บทที่ 4 ชั้นล่างมีครอบครัวหนึ่งย้ายมา
หลังจากข่งฉือได้ยิน ก็ใช้โทรศัพท์ค้นหาทันที แล้วยื่นมาตรงหน้าข่งหรัน “พี่ พี่แน่ใจเหรอ ค่าเช่าที่นั่นแพงมากเลยนะ”
ข่งหรันกลอกตาใส่น้องชาย “เสี่ยวฉือฉือ นายอย่าพูดแทรก ไม่ใช่เราอยู่ไม่ไหวซะหน่อย เขตชุมชนระดับหรูมีผู้ชายคุณภาพเยี่ยมเยอะแยะ ไม่แน่หม่ามี้อาจจะได้เจอหนุ่มหล่อแล้วสละโสดก็ได้นะ~”
ข่งหว่านเกอขยี้หัวลูกสาวหนึ่งที ไม่ได้เก็บคำหยอกล้อของเธอมาใส่ใจ แล้วโพล่งรับปาก “พอแล้ว ไปอยู่ที่นั่นแหละ”
กลับเจียงเฉิงมาคราวนี้ เดิมทีเธอไม่คิดจะทำให้ลูกทั้งสองคับข้องใจ เขตชุมชนนี้ก็สอดคล้องกับมาตรฐานการเลือกบ้านของเธอจริงๆ แหละ
เธอพาลูกทั้งสองไปที่จุดขึ้นรถตรงประตู C ภายในประเทศทันที แล้วขึ้นรถออกไป
อีกด้านหนึ่ง
คนของตระกูลมู่หรงกำลังชูป้ายที่เขียนว่า “ฉานอี”
ยังคงเฝ้ารอคอยอยู่ที่ประตูผู้โดยสารขาเข้า A และ B
……
ณ หมิงซื่อหวาถิง
เขตชุมชนระดับหรูสูงสุดในเจียงเฉิง สภาพแวดล้อมเป็นเลิศ ที่สำคัญสุดคือมาตรการความปลอดภัยเข้มงวดมาก
ข่งหว่านเกอพาลูกทั้งสองไปเช่าบ้านกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทันที
ที่ ตึก A ชั้นยี่สิบหก
เข้าไปในบ้านแล้ว เธอแค่ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วลูบหัวสองจิ๋ว “ลูกรัก หม่ามี้ไปซื้อพวกของใช้ประจำวันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแถวนี้ก่อน พวกหนูอยู่บ้านต้องเป็นเด็กดีนะจ๊ะ”
ข่งหรันโบกมือ “หม่ามี้ไปเลยไม่ต้องห่วง เราดูแลตัวเองได้”
“โดยเฉพาะหนู เล่นเกมให้น้อยๆ หน่อย มันไม่ดีต่อดวงตา” ข่งหว่านเกอฝากฝังอย่างไม่ไว้วางใจ
“รู้แล้วค่า” ข่งหรันรับปากอย่างหนักแน่น
จุ๊บสองลูกน้อยคนละจุ๊บ แล้วข่งหว่านเกอก็ออกจากบ้านไป
ภายในห้อง
ข่งหว่านเกอเพิ่งออกไป ข่งหรันก็เปิดคอมพิวเตอร์
ข่งฉืออยู่ข้างๆ เห็นแล้วก็ทอดถอนใจอย่างชินชา
อย่างที่คิดเอาไว้ พอหม่ามี้ไป พี่สาวก็เผยโฉมเดิมออกมาหมด
เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นไปหมกตัวบนโซฟา
ไม่นาน เสียงเอฟเฟ็กต์เกมก็ลอยมา พร้อมเสียงข่งหรันเคาะแป้นพิมพ์คล่องแคล่วและเสียงพูดคนเดียวเจื้อยแจ้ว
“เฮ้ย มีคนซุ่มโจมตี รีบมาช่วยฉันสิ!”
“เลือดจะหมดแล้ว เลือดจะหมดแล้ว ขอร้องท่านไว้ชีวิตด้วย! อ๊าก ฉันตายละ!”
“เฮ้ย แกด่าฉันทำไมเนี่ย ฉันก็ไม่อยากตายเหมือนกันนะ!”
ผ่านไปสักพัก จู่ๆ ได้ยินข่งหรันถอดหูฟัง แล้วกัดฟันกรอดพูดขึ้น “นี่มันเพื่อนร่วมทีมอะไรกันเนี่ย ฉันก็แค่สู้แพ้ไม่ใช่รึไง ถากถางฉันซะงั้น รีพอร์ตมันซะเลย!”
เธอแค่กดรีพอร์ต จากนั้นก็หันมาขอคำปลอบใจจากน้องชาย “เสี่ยวฉือฉือ ฉันเล่นเกมแพ้แถมโดนเพื่อนร่วมทีมด่า เสียใจจังเลย อยากกินทุเรียน”
ข่งฉือส่ายหน้า เล่นไม่เก่งก็ยังจะเล่น ที่ว่านี่ว่าพี่สาวเขานั่นแหละ
เขาไม่ค่อยเข้าใจ เกมที่เล่นทีก็แพ้ที ตกลงมันสนุกตรงไหน?
แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เล่นเกมก็เล่นแพ้ พอแพ้ก็อารมณ์ไม่ดี พออารมณ์ไม่ดีก็อยากกินของแปลกพิสดาร
เขาทอดถอนใจอย่างหมดหนทาง “พี่เล่นอีกแป๊บ ฉันอ่านไม่กี่หน้านี้จบก่อน แล้วจะลงไปซื้อข้างล่าง”
“ได้จ้า” ข่งหรันยิ้มหวาน แล้วเริ่มเล่นอีกตา
ที่ตึก A ชั้นยี่สิบเจ็ดข้างบน
ภายในห้องพื้นที่สามร้อยกว่าตารางเมตร พลันมีเสียงตวาดเกรี้ยวกราดดังกึกก้องลอยมา “เชี่ย!”
หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ เห็นเพียงเด็กน้อยร่างสูงไม่ถึงร้อยสามสิบเซนติเมตร หน้าตาคล้ายแบบจำลองข่งฉือกำลังมองจอคอมพิวเตอร์ ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
เขาโดนเพื่อนร่วมทีมรีพอร์ต แล้วแบนบัญชีเนี่ยนะ?!
เห็นไอดี “เทพมังกรน้อยสังหารสวรรค์” ของตัวเองจมหายไป จิตใจเขาในขณะนี้ราวกับเศษแผ่นน้ำแข็ง เปรี้ยะๆ แตกกระจายบนพื้น!
อย่างไรแล้วเพื่อบัญชีนี้ เขาทุ่มเทกายใจไปแค่ไหนตลอดทั้งวันทั้งคืน!
โดยเฉพาะต้องทำลับหลังแด๊ดดี้พญายม เป็นการเอาตัวรอดอย่างแสนสาหัสถึงจะมีวันนี้ได้
เขากดโทรไปเบอร์หนึ่งอย่างเคียดแค้น “คุณอาหลินเฉิง เกมผมโดนแบนบัญชี ช่วยผมเร็วเข้า”
อีกฝ่ายเงียบไปชั่วครู่
จากนั้นแค่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของมู่หรงถิงดังขึ้น “มู่หรงเฉิน แกไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ เล่นเกมอีกแล้ว?”
มู่หรงเฉินที่แข็งทื่ออยู่กับที่ “……”
อ๊ากกก ทำไมคนที่รับสายเป็นแด๊ดดี้พญายมล่ะ
“ไม่ใช่นะแด๊ดดี้ แด๊ดดี้ฟังผมแก้ตัว……เอ้ย ไม่ใช่ แด๊ดดี้ฟังผมอธิบายก่อน……”
“เดี๋ยวกลับบ้านค่อยจัดการแก” เสียงอีกฝ่ายเยือกเย็นอึมครึม แล้ววางสายดัง “ปึง”
จบสิ้นแล้ว คราวนี้ไม่ใช่แค่บัญชีโดนแบน ตัวเขาก็จะจบเห่อย่างสมบูรณ์!
ทันใดนั้นเขาหันไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ พลางจดจ้องบัญชี “เสี่ยวหรันหรันสุดฮอต”
เป็นเพราะเขา!
ถ้าเขาไม่รีพอร์ต เขาก็จะไม่โดนแบนบัญชี และจะไม่ถูกแด๊ดดี้จับได้
มู่หรงเฉินขบกราม แล้วสกัดกั้นไอดี “เสี่ยวหรันหรันสุดฮอต” ไว้ จากนั้นก็ตามหาที่อยู่ไอพีของเขา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สุดท้ายก็หาเจอ
เขาพบว่าคนที่รีพอร์ตเขาอาศัยอยู่ชั้นล่างตนเนี่ยนะ!
ใบหน้ามู่หรงเฉินเคียดแค้น ลุกขึ้นลงข้างล่างเตรียมไปซัดไอ้หมารีพอร์ต
……
อีกด้านหนึ่ง บนรถพิเศษอูเบอร์
ข่งหว่านเกอซื้อของเรียบร้อย กำลังรีบกลับบ้าน
นั่งอยู่ในรถรู้สึกเบื่อ เธอเลยสอดบัตรโทรศัพท์ที่ตนเคยใช้ในประเทศกลับเข้าไปในโทรศัพท์
ถึงแม้ว่าห้าปีที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ เธอไม่ได้ใช้บัตรโทรศัพท์ใบนี้เลย แต่เธอยังจ่ายค่าโทรศัพท์อยู่ตลอด
ทันทีที่บัตรโทรศัพท์สอดเข้าไป ก็มีข้อความนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามา
เธอสุ่มเปิดดู มีข้อความที่มู่หรงถิงด่าเธอ มีเพื่อนมาถามไถ่ แต่ส่วนใหญ่มาจากพ่อใจดำอำมหิตของเธอ
ห้าปีนี้ เหมือนข่งจื้อเจาจะติดต่อเธออย่างกระวนกระวายใจยิ่งกว่ามู่หรงถิงอีก
คิดสักพักหนึ่ง เธอโทรกลับไปดีกว่า
โทรศัพท์ต่อสาย ไม่มีการเอ่ยทักทายไถ่ถาม ข่งจื้อเจาตวาดด้วยความโกรธทันที “ข่งหว่านเกอ แกยังรู้จักโทรกลับนะ ห้าปีมานี้แกไปตายอยู่ไหนมาล่ะ?”
“มีธุระ?” น้ำเสียงข่งหว่านเกอเฉยเมยและห่างเหิน
ตั้งแต่คุณแม่เสียระหว่างคลอด นายหญิงคนใหม่ตระกูลข่งเข้ามา หลังไล่เธอไปอยู่ชนบท เธอก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัวนี้ไปนานแล้ว
ทางฝั่งนั้น น้ำเสียงข่งจื้อเจาแข็งกร้าว โทนเสียงออกคำสั่ง “ฉันไม่สนว่าแกอยู่ที่ไหน รีบกลับมา แล้วไปหย่ากับมู่หรงถิงซะ”
“ตอนนี้บริษัทเกิดปัญหา ต้องเพิ่มทุนเร่งด่วน ตอนปีนั้นแกล่วงเกินคุณชายถิง ตราบใดที่แกยังเป็นนายหญิงน้อยตระกูลมู่หรงอยู่ เขาไม่มีทางยินยอมเพิ่มทุนให้ตระกูลข่ง”
ข่งหว่านเกออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คิกคัก” แล้วเอ่ย “หึ ที่แท้แกรีบตามหาฉันเพราะเรื่องนี้นี่เอง หย่าก็ได้นะ แต่แกจะเอาเงื่อนไขอะไรมาแลกล่ะ?”