บท
ตั้งค่า
บทที่ 7 พระชายาถูกพิ
ค่ำวันนั้น หลังอาหารเย็นแล้ว ชินอ๋องได้เดินไปดูที่ห้องของซีเฟย ที่สาวใช้ยืนเฝ้าอยู่ พวกนางได้แต่เคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เสี่ยวหลงบอกว่า พวกนางเรียกพระชายาอยู่ตั้งแต่บ่ายแล้ว นางไม่ยอมกินข้าว เกรงว่าจะไม่สบาย
“พระชายาของพวกเจ้ายังไม่ยอมเปิดประตูอีกงั้นหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง พระชายาอยู่ในห้องตั้งแต่บ่ายแล้วเพคะ แม้แต่น้ำก็ไม่ได้ดื่ม หม่อมฉันเกรงว่า….”
มู่เหรินเริ่มวิตก
“ซีเฟย ซีเฟย เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่ พระชายา”
เขาเอาหูแนบกับประตู ไม่ได้ยินเสียงอะไรในห้อง เขาเริ่มร้อนใจ
“เว่ยอี พังประตู เร็วเข้า”
เว่ยอีตกใจ แต่ก็ทำตามรับสั่ง เขารีบถีบประตูเข้าไป ชินอ๋องวิ่งเข้าไปในห้อง ส่วนพวกเว่ยอี และคนอื่นๆ รออยู่ข้างนอก
“ซีเฟย เจ้าอยู่ไหน ซีเฟย ได้ยินข้าหรือไม่”
ในห้องเงียบสนิท ไม่มีแสงไฟ เขามองไปที่เตียงของนาง และเห็นนางนั่งฟุบอยู่ที่เตียง
“พระชายา เจ้าเป็นอะไร ซีเฟย เฟยเฟย ฟื้นสิ เจ้าเป็นอะไรไป”
เขาเอามืออังหน้าผากนาง ตัวนางไม่ร้อน แต่ทำไมหมดสติไม่รู้เรื่องแบบนี้
“เว่ยอี เรียกหมอหลวงมาที่นี่เดี๋ยวนี้ เร็วๆ เข้า”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
อันเหมยและอาเหยารีบวิ่งเข้ามาในห้อง หลังจากที่เว่ยอีวิ่งไปตามหมอ อันเหมยจับชีพจรพระชายาดู มู่เหรินหันมามองนางอย่างแปลกใจ
“ท่านอ๋องเพคะ จับพระชายานั่งทีเพคะ เร็วเข้า”
มู่เหรินรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งอันเหมย เขาจับซีเฟยนั่งพิงกับเขา
“จับหน้าพระชายาไว้ให้อยู่นิ่งๆ เพคะ”
เขาทำตามนางบอก อันเหมยหยิบเข็มขึ้นมา และกำลังจะจิ้มเข็มลงไป มู่เหรินเอ่ยทักท้วงนาง
“เดี๋ยว เจ้า รักษานางได้แน่ใช่หรือไม่”
“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย พวกข้าเชี่ยวชาญเรื่องพิษ และยารักษา เรื่องพวกนี้ พระชายาเป็นผู้สอนหม่อมฉันเอง ไม่มีทางพลาดเพคะ”
มู่เหรินจับซีเฟยให้อยู่เฉยๆ อันเหมยเริ่มใช้เข็มเงินปักตามจุดต่างๆ ที่ศีรษะของจ้าวซีเฟย เมื่อนางฝังเข็มเสร็จ สักครู่เดียวก็เกิดสิ่งประหลาดขึ้น มีไอสีขาว ระเหยออกจากศีรษะซีเฟยทั้งสามทาง มู่เหรินตกใจ เขาประคองพระชายาของเขาไว้แน่น
“นี่มันคืออะไร เกิดอะไรขึ้นกับนาง”
“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย พิษกำลังระเหยออกมาเพคะ พระชายาปลอดภัยแล้ว อีกสักพักนางก็จะฟื้น รอหมอหลวงมาตรวจดู ก็น่าจะรู้ว่าเป็นพิษอะไร”
อันเหมยค่อยๆ ดึงเข็มออกทีละอัน จนหมด ถังมู่เหรินช้อนตัวซีเฟยขึ้นมาวางบนเตียงอย่างเบามือ ที่ปากของนางยังมีรอยคล้ายกับโดนกัดอยู่ชัดเจน เขาเผลอเอามือไปจับริฝีปากบางนั้นอย่างลืมตัว ก่อนที่เว่ยอีจะวิ่งมาบอกว่า
“ท่านหมอมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“รีบเชิญเข้ามา เร็วๆ เข้า”
หมอหลวงกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เข้ามาตรวจพระชายา หมอหลวงจับชีพจรอยู่นาน จึงหันมาหาชินอ๋อง
“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมขอคุยกับพระองค์ เรื่องอาการป่วยของพระชายาได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านหมอ นางเป็นอะไรกันแน่ หนักขนาดนั้นเลยหรือ”
“กระหม่อมไม่กล้าทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋องเพคะ ให้หม่อมฉันอยู่คุยด้วยเถอะเพคะ หม่อมฉันรู้อาการป่วยของพระชายาดีเพคะ”
ชินอ๋องหันไปมองหมอหลวง เขาพยักหน้าและหันมาบอกอันเหมย
“ดี ดีเลย งั้นเชิญข้างนอกเถอะพ่ะย่ะค่ะ อาการของพระชายาตอนนี้ยังทรงตัวอยู่ ไม่มีอะไรน่าห่วง”
“ยังทรงๆ อยู่ หมายความว่าอย่างไร แล้วเมื่อไหร่นางถึงจะฟื้นล่ะ ท่านหมอ..นี่มัน”
“ท่านอ๋องเพคะ ออกมาก่อนเถอะเพคะ หม่อมฉันจะทูลให้พระองค์ฟังเองเพคะ”
ถังมู่เหรินทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินตามท่านหมอและอันเหมยออกมาเพื่อไปคุยกันที่ห้องที่อยู่ถัดไป
“ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้คือ…..”
“เรียนท่านหมอ ข้าน้อย ฉู่อันเหมย เป็นสาวใช้และหมอประจำตัวของพระชายาเจ้าค่ะ”
“ออ แม่นางฉู่ ข้าขอสอบถามเจ้าได้หรือไม่ อาการสะสมพิษของพระชายา มันเกิดมาจากที่ใด”
“อะไรนะ สะสมพิษ ท่านหมายความว่า ในร่างกายของพระชายาข้าตอนนี้ มีแต่พิษ อย่างนั้นหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง ท่านหมอ พระชายาก่อนจะมาที่นี่ พระนางได้ถูกวางยาพิษนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งล้วนแต่เป็นพิษที่รุนแรงขึ้น แต่ด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์หมอของพระชายา นางจึงล้างพิษออกไปได้เกือบหมด แต่พิษบางชนิด ยังต้องอาศัยเวลาในการกำจัด ไม่นึกว่า เมื่อมาถึงที่นี่ พระชายากลับโดนพิษอื่นเข้าไปอีก จนตอนนี้ทำได้เพียงเลี้ยงเวลาเพื่อให้พิษขับตัวออกมาเอง หรือไม่ก็…..”
"หรือไม่ก็อะไร …..
"มีสองทางเพคะ คือรอให้ท่านอาจารย์มารักษาให้นาง กับ …..
ถังมู่เหรินหันไปมองอันเหมย เขารู้ว่านางจะพูดอะไร
"เจ้าจะบอกว่า หากอาจารย์ หรือใครถอนพิษออกไม่หมด หากนางยอมแพ้ไม่ยอมถอน นางจะต้องตาย งั้นหรือ"
“เพคะท่านอ๋อง นี่เป็นเหตุผลที่พระชายา มักจะไม่ทานอาหารที่ไม่ได้ทำเอง แม้แต่น้ำที่ดื่ม นางก็ระมัดระวัง ไม่นึกว่าขนาดระวังขนาดนี้ ก็ยังหนีไม่พ้น”
“แต่ว่า ครั้งนี้ นางโดนพิษได้อย่างไร นางอยู่แต่ในจวน”
“เรื่องนี้ หม่อมฉันต้องขอเวลาตรวจสอบสักหน่อยเพคะ”
“ไม่ต้องหรอกอันเหมย ข้ารู้แล้วว่าพิษมาจากไหน”
“พระชายา ท่านฟื้นแล้ว”
ทุกสายตาหันกลับไปมอง จ้าวซีเฟยฟื้นมาแล้ว อาเหยาพยุงนางเดินเข้ามา มู่เหรินเดินพุงพรวดเข้าไปหานางเพื่อจะประคองให้มานั่ง แต่นางถอยหนี และเดินมานั่งอีกที่หนึ่ง
“พระชายา พระองค์ทราบหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าโดนพิษได้อย่างไร”
“ท่านหมอ พิษครั้งนี้ มากับกระถางกำยาน แค่ท่านนำไปตรวจดู ก็จะรู้ที่มาของพิษ ครั้งนี้โชคดีที่อันเหมยฝังเข็มให้ข้าทันพิษเลยระเหยออกไปได้เร็ว พิษนี้ไม่สามรถทำอันตรายข้าได้”
“อย่างนี้นี่เอง ไม่วางยาในอาหาร แต่วางยาในอากาศแทนสินะ พระชายา เจ้าสงสัยใครเป็นพิเศษหรือไม่”
ถังมู่เหรินมองซีเฟย นางมองเขาพร้อมกับบอก
“ข้าทราบแล้ว และให้เว่ยอีกับเสี่ยวหลงจับตัวผู้ทำเรื่องนี้ไว้แล้ว เพียงแต่ นางไม่ยอมพูด ว่าใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง”
“พาตัวนางเข้ามา”
เขาตะโกนบอกเว่ยอีที่ยืนอยู่ข้างนอก เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้ามา เว่ยอีนำตัวสาวใช้คนหนึ่งที่ถูกมัดอยู่เข้ามา นางไม่มีสีหน้าตกใจ หรือสำนึกผิดเลยสักนิด พร้อมกับมองชินอ๋องด้วยสายตาที่รู้สึกราวกับสะใจ
“ใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเจ้า”
“เรื่องทั้งหมด ข้าทำเองเพคะ ไม่มีใครบงการทั้งนั้น ข้ารักท่านอ๋องมานาน แค่อยากกำจัดนางออกไป เลยจะฆ่านางซะ แต่นางไม่ยอมกินอาหารที่ข้าทำ นางบีบให้ข้าทำแบบนี้เอง ช่วยไม่ได้”
“พิษชนิดนี้ไม่ได้หาง่ายๆ เจ้าบอกว่า เจ้าเป็นคนทำเอง แล้วเจ้า หาพิษที่ราคาแพงแบบนี้มาจากไหนกัน”
ซีเฟยสอบสวนนาง ซึ่งนางไม่เชื่อว่าสาวใช้จะทำเอง นางกำลังปิดบังผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง
“พิษชนิดนี้ไม่ได้หาได้โดยทั่วไป นี่เป็นพิษจั่วอี้ สะกัดจากพืชมีพิษร้ายแรงแปดชนิด หากผสมในอาหารจะทำให้ตายเฉียบพลันเหมือนแพ้อาหาร แต่หากละลายด้วยความร้อนและไฟ เช่นผสมน้ำอาบ หรือวางในเตากำยาน จะทำให้คนที่สูดดมค่อยๆ หมดสติหลับลึกและตายในที่สุด”
สาวใช้ทำท่าลุกลี้ลุกรน ตกใจที่ไม่คิดว่าพระชายาจะรู้ถึงที่มาของพิษชนิดนี้ นางไม่สามารถโกหกได้อีกต่อไป นางต้องรีบหาทางออก ถังมู่เหรินลุกขึ้น เขาดึงดาบของเว่ยอีออกมาจ่อคอนาง
“ใครเป็นผู้สั่งการเจ้ามา พูด”