Chapter 5 : หนี!!!!(NC20 )
ทางด้านเจ้านางละอองดาว เมื่อกระฟัดกระเฟียดลงเรือนใหญ่มาแล้ว ก็รีบวิ่งไปหาคำปูจู้บ่าวคนสนิทที่โรงครัวทันที
"คำปู้จู้ คำปู้จู้ กินข้าวเสร็จละยัง? มาหาเฮาบัดเดี๋ยวนี้เน้อ" ทำท่าทางกระซิบกระซาบกวักไม้กวักมือ
"เจ้า..เจ้านาง ข้าเจ้ากินเสร็จแล้วเจ้า กำลังจะไปล้างขันโตกเจ้า"
"เช่นนั้น ก็รีบ ๆ จัดการเถิด แล้วมาพบเฮาที่ศาลาท่าน้ำเน้อ ชวนอ้ายคำแสนมาด้วยหนา เฮามีเรื่องสำคัญอยากจะปรึกษา"
"เรื่องอันใดเจ้านาง? เร่งด่วนขนาดต้องคุยกันตอนดึกตอนดื่นเลยรือเจ้า?"
"ใช่น่ะสิ เฮาจะไปรอสองคนที่ศาลาท่าน้ำเน้อ รีบ ๆ เข้าหนา เฮาร้อนใจ"
"เจ้า..เจ้านางน้อยข้าเจ้าจะเร่งบัดเดี๋ยวนี้เจ้า"
.....
ศาลาริมน้ำ
สองบ่าวเร่งฝีเท้ามาที่ศาลาท่าน้ำตามคำบอกของเจ้านางละอองดาว คำปู้จู้แค่บอกคำแสนว่า ต้องการพบที่ศาลาท่าน้ำ คำแสนก็ตกลงทันที โดยไม่ถามต่อความยาวสาวความยืดแต่อย่างใด
"เจ้านาง ข้าเจ้ากับอ้ายคำแสนมาแล้วเจ้า"
"มากันแล้วรือ? .. คำปู้จู้ อ้ายคำแสน เฮาจะหนีออกจากคุ้ม หมู่สู (พวกเธอ) เห็นด้วยหรือไม่?"
"เจ้านาง!!!!!..เจ้านางเปล่งวาจาอันใดออกมาเจ้า? จะหนีออกไปทำไมกันเจ้า? ข้าเจ้าใคร่อยากจะรู้เหตุผลเจ้า?"
"ก็เจ้าพี่..พระยาศรีพิพัฒน์น่ะสิ จะมาตบแต่งให้เฮาไปเป็นอนุ เฮาไม่อยากแต่งงานกับเจ้าพี่ หรือใครทั้งนั้น เฮาอยากมีชีวิตที่เป็นของเฮาเอง .. คำปู้จู้ อ้ายคำแสน ช่วยพาเฮาหนีทีเถิด"
"โธ่..เจ้านาง จ้านางน้อยของคำปู้จู้" ได้ยินเช่นนั้น หัวใจของคำปู้จู้ก็กระตุกวูบสงสารเจ้านางน้อยผู้เป็นนายเหลือเกิน ความรักที่เจ้านางน้อยมีให้กับพระยาศรีพิพัฒน์แม้จะไม่วันเปลี่ยนแปลง แต่ก็มิอาจเป็นเบี้ยล่างให้ใครได้ เจ้านางวาดฝันเรื่องงานแต่งกับพระยาศรีพิพัฒน์มาตั้งแต่เด็ก
แต่พอถูกพระยาศรีพิพัฒน์ปฏิเสธ เจ้านางก็มิอาจทำใจให้ไปเป็นอนุได้ คำปู้จู้จึงเห็นใจผู้เป็นนายสาวอย่างมากตัดสินใจที่จะหนีไปพร้อมกับเจ้านางทันที
"คำปู้จู้ไปเก็บเสื้อผ้า บัดเดี๋ยวนี้เลยเน้อ เฮาจะไปคืนนี้เลย"
"เจ้า เจ้านางน้อย"
"อ้ายคำแสนล่ะว่าจะได?" หันไปถามคำแสนที่นั่งฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ
"ขอรับ กระผมจักเป็นคนนำพาเจ้านางน้อยหนีเองขอรับ"
"ขอบอกขอบใจอ้ายคำแสนมากเน้อ..บุญคุณครั้งนี้เฮาจักไม่ลืมเลยหนา"
"มิถือว่าเป็นบุญคุณขอรับเจ้านางน้อย กระผมทำด้วยความเต็มใจยิ่งขอรับ เจ้านางจักไปที่ใด กระผมจักคอยติดตามเจ้านางไปทุกที่ขอรับ"
"อ้ายคำแสน เฮาซึ้งใจนัก เฮาจักตอบแทนบุญอ้ายคำแสนแน่นอน" น้ำตาแห่งความยินดีเอ่อล้นไหลอาบแก้ม
...
สองชั่วยามผ่านไป
เมื่อบ่าวไพร่และเจ้าพ่อเจ้าแม่เข้านอนหมดแล้ว สามนายบ่าวได้แอบลอบออกจากคุ้มอย่างเงียบๆ ด้วยการเดินเท้า เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ มีการนำทางโดยคำแสน คำปู้จู้เตรียมเสื้อผ้าพอประมาณ และอัฐ (เงิน) ที่เจ้านางเก็บไว้ติดตัวไปด้วย คืนนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำพอดีดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงเปล่งประกาย ทำให้ตลอดทางเดินมีแสงจันทร์คอยนำทาง ตามถนนหนทางจึงไม่มืดมากนัก
ส่วนทางด้านเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ เมื่อออกมาจากคุ้มเจ้าพระยา นาสมมาก็แวะร้านสุราข้างทางเสียหน่อยเพื่อปลดปล่อยความคิดที่ฟุ้งซ่าน ผ่านไป 1 ชั่วยามจึงขึ้นเกวียนกลับคุ้มของตนเอง เมื่อมาถึงคุ้มก็รีบจัดแจงอาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวเข้านอน แต่ภาพในหัวก็มิอาจสลัดใบหน้าและรอยยิ้มของเจ้านางละอองดาวออกไปได้
ผลักประตูห้องนอนเข้าไป เจอเจ้านางเพียงฟ้านอนหลับไหลอยู่ก็ค่อยๆย่างกายขึ้นเตียงนอนอย่างแผ่วเบาที่สุด แต่ร่างกายเจ้ากรรมเมื่อคิดถึงเจ้านางละอองดาวขึ้นมาก็เกิดกำหนัดขึ้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เจ้านางเพียงฟ้าพลิกตัวหันหน้ามาทางพระยาศรีพิพัฒน์พอดี ด้วยฤทธิ์สุราจึงมองเห็นใบหน้าอันแสนงามนี้ เป็นใบหน้าของเจ้านางน้อยละอองดาวที่กำลังวาดยิ้มให้ตนอยู่
"น้องนางของเจ้าพี่ มานอนอยู่ที่เอง"
"เจ้าพี่ กลับมาแล้วรือเจ้า?" เจ้านางเพียงฟ้าที่รู้สึกตัวเมื่อสามีขึ้นมาบนเตียง ลืมตาดู
"อืม!! พี่กลับมาแล้วน้องนางของพี่" มือหนาคว้าเอวร่างบางที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาแนบชิด จมูกโด่งชอนไชไปทั่วลำคอนวลระหงเพื่อสูดกลิ่นสาวงาม
"อ๊ะ!! เจ้าพี่ กลิ่นเหล้าหึ่งเลยเจ้า น้องเวียนหัวเจ้า เจ้าพี่ ดื่มเหล้ามาอีกแล้วรือเจ้า เจ้าพี่?"
"ใช่!!" ทุกครั้งที่ร่วมเสพสวาทร่วมกัน ไม่มีครั้งใดที่เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์จะไม่ร่ำสุราก่อนมาร่วมหลับนอนกับเจ้านางเพียงฟ้าเลยสักครั้ง ด้วยเพราะเป็นหญิงเรียบร้อย พูดน้อย จึงมิอาจพูดในสิ่งที่คิดได้ จำใจยอมให้ร่างแกร่งตักตวงความสุขจากตนไปอย่างไม่มีปากเสียง
ร่างแกร่งยังคงใช้จมูกชอนไช จูบประโลมร่างบางอย่างหิวกระหาย ปากนุ่มประกบเข้าที่ปากบางอย่างร้อนแรง ลิ้นสากล้วงเข้าปากร่างบางควานหารสชาติอันหอมหวานจากสาวงามอย่างดิบเถื่อน เหมือนรอคอยโอกาสนี้มานานแสนนาน ผ้าแถบคาดรัดอกสีฟ้าน้ำทะเลถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว สองเต้าปทุมถันเปลือยเปล่าเผยให้เห็นผิวขาวนวลละเอียด สองยอดปทุมถันชูชัน เย้ายวนอย่างน่าภิรมย์ยินดี สองมือของพระยา ศรีพิพัฒน์ บีบเค้นจนน้ำตาเจ้านางเพียงฟ้าไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
"อื้อ!!!.."
ใครว่าการเสพกามารมณ์จะสุขเหลือล้น คงมีแต่เจ้านางเพียงฟ้าเท่านั้นที่คิดว่าทรมานเหลือทน เนื่องจากพระยาศรีพิพัฒน์จะหยาบโลนแล้ว ยังดิบเถื่อนอยู่ไม่น้อย เวลาร่วมเสพสวาทด้วยกัน มักจะมีความรุนแรงแฝงอยู่เป็นนิจ มือหนาล้วงกลีบกุหลาบงามด้วยนิ้วเรียวใส่เข้าไปทีเดียวถึงสองนิ้ว
"อื้อ!!! เจ้าพี่ ข้าเจ้าเจ็บเจ้า"
"แค่นิ้วจะเจ็บอันใดนักหนา อ้าขาออกบัดเดี๋ยวนี้"
"บ่เอาเจ้า เจ้าพี่ ข้าเจ้าเจ็บ เจ้า อื้ออออ"
"อย่าดื้อกับพี่สิ น้องนางของพี่ เยี่ยงนั้นพี่ไม่ใช้นิ้วก็ได้ พี่จักใช้ความเป็นชายใส่เข้าไปแล้วหนา"
ผ้าซิ่นที่ใส่อยู่ของเจ้านางเพียงฟ้าหลุดลุ่ยไปตอนไหนแล้วก็ไม่รู้ลืมตาอีกทีพระยาศรีพิพัฒน์ก็เปลือยเปล่าแล้วเช่นกัน สิ้นเสียงพระยาศรีพิพัฒน์ ก็สอดใส่ความเป็นชายชาติทหารเข้ามาอย่างไม่ปรานีปราศรัย ความคับแน่นของพระยาศรีพิพัฒน์ ทำให้กลางกายลำตัวของเจ้านางเพียงฟ้าปวดร้าวไปหมดจนต้องร่นถอยหนี
"โอ้ย!!!! เจ้าพี่ ได้โปรดเถิดเจ้า ข้าเจ้าเจ็บเจ้า..ฮือๆๆๆ"
พระยาศรีพิพัฒน์ไม่ฟังเสียงยังสอดความเป็นชายใส่เข้าไปในกลีบกุหลาบงามอย่างไม่ลดละ
"เหตุใดมันแน่นเช่นนี้ อืมมมมม "
พระยาศรีพิพัฒน์ขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้าๆ ถอดถอนความเป็นชายออกจากกลีบกุหลาบงาม จากนั้นสอดใส่อีกครั้ง ใส่ได้แค่ครึ่งลำก็ถอดสอดใส่ใหม่ ทุกครั้งการสอดใส่ก็ลงแรงกดสะโพกเข้าไปด้วย
เจ้านางเพียงฟ้าเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส ทุกครั้งที่กลางกายลำตัวถูกจู่โจม ความเจ็บแสบก็เข้ามาแทนที่ความสุขสม น้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็ไหลอาบสองตา
"โอ้ย เจ้าพี่ โอ๊ยยยย..ได้โปรดหยุดเถิดเจ้าพี่ โอยยยย ฮือๆๆๆ"
อาจเป็นเพราะป่วยออดๆแอดๆจำต้องกินยามาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เจ้านางเพียงฟ้าแทบไม่มีอารมณ์ทางกามารมณ์เลย ทุกครั้งที่ร่วมเสพสวาทกับพระยาศรีพิพัฒน์ เจ้านางจึงจำต้องฝืนใจเป็นอย่างมาก แม้จะรักพระยาศรีพิพัฒน์มากเพียงใด แต่เรื่องนี้นางขอพระยาศรีพิพัฒน์ตั้งแต่แต่งงานแล้วว่ามิอาจทำให้พระยาศรีพิพัฒน์มีความสุขได้ พระยาศรีพิพัฒน์เข้าใจนาง แต่ทุกครั้งที่ร่ำสุรา ก็จักต้องมาตักตวงสวาทจากนางทุกคราไป
"เจ้าพี่!!! เจ้าพี่พอบัดเดี๋ยวนี้เจ้า"
กำปั้นน้อยทั้งทุบทั้งตี ก็มิอาจเป็นผล
"จักหนีไปไหนหา????"
เมื่อร่นหนี ก็ถูกดึงสองขาลงมาอย่างรวดเร็ว ปากหนาประกบปากบางดูดดื่ม ซ้ำกัดลิ้นเจ้านางด้วยความหมั่นเขี้ยว จนเลือดออก
"อื้อ!!!!.."
มือเรียวผลักพระยาศรีพิพัฒน์ออก เช็ดเลือดที่ปาก
"เจ้าพี่!!! ข้าเจ้าเจ็บเจ้า"
พระยาศรีพิพัฒน์ยกยิ้มที่มุมปาก สายตาท้าทาย
"เท่านั้นยังน้อยไปหนาน้องนางของพี่ มานี่เถิด มามีความสุขร่วมกันเถิดหนา"
สิ้นเสียงก็จับขาสองข้างของเจ้านางเพียงฟ้าฉีกออกกว้างแทบจะ 160 องศา สอดใส่ความเป็นชายเข้าไปจนสุดลำ
"กรี๊ดดดด!!!!เจ้าพี่ เอาออกไป ข้าเจ้าเจ็บ โอ๊ยยยยยย ฮือๆๆๆ"
"ส่งเสียงออกมาเถิดหนา เยี่ยงนี้แล ที่เจ้าพี่ชอบ อาาาาา"
"เจ้าพี่ ได้โปรด ฮือๆๆๆ"
สะโพกหนากระแทกสะโพกบางจนร่างเจ้านางเพียงฟ้ากระตุกตามแรงที่ถูกกระแทก ปากหนาทั้งดูดทั้งกัดบนร่างบาง จนเจ้านางเพียงฟ้าร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ทุกการสอดใส่ขยับเข้าและออก ช่างเป็นความทรมานที่ไม่อาจจะทนได้ เนื่องจากกลีบกุหลาบงามมิได้มีน้ำผึ้งมาหล่อลื่น ถึงมีก็มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ปะทะกับความเป็นชายที่อลังการใหญ่ยักษ์ที่มีกำหนัดเต็มที่แล้ว ทำให้เจ้านางเพียงฟ้าถึงกับรับแทบไม่ไหว
พระยาศรีพิพัฒน์ แม้จะเจ็บแสบในความเป็นชายตรงแกนกลางลำตัวของตน แต่ด้วยความต้องการที่จะปลดปล่อยกำหนัด จำต้องกัดฟันสอดใส่ เพราะหากคืนนี้มิได้ปลดปล่อยแล้วไซร้ เขาอาจจำต้องลงแดงตายเป็นแน่แท้
"อดทนอีกนิดเถิด น้องนางละอองดาวของพี่ อ๊าาาา!!!!" ถึงจุดหมายปลายทางสวรรค์พลันก็เอ่ยชื่อเจ้านางละอองดาวออกมาอย่างลืมตัว
"เจ้าพี่!!!! เจ้าพี่เอ่ยนามผู้ใดออกมากัน?" ฝ่ามือเรียวฟาดเข้าไปที่แก้มขวาอย่างแรงด้วยความโมโห เสพสุขร่วมรักกับตนอยู่แท้ๆ แม้จะทรมานทางร่างกายมากเพียงใด ก็มิเจ็บปวดเท่าหัวใจที่ถูกพระยาศรีพิพัฒน์ย่ำยี ด้วยการที่เปล่งวาจาเรียกขานเอ่ยนามสตรีอื่นเช่นนี้ สติของพระยาศรีพิพัฒน์กลับมาทันที มองหน้าผู้ที่อยู่ใต้ร่างด้วยความตกใจ
"เจ้านางเพียงฟ้า!!"
"ใช่เจ้า!!!!ข้าเจ้าเอง แต่เมื่อกี้เจ้าพี่ เรียกขานนามสตรีนางใดเจ้า? เจ้าพี่!!"
"พี่.."
"เจ้าพี่ ใจร้ายขนาดเจ้า!! เจ้าพี่ทำกับข้าเจ้าแบบนี้ได้เยี่ยงไรกันเจ้า!!? เจ้าพี่จักมีกี่เมีย น้องก็หาได้สนใจไม่เจ้า..เจ้าพี่ แต่เจ้าพี่ เรียกชื่อคนอื่น ในเพลาที่เราร่วมรักกัน น้องรับไม่ได้เจ้า..เจ้าพี่ ฮือๆๆๆๆ"
เจ้านางเพียงฟ้าผลักพระยาศรีพิพัฒน์ออกจากตัว หอบผ้าซิ่นแลผ้าคาดอกวิ่งออกจากห้องนอนไป เพื่อไปอยู่ในห้องเล็กของเรือน ปิดประตูร้องไห้อย่างเงียบๆ โดยมีนางอึ่งบ่าวคนสนิทคอยปลอบประโลมอยู่ในห้อง
พระยาศรีพิพัฒน์รู้สึกผิดเป็นที่สุด โดยครั้งนี้รู้สึกผิดกว่าครั้งไหนๆ เพียงแค่แต่งเจ้านางเพียงฟ้าเข้ามา พระยาศรีพิพัฒน์ก็รู้สึกผิดกับเจ้านางแล้ว ครั้งนี้ยังจะเรียกชื่อเจ้านางละอองดาวออกมาตอนร่วมรักอีก ร่างแกร่งทรุดลงกลางเตียงนอนอย่างหมดแรง ไม่คิดว่าจะบานปลายเลยเถิดไปถึงเพียงนี้
เดิมทีพระยาศรีพิพัฒน์ที่ไปราชการยังแคว้นเวียงพิงค์ ด้วยเป็นคนที่ไม่ฝักใฝ่ในเรื่องกามารมณ์จึงไม่คิดจะมีคนรัก
แต่ด้วยเป็นที่หมายตาของกลุ่มกบฏ จึงถูกลอบทำร้ายหลายครั้งหลายครา เนื่องด้วยกบฏมาก คนที่เสด็จเหนือหัวส่งให้ไปด้วยเพื่ออารักษ์ขาก็ถูกลอบสังหารทั้งหมด จนมิมีผู้ใดกล้าไปอารักษ์ขาพระยาศรีพิพัฒน์อีกเลย เจ้าพระยาอินทร์แห่งแคว้นเวียงพิงค์ซึ่งเป็นพ่อของเจ้านางเพียงฟ้า ได้ส่งคนมาอารักษ์ขาและไล่ล่ากบฏไป ประทับใจในความกล้าหาญของพระยาศรีพิพัฒน์ จึงเอ่ยปากยกลูกสาวของตน คือเจ้านางเพียงฟ้าให้ ครั้งนั้นเมื่อเห็นเจ้านางเพียงฟ้า ที่สวยราวกับเทพธิดามาจุติ ก็ตกหลุมรักในรูปร่างหน้าตาทันที ครั้นไม่สบายเจ้านางก็คอยดูแลไม่ห่าง ส่งข้าวส่งน้ำให้ ไปประจำอยู่ที่แคว้นเวียงพิงค์หนึ่งปีกว่าจึงรู้สึกว่านี่คงเป็นรักแท้ที่บริสุทธิ์ แม้จักไม่เต็มหัวใจ คิดว่าสักวันคงรักเจ้านางเพียงฟ้าได้เต็มหัวใจ
แต่เมื่อได้ตกลงปลงใจแต่งงานกันแล้ว เจ้านางเพียงฟ้ากลับให้ความสุขทางกามารมณ์ไม่ได้ ไม่ว่าจะเล้าโลมเพียงใด ก็มิเคยสำเร็จ ทำให้บางครั้งมีความต้องการมากเพียงใด ก็จักต้องหมดอารมณ์ไปเสียแทบทุกคราไป จนต้องดื่มสุราย้อมใจแล้วย่องเข้าหาทุกเป็นครั้งคราว ราวกับต้องปล้น ต้องจี้เอา แต่งงานมาเกือบก็จะ 1 ปี แล้ว มารดาก็ต้องการทายาท แต่พระยาศรีพิพัฒน์ จักพูดได้อย่างไรเล่าว่าตั้งแต่แต่งงานมา ร่วมรักกับศรีภรรยาไม่ถึงห้าครั้งห้าครา เพราะเจ้านางมิเกิดกำหนัด
ครั้นเมื่อได้ไปพบเจอเจ้านางน้อยละอองดาวที่ไม่เจอกันมาเกือบปี ความสวยที่ไม่เคยมองเห็นมาก่อน สะดุดตาอย่างมาก ท่าทีและท่าทางดั่งม้าพยศนั้นทำให้พระยาศรีอยากที่จะปราบเป็นอย่างยิ่ง จึงเก็บมาคิดถึงคนึงหามิยอมหาย ว่าแล้วก็จัดแจงแต่งตัว ออกไปเคาะห้องเล็กที่เจ้านางเพียงฟ้าได้พำนักอยู่
"เจ้านางเพียงฟ้า เปิดประตูก่อนเถิดหนา พี่มีเรื่องจักคุยกับเจ้านางสักประเดี๋ยวหนา"
"เจ้าพี่มีอันใดค่อยคุยกันวันพรุ่งเถิดเจ้า เพลานี้ก็ดึกแล้ว ข้าเจ้าต้องการพักผ่อนเจ้า" เสียงสะอื้นพูดผ่านประตูออกมา
"สำคัญยิ่งนัก จักต้องคุยคืนนี้เลยหนา"
เงียบไปครู่หนึ่ง ประตูจึงเปิดพร้อมร่างบางปรากฏตัวยืนขวางประตูเอาไว้ไม่ให้เข้าห้อง
"มีเรื่องอันใดรือเจ้า? จ้าพี่ ถึงต้องเรียกมาคุยกลางดึกกลางดื่นเช่นนี้"
"พี่จักแต่งน้องนางละอองดาว ลูกสาวคนเล็กของพระยานาสมมาเป็นอนุเข้าบ้าน เจ้าจักว่าอย่างไร?"
"เจ้านางละอองดาว?คนที่เจ้าพี่เรียกนามเมื่อประเดี๋ยวนี้ใช่หรือไม่เจ้า?" เอ่ยขึ้นน้ำตาคลอ
"ใช่.."
"เจ้าพี่ถวิลทุกเพลาเช่นนี้ จักแต่งก็แต่งเถิดเจ้าค่ะ มิเห็นต้องมาหารือกับข้าเจ้าไม่!!!"
"เหตุใดจึงพูดเช่นนั้นเล่า เจ้านางเพียงฟ้า เจ้านางเป็นเมียเอก พี่มีเรื่องอันใด ก็จำต้องหารือกับเจ้าก่อนอยู่แล้ว"
"แล้วหากข้าเจ้าบอกว่า มิยอมให้แต่งเล่าเจ้า? เจ้าพี่จักทำตามข้าเจ้าหรือไม่เจ้า?
"เจ้านางเพียงฟ้า!!!!!เหตุใดเป็นคนยอกย้อนเยี่ยงนี้เล่า? เฮาปรึกษาหารือดีๆ หนา? เหตุใดจึงต้องยอกย้อนขึ้นเสียง คิดว่าเป็นเมียเอกแล้วจักต้องข่มเหงเฮาได้งั้นรือ?"
เจ้านางเพียงฟ้า กัดปากสะอื้นร่ำไห้ น้ำตาอาบสองแก้ม
"เจ้าพี่ต่างหากที่เป็นฝ่ายยอกย้อน ข่มเหงข้าเจ้า ดูรอยกัดที่เต็มตัวข้าเจ้านี่เสีย!!!! มันต่างจากการข่มเหงหรือไม่? ข้าเจ้าเคยบอกเจ้าพี่แล้วว่า ข้าเจ้าจักดูแลเจ้าพี่ และอนุของเจ้าพี่เอง ขอเพียงเจ้าพี่อย่าได้ใช้อารมณ์ และความรุนแรง แต่วันนี้เจ้าพี่ มิได้ทำตามข้อตกลงที่ตกลงกันไว้ หนำซ้ำยังเอ่ยนามหญิงอื่นที่ยังไม่เข้ามาเป็นอนุด้วยซ้ำ ตอนร่วมรักกับข้าเจ้า เยี่ยงนี้เรียกว่าข่มเหงหรือไม่เจ้า!!! เจ้าพี่!!?"
"เอาล่ะ เฮาขอสูมาเต๊อะ (ขอโทษ) ถ้าเฮาทำให้เจ้านางรู้สึกไม่สบายใจหนาวันพรุ่งเฮาจักไปสู่ขอเจ้านางละอองดาวเอง พักผ่อนเถิดหนา รอยเขี้ยวรอยฟันนี่ เฮาก็ขอสูมาหนา"
พระยาศรีพิพัฒน์พูดอย่างใจเย็น มือหนายื่นไปจับไหล่ร่างบางเบาๆ เปิดผ้าคลุมไหล่ดูรอยฟันของตนเองที่เต็มไปหมด กล่าวขอโทษด้วยความจริงใจแล้วเดินกลับห้องของตนเองไป
เจ้านางเพียงฟ้ามองตามแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของร่างแกร่ง ร้องไห้โฮแบบสุดกลั้นพำพึมกับตัวเอง
"เจ้าพี่ เจ้าพี่มิได้ฮักน้องจริงๆใช่ก่อเจ้า??? ฮือๆๆๆ"
__________
เป็นเยี่ยงใดบ้างทุกคน พระยาศรีพิพัฒน์นี่ซาดิสม์เล็กๆ เหมือนกันนะ คริคริ แล้วเจ้านางละอองดาวจะหนีพ้นไหมนะ? มาช่วยเป็นกำลังใจให้เจ้านางกันนะคะ ใครอยู่ทีม ไหน ยกมือ ฉายไฟหน่อยจ้า^^
