ตอนที่2
ตอนที่2 ปัจจุบัน
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ใบหน้าสวยนัยน์เศร้าจ้องมองไปยังร่างของผู้เป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เหตุผลที่เธอต้องทำอะไรฝืนใจตัวเองอย่างเช่นไปทานข้าว ไปไหนมาไหนกับผู้ชายที่ชอบพอเธอ โดยผ่านการแนะนำจากคนเป็นพ่อนั่นเอง ดีหน่อยที่ไม่ถึงกลับถูกขายตัวให้ แต่เพียงแค่นี้สิ่งที่เธอทำก็ไม่ได้ห่างไกลกับคำว่าขายตัวเลยแม้แต่น้อย
คนที่มาทานข้าวกับเธอคือพวกคนมีเงิน หรือไม่ก็หุ้นส่วนของบิดาเธอที่หลงใหลความสวยของเธอ อยากจะหวังอย่างอื่นจากเธอ บางคนก็สงสารเวลาเธอขอร้องและปฏิเสธแต่บางคนก็เกือบใช้กำลังกับเธอ แต่ข้อนี้เธอมีแผนสำรองเอาไว้ก็คือการหลอกล่อให้อีกฝ่ายกินยานอนหลับนั้นเอง
ปลายฝนไม่ได้อยากมีชีวิตแบบนี้ แต่เธอไม่อาจปฏิเสธคำสั่งได้ เพราะบิดาเธอเอาชีวิตของคนที่มีค่าที่สุดในชีวิตเธอมาบีบบังคับ ในตอนนี้หญิงสาวจึงพยายามหาเงินมากขึ้นเพราะต้องการพาตัวเองและมารดาหนีไปจากครอบครัวนี้ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ไม่ง่ายเลยจริงๆ
“แม่ขา ฮึกฮือ ฝนบอกเลิกเขาแล้ว ฝนเป็นผู้หญิงที่เลวมากๆ เลยใช่ไหมคะ?”หญิงสาวเอ่ยออกมา พร้อมน้ำตาของความเจ็บปวดที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย เธอจ้องมองร่างไร้สติของมารดาที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยน้ำตา
ในตอนนี้นางปลายฟ้ามารดาของเธอป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง ในตอนนี้กำลังรักษาตัวโดยรอร่างกายพร้อมเพื่อที่จะรับการเปลี่ยนไต ในตอนแรกเธอเหมือนมีความหวังเพราะสามารถใช้ไตของคนในครอบครัวได้ เธอจึงจะบริจาคให้กับมารดา แต่ทว่าไตของเธอไม่อาจเข้ากับร่างกายของหญิงวัยกลางคนได้ ทำให้ต้องรอไตบริจาคของคนอื่น ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะต้องรอนานอีกแค่ไหนกัน
ทำได้แค่รออย่างไร้จุดหมาย แต่ก็ยังมีคงามหวังตราบใดที่นางปลายฟ้ายังหายใจอยู่
เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ที่เกิดขึ้น ปัญหาที่เข้ามาไม่หยุดหย่อนมันเลยทำให้เธอตัดสินใจบอกเลิกอัศวินไป เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงในชีวิตของเขา ถึงแม้ว่าการตัดสินใจของเธอจะทำให้เธอเองเจ็บปวดสาหัสก็ตาม
ปัจจุบัน
นับจากวันที่บอกเลิกกับอัศวิน เธอกับเขาก็เหมือนอยู่คนละโลกกันไม่มีผิด เธอแทบไม่มีโอกาสได้เจอเขาเลย บวกกับเป็นปีสุดท้ายแล้วที่ชายหนุ่มจะเรียนจบ เธอได้ยินข่าวคราวเขาบ้างแต่ช่วงหลังๆ ก็ไม่ได้ยินอีก จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายปี จนเธอเรียนจบ
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันมีทั้งเรื่องดีและไม่ดีเกิดขึ้น นางปลายฟ้าได้ผ่าตัดปลูกถ่ายไตผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถึงแม้การผ่าตัดอาจจะทำให้ไม่หายขาดของโรคนี้ ยังคงต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เสมอ แต่อย่างน้อยมันก็ยังยื้อชีวิตของมารดาเธอเอาไว้ต่อไปได้ เพียงเท่านี้ปลายฝนก็ดีใจมากแล้ว
ตกเย็นของวันหนึ่ง
หลังจากที่หญิงสาวกลับมาจากที่ทำงาน ก็ตรงมาช่วยแม่บ้านในครัว เพราะเธอไม่อยากให้มารดาทำงานในส่วนตรงนี้ ถึงแม้จะเป็นภรรยาอีกคนของท่านไกรภพ แต่ทว่าปลายฟ้าก็เป็นเพียงเมียน้อยที่มาจากฐานะแม่บ้าน เมียหลวงอย่างคุณหญิงเพ็ญนภาไม่ยอมรับเธออยู่ดี
“ฝนทำตรงนี้เสร็จแล้ว เดี๋ยวฝนขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะป้าพิศ”หญิงสาวหันหน้าไปบอกแม่บ้านอีกคนที่กำลังลงมือทำกับข้าวอยู่
“ได้จ๊ะหนูฝน อันที่จริงไม่ต้องมาช่วยป้าหรอก ป้าทำคนเดียวได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยๆ กัน อีกอย่างถ้าฝนไม่มาช่วยแม่ใหญ่ก็คงไปต่อว่าแม่ฝนให้มาช่วยป้าอยู่ดี”เธอตอบกลับไปอย่างรู้ทันคุณหญิงเพ็ญนภา
“เฮ้อ เอาเถอะหนูฝนไปพักเถอะ อีกเดี๋ยวป้าก็ทำเสร็จทันเวลาอาหารพอดี”
“ค่ะป้า”ปลายฝนเดินออกมาจากบ้านใหญ่ เดินตรงไปยังเรือนหลังเล็กที่เธอกับมารดาอาศัยอยู่ที่นี่ เธอไม่ได้อยู่หลังเดียวกับท่านไกรภพหรอก เพราะแม่ใหญ่ไม่ชอบ แค่ยอมให้เธออยู่ที่นี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“แม่ ทำอะไรอยู่คะ?”น้ำเสียงหวานเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มสดใส บอกตามตรงถึงแม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอจะพบเจอกับอุปสรรคมากมายในชีวิตแต่พอเห็นใบหน้าของมารดามันก็ทำให้เธอมีแรงสู้อีกครั้ง
“กลับมาแล้วเหรอลูก แม่กำลังถักไหมพรมให้ฝนน่ะ อีกเดี๋ยวก็หน้าหนาวแล้ว”ใบหน้าซีดเผือกพูดบอกบุตรสาวออกไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยหนิคะแม่ ร่างกายแม่ยังไม่หายดีนะคะ”
“โรคที่แม่เป็นมันไม่มีวันหายขาดหรอกฝน ขืนไม่ให้แม่ทำอะไรเลยแม่เบื่อตายพอดี อีกอย่างถักไหมพรมก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แม่อยากทำให้ฝนเอาไว้ใช้ไงลูก”หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งเผยใบหน้ายิ้มแย้มออกมา ก่อนที่ร่างบางอรชรจะขยับเข้าไปสวมกอดร่างของมารดาเอาไว้แน่น
“ขอบคุณนะคะแม่ แม่รู้ไหมว่าฝนรักแม่มากๆ เอาไว้ฝนมีเงินเก็บเยอะกว่านี้ เราจะออกไปอยู่ที่อื่นกันนะคะแม่”
คำพูดของคนเป็นลูกแน่นอนว่าทำให้หญิงวัยกลางคนเผยสีหน้าวิตกกังวลออกมาอยู่มากโข
“อย่าไปพูดแบบนี้ให้เป็นพ่อได้ยินนะลูก ไม่งั้นท่านจะโกรธเอา”
ปลายฝนได้ยินอย่างนั้นก็พ่นลมหายใจออกมา สำหรับพวกเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับผู้ชายคนนั้นมากนักหรอก นอกจากเวลาที่เธอหาเงินให้กับเขาได้ ดีหน่อยที่ตอนนี้เธอไม่ต้องฝืนใจทำอย่างที่เคยทำอีกแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ได้ข่าวว่าบิดาเธอได้หยิบยืมเงินมาจากเพื่อนสนิท คงมีเงินหมุนอยู่มั้งถึงไม่ยุ่งกับเธอในช่วงนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน เธอไม่อยากไปไหนมาไหนกับผู้ชายพวกนั้น เรื่องนี้มารดาของเธอไม่เคยรู้เลย เพราะท่านไกรภพสั่งให้เธอปิดปากไม่ให้พูดบอกปลายฟ้าออกไป ไม่งั้นเขาจะไล่แม่ออกไปจากบ้านหลังนี้แถมไม่ให้เงินสักบาทด้วย เพราะเหตุนี้หญิงสาวจึงทนมาโดยตลอด
“ได้ยินก็ได้ยินสิค่ะ คุณพ่อไม่ได้มาสนใจใยดีอะไรเราเลยสักนิด เห็นฝนเป็นลูกรึเปล่าก็ไม่รู้”
เธอคิดอย่างที่พูดจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นความรักจากผู้ชายที่ได้ชื่อว่าพ่อเลยสักนิด เมื่อก่อนเคยน้อยใจเคยเสียใจแต่พอวันเวลาผ่านไปเธอเริ่มชินชาไปกับมันเสียแล้ว มาในวันนี้เธอไม่ได้ต้องการความรักจากผู้ชายคนนั้นอีก เพราะรู้ว่าไม่มีจริงจากคนที่ชื่อไกรภพคนนั้น
“ถึงอย่างไร เขาก็เป็นพ่อนะลูก อย่าไปจงเกลียดจงฟังเขา เดี๋ยวจะเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันอีก เข้าใจที่แม่พูดนะฝน”
เพราะมารดาเป็นแบบนี้ไง หญิงสาวจึงต้องเป็นคนหัวแข็งแทน ไม่งั้นทั้งมารดาทั้งเธอคงถูกกระทำฝ่ายเดียว บางเรื่องเธอก็ไม่ได้ยอมแม่ใหญ่ขนาดนั้น มีปากมีเสียงกันบ้างเป็นประจำ
“เพราะฝนคิดอย่างนั้นนั่นแหละแม่ มันเลยทำให้ฝนต้องทนอยู่แบบนี้ ฝนถือว่าฝนกำลังชดใช้บุญคุณให้พวกเขาอยู่ มันต้องมีสักวันที่บุญคุณเหล่านี้มันหมดลง เมื่อวันนั้นมาถึงฝนจะพาแม่ไปอยู่ที่อื่น แม่ห้ามปฏิเสธฝนนะ”
หญิงวัยกลางคนเงียบไป ก่อนจะจ้องมองแววตาไม่จริงจังของคนเป็นลูก เธอรู้ว่าที่ผ่านมาลูกสาวของเธอเจ็บปวดแค่ไหน ส่วนผิดก็มาจากเธอเอง ที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้กับผู้ชายอย่างไกรภพ เชื่อคำพูดคารมของอีกฝ่ายจนท้ายที่สุดทุกอย่างมันก็ไม่เป็นอย่างที่เขาพูด จู่ๆ ไกรภพก็แต่งงานกับเพ็ญนภา ส่วนเธอก็กลายเป็นภรรยาน้อยของเขาโดยปริยาย
“ถ้าวันนั้นมาถึง แม่จะไปกับฝน”
อย่างน้อยได้ยินอย่างนี้จากปากของคนเป็นแม่ มันก็ทำให้ปลายฝนรู้สึกมีความหวังมากขึ้น มันต้องมีสักวันที่เธอจะเป็นอิสระ ในตอนนี้เธอแค่ต้องรอ รอวันที่ทุกอย่างพร้อมมากกว่านี้ แน่นอนเรื่องเงินคือเรื่องสำคัญสำหรับเธอ
เพราะการที่จะออกไปอยู่ข้างนอก ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ต้องมีเยอะแน่นอน สำคัญที่สุดก็คือค่ารักษาของมารดาเธอ ในตอนนี้ปลายฝนกำลังคิดทำธุรกิจกับเพื่อนสนิทอย่างเจนจิรา เธอกำลังศึกษาการเปิดร้านชานมไข่มุก ร่วมหุ้นกันกับเพื่อน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นธุรกิจใหญ่โตอะไรแต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในอนาคตอาจจะดีขึ้นกว่านี้ใครจะรู้กัน