บท
ตั้งค่า
บทที่ 6 ท่านอ๋องโมโห (หึง)
“ข้าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง”
“ก็ดีแล้วที่ท่านทำใจได้ นางน่ะ รักสวยรักงาม ต้องการคนเอาใจ ติดนิสัยคุณหนู มักใหญ่ใฝ่สูงเกินไป ตอนนี้นางเป็นว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทไปแล้ว นางก็หยิ่งผยองขึ้นไปอีกสิบเท่า จากที่ไม่น่าคบหาอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย นางไม่เหมาะกับท่านหรอก ตอนแรกข้าคิดว่า ท่านเหมาะจะอยู่คนเดียว ใครจะคิดว่าท่านยอมแต่งงานง่ายๆ กันล่ะ”
ซีเฟยกำลังจะยกน้ำชาและขนมไปให้พวกเขาในห้อง ได้ยินทุกประโยคที่พวกเขาคุยกัน ที่แท้ ที่เขาแต่งงานกับนาง ก็เพราะเขาต้องการลืมสตรีที่ทิ้งเขา นางเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เขาหนีข้อครหา ว่าสตรีนางนั้นทิ้งเขา หึ น่าสมเพชตัวเองยิ่งนัก นางเดินกลับไป และให้เว่ยอี นำชาและขนมไปให้ท่านอ๋องแทน
“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล เรื่องข้ากับชิงอีเหนียงจบไปนานแล้ว และการแต่งงานนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง”
“ท่านอ๋องขอรับ ข้านำของว่างมาให้ขอรับ”
“อืม”
เขายกชาขึ้นมาดื่ม ชานี้ดื่มทีไรก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทุกครั้งจริงๆ ดื่มแล้วจะนึกถึงผู้ทำขึ้นมาทุกครั้ง
“อืมมม รสชาตินี้แหละ ใช่เลย ฝีมือซีเฟยแน่นอน”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“ก็นางทำให้ข้าดื่มที่ศาลาเมื่อครู่ ขนมนี่ด้วย อร่อยจนน้ำตาไหลเลยล่ะ เอาล่ะพี่รอง ข้าขอตัวกลับก่อนนะ เอาไว้วันหลัง ค่อยมาเยี่ยมท่านกับซีเฟยอีก”
“เจ้า ควรเรียกนางว่า พี่สะใภ้ หรือ พระชายา ถึงจะถูก”
“ไม่ล่ะพี่รอง หากวันไหนท่านอยากหย่ากับนาง หรือนางไม่อยากอยู่จวนอ๋อง ข้าก็มีสิทธิ์แล้ว ถูกหรือไม่”
องค์ชายสี่ยิ้มให้เขา แต่ถังมู่เหรินไม่ขำด้วย เขากำหมัดแน่น หันไปมองชาและขนมที่นางให้เว่ยอียกมา นางทำให้ถังจวินดื่มด้วยอย่างนั้นหรือ ช่างกล้านักนะ หว่านเสน่ห์ไปทั่ว นี่สินะ สิ่งที่เจ้าต้องการ ผู้หญิงหลายใจ
เขาเดินออกไปเพราะรู้สึกตงิดใจ และเขาก็เห็น พระชายาของเขา กำลังส่งของบางอย่างให้องค์ชายสี่ในสวน ก่อนที่เขาจะลากลับ นางย่อตัวคำนับส่งเขา และเดินเข้าจวนมา เขาเดินเข้าไปหานางในทันที
“เจ้า ตามข้ามา”
“ท่านอ๋องมีธุระอะไรกับหม่อมฉันเพคะ พูดตรงนี้ก็ได้เพคะ”
“ข้าบอกให้เจ้าตามข้ามา ก็ตามมาดีๆ”
“หากพระองค์อยากให้หม่อมฉันตามไปดีๆ ก็ควรหัดพูดจาดีๆ เสียก่อนเพคะ”
นางหันหลังเดินหนีไป มู่เหรินหันไปมองนาง และเดินตามไปกระชากแขนนางอย่างแรง และดึงนางให้ตามเขาเข้ามาในจวนอย่างรวดเร็วจนนางตกใจ
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเจ็บ ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้ พระองค์จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ท่านอ๋อง โอ๊ย”
เขากึ่งลาก กึ่งดึงนางเข้ามาในห้องนอน และปิดประตูทันที และกระชากนางไปที่เตียง
“โอ๊ยย ท่านอ๋อง ท่านเป็นบ้าอะไร โมโหผู้ใดมา เหตุใดต้องทำรุนแรงถึงเพียงนี้เพคะ”
“ข้าต้องถามเจ้ามากกว่า เจ้าเป็นพระชายาข้า แต่กลับเที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ที่เจ้าทำคืออะไร เจ้าต้องการอะไร”
“หม่อมฉันเปล่านะ พระองค์คิดอะไรบ้าๆ หม่อมฉันกับองค์ชายสี่ไม่ได้มีอะไรกัน พวกเราบริสุทธิ์ใจ โอ๊ย”
เขาพุ่งตัวมาหานางและบีบไหล่ทั้งสองข้างของนางไว้
“บริสุทธิ์ใจงั้นหรือ ทั้งชา ทั้งขนม ที่ทำเอง เอาไปประเคนให้จนหมด แถมยังห่อกลับจวนให้ด้วย แบบนี้เรียกว่าอะไร”
“พระองค์บ้าไปแล้ว เขาชอบกินขนมที่หม่อมฉันทำ เขาขอเพิ่ม ก็แค่แสดงน้ำใจแทนพระองค์ ท่านอ๋อง ท่านไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
“เจ้ามาที่นี่ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ หาที่พักพิงใหม่ เจ้ากำลังเลือกอยู่ใช่ไหม ว่าผู้ใดที่เจ้าพอใจ เจ้าก็จะไปอยู่กับคนนั้น หึ ข้าไม่น่าหลงกลเจ้าตั้งแต่แรก ข้าน่าจะรู้ จู่ ๆ ยอมแต่งงานมาที่นี่ง่ายๆ เพียงเพราะอยากหาที่พักพิงใหม่ เจ้ามันใจง่าย”
“เพี๊ยะ”
ซีเฟยโกรธจัด ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีผู้ใด พูดจาดูถูกนางได้เหมือนที่เขาทำ
“เจ้ากล้าตบข้าอย่างนั้นหรือ”
“ข้าแค่ตบท่าน ท่านควรจะดีใจที่ข้าไม่ฆ่าท่าน ท่านมันจิตใจสกปรก ความคิดต่ำช้า ข้าไม่อยากคุยกับท่าน”
ซีเฟยหันหลังจะเดินออกจากห้อง เขาดึงนาง และกระชากแขนนาง และโยนไปที่เตียงอีกครั้ง นางขัดขืน รีบลุกขึ้นมา เขารีบกอดนางเอาไว้แน่นจนนางดิ้นไม่หลุด
“ดิ้นสิ ดิ้นอีก เจ้าดิ้นไม่หลุดหรอก จ้าวซีเฟย ทำตัวไร้เดียงสามาตั้งนาน วันนี้เจ้าเผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ”
ซีเฟยกระทืบไปที่เท้าเขาอย่างแรง เขาเผลอปล่อยนาง นางจะวิ่งออกไป เขาคว้าแขนนางไว้ได้
“เจ้าคิดจะหนีงั้นหรือ เรายังคุยกันไม่จบ”
“หม่อมฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพระองค์ ท่านอ๋อง ท่านไร้เหตุผล ไม่มีมโนธรรม ข้าไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่เลยสักนิด”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“หม่อมฉันทนมานานแล้ว ทนมาเกือบครึ่งปี ตอนแรกคิดว่ามันเป็นเพียงนิสัยของพระองค์ ที่แค่เย็นชา ไร้หัวใจ ไม่มีความรู้สึก หึ หม่อมฉันพึ่งรู้วันนี้เอง ว่าที่แท้ พระองค์มีคนในใจอยู่แล้ว จึงทำให้ท่านเป็นแบบนี้ หากเป็นเช่นนั้น ท่านก็ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าก็ไม่อยากทนอยู่ในตำหนักที่เยือกเย็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว”
นางได้ยินที่เขาคุยกับถังจวินในห้องหนังสืออย่างนั้นหรือ
“นี่เจ้าอยากออกจากจวนอ๋อง เพื่อจะไปเป็นพระชายาขององค์ชายสี่หรืออย่างไร ซีเฟย แผนเจ้าช่างร้ายกาจ และแนบเนียนจริงๆ”
“เพี๊ยะ”
“ท่านดูถูกข้า ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ท่านอ๋อง ท่านมันเกินเยียวยาแล้ว”
“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าไม่เคยให้ใครตบหน้าข้ามาก่อน”
เขาเดินเข้ามาหานาง นางเดินถอยหลัง แต่หนีเขาไม่พ้นเพราะเขาจับมือนางไว้แน่น
“พระองค์จะทำอะไร อย่านะ ท่านอ๋อง”
“การตบข้า มันมีราคาที่ต้องจ่าย และเจ้าต้องชดใช้”
“ไม่นะ ปล่อยข้านะ ท่านอ๋อง หยุดนะ ไม่”
เขาจับหน้านาง และบดขยี้ไปที่ริมฝีปากบางรูปกระจับนั่น เขาบดขยี้อย่างรุนแรงจนนางไม่อาจต้านทานเขาไหว เขาจึงเริ่มคลายความรุนแรงลง และค่อยๆ ใช้ลิ้นล้วงเข้าไปตวัดลิ้นของซีเฟย นางเริ่มดิ้นสู้เขา เขากระชับร่างนางเข้ามาแนบชิด และระดมจูบและบดขยี้ริมฝีปากนาง นางไม่มีหนทางหนีได้เลย ซีเฟยเริ่มอ่อนแรงลง ปล่อยให้เขาจูบนางไปเรื่อย จนเขาเริ่มคลายมือ นางจึงรีบผลักเขาอย่างแรง และรีบวิ่งออกจากห้องไป
ถังมู่เหรินทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรง เขาไม่มีวันปล่อยนางได้ออกไปแน่ นางแต่งเข้ามาจวนอ๋องแล้ว ใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะพานางออกไปได้
ซีเฟยวิ่งร้องไห้เข้าห้องนอนของตัวเองและปิดประตู นางคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาจะพูดดูถูกนางอย่างเจ็บแสบ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ นางไม่ได้ทำอะไรผิด คำดูถูก เสียดสีที่เขาพูดใส่นาง เกินจะรับไหว นางไม่อยากอยู่ที่นี่ จวนที่เยือกเย็นดั่งภูเขาน้ำแข็ง ที่นี่หนาวเหน็บขึ้นเรื่อยๆ แรกๆ นางคิดว่าค่อยๆ ทำดีไปเรื่อยๆ จะได้อยู่กันอย่างสันติ แต่มาถึงวันนี้ ดูแล้ว คงจะยากแล้ว นางรู้สึกกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ค่ำวันนั้น ซีเฟยไม่ได้ออกจากห้องมาอีก แม้แต่สาวใช้สองคนก็ไม่สามารถเข้าไปได้ พวกนางเคาะประตูอยู่หลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากซีเฟยเลย เรื่องนี้ เสี่ยวหลงวิ่งมาแจ้งท่านอ๋องแล้ว เขาทำเพียงพยักหน้ารับทราบ จนเว่ยอีและเสี่ยวหลงเดินออกมาจากห้องหนังสือ เขาถึงกับฟาดหนังสือฎีกาลงกับโต๊ะอย่างแรง”
“ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดี”