคนงานที่นี่ต่างก็พากันยิ้มดีใจ เพราะก่อนนั้นร้านยาแห่งนี้รายได้มิค่อยดีนัก

แม้ว่าจะมียาที่ดีและรักษาโรคได้หายเร็วกว่าที่อื่น แต่ก็ยังมิเป็นที่รู้จักของชาวเมือง เพราะพึ่งเปิดได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ผู้คนจึงยังมิเชื่อใจที่จะมารักษากับหมอที่เป็นสตรีด้วย จึงทำให้รายได้มิพอกับค่าเช่า

“มิคิดว่าเจ้าสามหนุ่มนั้นจะตกหลุมพลางท่านหมอเช่นนี้ คงเป็นพวกต่างถิ่นจึงมิรู้ว่าปกติต้องจ่ายเท่าไหร่”

“แน่นอนอยู่แล้วลุงเหวิน ฮูหยินของข้าเฉลียวฉลาด หลอกล่อคนเก่งจะตาย” ชิงลี่เอ่ยชม

“นี่เจ้าชมท่านหมอแน่นะชิงลี่ ข้าฟังดูเหมือนเจ้าว่าท่านหมอเจ้าเล่ห์ฉลาดใช้กลโกงอย่างไรมิรู้” เสี่ยวหม่าคนงานที่คอยดูแลทำความสะอาดออกความคิดเห็นบ้าง

“ก็ชมน่ะสิ” ว่าแล้วชิงลี่ก็มุ้ยปากใส่อีกฝ่ายซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกัน 

เป่ยสวี่แยกตัวเดินออกมาหาคนที่นั่งอยู่ศาลากลางสวน เขานั่งลงตรงกันข้ามก่อนจะรินชาให้มู่อันอัน “บุรุษสามคนนั้นยอมจ่ายมากถึงเพียงนี้เลยหรือขอรับ แล้วเราจะจะต้องระวังภัยหรือไม่” สีหน้าของเขาดูเป็นกังวลอยู่มาก เพราะสามคนนี้มิคุ้นหน้าเลยจึงเกรงว่าจะมิหวังดี

“คงมิจำเป็นหรอก ว่าแต่ของที่ข้าสั่งล่ะ” บอกปัดเรื่องที่อีกฝ่ายถาม แล้วก็เอ่ยถึงสิ่งที่ตนสั่งงานไป

“นี่ขอรับ” มือเรียวยื่นห่อยาให้ผู้เป็นนาย ซึ่งเป็นดั่งเทพธิดาที่มอบชีวิตใหม่ให้เขา เป่ยสวี่จึงจงรักภักดีต่อมู่อันอันมาก เพราะเมื่อสามปีก่อนเขาเกือบตายไปแล้ว หากมิได้นางขจัดพิษให้ก็มิมีชีวิตมาถึงวันนี้

“ได้มาเยอะเชียว” ยิ้มหวานเผยออกมาเมื่อเห็นสิ่งที่ตนต้องการ ทำเอาผู้ที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับหูแดง ราวกับว่าสตรีตรงหน้ากำลังยิ้มให้เขาเสียอย่างนั้น

“นายหญิงจะเอามาทำสิ่งใดขอรับ”

“พี่เป่ยเคยได้ยินเรื่องเผ่าราอูหรือไม่” เสียงหวานถามอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าเคยเป็นนักฆ่ามาก่อน น่าจะรู้เรื่องนี้ดี เพราะบางทีคนเหล่านี้ก็มักจะใช้พิษผสมกับอาวุธด้วย ถามแล้วก็จ้องหน้ากดดันเอาคำตอบ

“ขอรับ แต่ก็เป็นเรื่องเมื่อสามสิบปีก่อน ได้ยินว่าฮ่องเต้สมัยนั้นสั่งกวาดล้างจนสิ้น จึงมิมีคนพวกนี้อีก”

“ไม่หรอก พี่จำตอนที่ข้ารักษาลุงเจิ้นได้หรือไม่ ครานั้นมือของเขาถูกพิษจนต้องตัดแขน ข้าตรวจดูแล้วมันมีส่วนผสมของดอกไร้เกษร ซึ่งเป็นพืชที่มีพิษชนิดหนึ่ง ต้นกำเนิดมาจากเผ่าราอูนี่แหละ ถ้าถูกทำลายจริงพืชพวกนี้จะมีขึ้นมาอีกได้เยี่ยงไร คนที่ปลูกต้องรู้ว่ามันสามารถขึ้นได้ที่ไหนและสภาพอากาศเช่นไรถึงจะปลูกได้”

“นี่ท่านหมอจะบอกว่า” เป่ยสวี่หยุดเสียงลง เมื่อเห็นคนที่พักอยู่เรือนด้านในกลับเข้ามา ซ้ำยังมุ่งหน้าตรงมามิเข้าเรือนอย่างที่ควรจะเป็น

มู่อันอันนั่งนิ่งเมื่อรับรู้ถึงเสียงฝีเท้าด้านหลัง ซึ่งมิกี่อึดใจคนผู้นั้นก็มายืนอยู่ต่อหน้า

“ข้าคงมิได้มาขัดขังหวะท่านหมอกับสามีกระมัง” คนมาใหม่เอ่ยเหน็บเสียงเรียบ ทำเอาคนฟังถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันทันที เพราะมิเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายหมายถึง ต่างจากอีกคนที่นั่งยิ้มนึกขันกับสายตาของบุรุษผู้นี้ ที่เข้าใจผิดไปเรื่อยคิดว่าลูกน้องของตนคือสามีของนาง

“นี่เจ้าหมายถึงใคร ผู้ใดเป็นสามีใคร” เป่ยสวี่ถามทันที

“อ้าว ก็เจ้ามิใช่หรือสามีท่านหมอ” กวนถงย้อนกลับ

“พูดจาเลอะเทอะ หากผู้อื่นมาได้ยินท่านหมอก็เสียหายแย่น่ะสิ ข้าเป็นเพียงแค่คนงานที่นี่ จัดการธุระให้ผู้เป็นนายก็เท่านั้น” ร่างสูงของเป่ยสวี่ลุกขึ้น พร้อมกับชี้หน้าทั้งสามจนมู่อันอันต้องลุกขึ้นมาห้ามทัพ โดยใช้มือวางบนแขนคนของตนเพื่อให้เขาเย็นลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel