บทที่ 4 ตามล่า
รองประธานกรรมการบริหารคนใหม่ มาเพียงชื่อบนหน้ากระดาษในแฟ้มเอกสารของคณะกรรมการผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน รองประธานคนใหม่ชื่อ นายธัญยธรณ์ วิริยะกุล หลานชายคนเดียวของนายแพทย์ผดุงเดช วิริยะกุล
“ผมขอฝากรองประธานคนใหม่ให้ทุกท่านช่วยแนะนำงานกับเขาด้วยนะครับ วันนี้เขามาแต่ชื่อ วันหน้าจะมาสวัสดีทุกท่านด้วยตัวเอง ทุกคนอาจยังไม่รู้จักหลานชายผมแต่ท่านประธานรู้จักดีเพราะเป็นเพื่อนกัน ใช่มั้ยครับท่านประธาน”
ผดุงเดชรู้เรื่องของเอกภพมาโดยตลอด ทั้งดีและไม่ดีแต่ไม่เคยสนใจหรือเก็บมารวมกับการทำงานของชายหนุ่ม เอกภพเริ่มบริหารงานแต่ไม่เป็นไปตามแนวคิดของผู้บริหารทั้งหมด เขาเป็นชายหนุ่มไฟแรงก็จริงแต่คิดถึงแต่ผลประโยชน์เข้ามาเท่านั้น ไม่ใช่บริการเพื่อมนุษยชน
สาเหตุนี้ ผดุงเดชจึงให้ธัญยธรณ์เข้ามาแทนเขาและเขาขอทำงานในหน้าที่หมอของรัฐอย่างเต็มที่แต่คอยติดตามข่าวโรงพยาบาลอิสราเวชอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ผดุงเดชรับรู้กับคนสนิทในโรงพยาบาลว่า นายแพทย์วิภาส เสียชีวิตด้วยการผูกคอตัวเองซึ่งการเสียชีวิตครั้งนี้มีเงื่อนงำบางอย่างบอกให้คนสนิทรู้ว่า นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรม ไม่คิดฆ่าตัวตาย
ประภาศรีห้ามน้ำฟ้าเข้าใกล้สถานที่เกิดเหตุ จึงดึงตัวเพื่อนกลับมาห้องพักพยาบาลเพื่อให้สงบสติอารมณ์ซึ่งอารมณ์นั้นคืออะไร ความโกรธ เสียใจและสงสัยอยู่ในตัวน้ำฟ้าทุกอย่าง เพื่อนอย่างประภาศรีงุนงงกับความแรงของน้ำฟ้า
“ห้ามไปที่นั่น ตอนนี้ตำรวจกำลังทำหน้าที่ของเขา สรุปว่าอาจารย์หมอฆ่าตัวตาย”
“ฉัน...”
น้ำฟ้าพูดไม่ออก ความจริงบางอย่างเก็บซ่อนอยู่ในใจมิดชิด บอกเพื่อนสนิทไม่ได้ ทำไมจึงไม่บอก ก็ตอบตัวเองไม่ได้ ไม่ไว้ใจเพื่อนอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่อีกเช่นกันแล้วถ้าอย่างนั้นเพราะอะไร ทำไมจึงไม่เปิดปากบอกเพื่อนไปว่า หล่อนเห็นคนกลุ่มหนึ่ง ออกมาจากห้องเก็บของและเสียงของคน ๆ นั้น ออกคำสั่ง...ใช่สิ คน ๆ นั้น
“ท่านประธาน...”
“อะไรของแกน้ำ ท่านประธาน ทำไม”
เมื่อหลุดคำออกมา ประภาศรีสงสัยทันที น้ำฟ้าเอ่ยถึงท่านประธานขึ้นมาลอย ๆ ใบหน้าสวยแต่งเติมเครื่องสำอางพองดงาม กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เปล่า ท่านประธานว่าไง”
“ไม่รู้เรื่องการฆ่าตัวตาย ให้ตำรวจสืบสวนต่อไป ถ้าอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับงานในโรงพยาบาลของอาจารย์หมอ ก็ถามทุกคนได้ ว่าอย่างนั้น”
ความสงสัยผุดขึ้นมาในสมองของน้ำฟ้า ท่านประธานตอบอย่างนั้นจริงหรือ ในเมื่อเขาอยู่ในเหตุการณ์ ก่อนจะมีการเสียชีวิตของแพทย์อาวุโส ท่านประธานไม่รู้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเป็นคน...
“ฉันไปทำงานก่อนนะศรี”
หล่อนจะไม่เล่าหรือบอกใครทั้งนั้นจนกว่าจะแน่ใจว่าท่านประธานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของหมอวิภาส ประภาศรีก็ให้รู้ไม่ได้ ความลับครั้งนี้จะอยู่กับหล่อนต่อไป
“เดี๋ยวน้ำ แกรู้อะไรมา”
“เปล่า ไม่รู้อะไร”
“ทำไมถึงจะไปห้องเก็บของ ใครบอกแกว่าอาจารย์หมอเสียที่นั่น”
คำคาดคั้นของเพื่อนสาว สะกิดใจน้ำฟ้าจนต้องหันมาจ้องหน้าเพื่อนรัก ประภาศรีสบตาไม่หลบ หล่อนต้องการทราบความจริง ไม่มีสิ่งใดแอบแฝงอยู่ในคำถามนั้นแต่น้ำฟ้ากลัว..เริ่มกลัว..กลัวอะไรก็ตอบไม่ได้ในวินาทีนี้
“ยามคุยกัน ได้ยินว่าห้องเก็บของ พอแกบอกก็เลยเข้าใจว่าต้องเป็นที่นั่น”
“อ๋อ.นึกว่าแกมีญาณทิพย์ซะอีก ฉันจะได้ให้นั่งทางในช่วยถามอาจารย์หมอ ว่าฆ่าตัวตายทำไม อึดอัดเรื่องอะไรนักหนาถึงต้องทำร้ายตัวเองยังงี้”
“นั่นสิ ฉันก็อยากรู้ ฉันไปทำงานก่อนนะ ถ้ามีข่าวคืบหน้า ก็บอกฉันด้วย”
“อือ.ห้ามไปที่นั่นล่ะ ตำรวจยังอยู่ เดี๋ยวแกจะซวย ถูกเรียกสอบอีกคน”
ประภาศรียังคงเป็นห่วงเพื่อน ตัวหล่อนถูกเรียกสอบปากคำไปแล้วในช่วงเช้า ทุกคนในโรงพยาบาลถูกเรียกเช่นกัน ไม่มีใครรู้หรือเห็นหมอวิภาสเป็นครั้งสุดท้าย คนที่เห็นก็ตอบตรงกันว่า
“เห็นเดินออกไปก็ไม่กลับเข้ามาอีกคิดว่ากลับบ้านไปแล้วครับ”
ตำรวจรอผลชันสูตรศพจากโรงพยาบาลตำรวจ หากไม่พบสิ่งผิดปกติก็สรุปสำนวนว่า ฆ่าตัวตาย ระหว่างนี้ น้ำฟ้าต้องไม่เข้าไปที่ตรงนั้น
“ศรี แกเห็นอาจารย์หมอมั้ย..ก่อนจะเสีย”
นอกจากตัวเองแล้ว ใครเห็นหมอวิภาสบ้าง น้ำฟ้าอยากรู้ ประภาศรีส่ายศีรษะเร็ว ๆ
“ไม่เห็นเลย คนอื่นก็เห็นเดินออกไปแล้วก็ไม่กลับมา เห็นยังงั้นทุกคนคิดว่ากลับบ้านไปแล้ว ก็เลยไม่มีใครสนใจ มันดึกแล้วนี่”
“อือ..”
เพื่อนไม่เห็นเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ หล่อนเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้นเป็นเพราะอย่างนี้ คืนนี้หล่อนจึงถูกตามล่า..ใช่..ตามล่า หล่อนกำลังถูกตามล่า...