บท
ตั้งค่า
บทที่ 4 ตำหนักอ๋องที่เยือกเย็น
"หม่อมฉันถังมู่เหริน…
"หม่อมฉันจ้าวซีเฟย…
""ถวายบังคมเสด็จพ่อ เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""
“ตามสบายเถิด ชินอ๋อง เจ้าพาพระชายาไปนั่งเถอะ”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
เขาจูงมือนางเดินไปนั่งที่ประทับสำหรับพวกเขา ที่จัดให้แล้ว สำหรับพิธีคารวะช่วงเช้า
“เป็นอย่างไรบ้าง องค์หญิงซีเฟย เจ้าเดินทางมาไกล คงจะเหน็ดเหนื่อย ช่วงนี้ เจ้าก็พักผ่อนให้มากๆ นะ”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันสบายดีเพคะ ที่นี่อากาศดี จึงทำให้หม่อมฉันรู้สึกผ่อนคลาย ท่านอ๋องดูแลหม่อมฉันเป็นอย่างดีเพคะ”
“ดีๆๆ อ้าว รัชทายาท มาสิ มานั่งเร็วเข้า”
“หม่อมฉันถังมู่เจิน คารวะเสด็จพ่อ เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
“นั่งเถอะๆ อย่ามากพิธี
“อ้าว น้องรอง เจ้าพึ่งแต่งงาน ทำไมถึงรีบมาคารวะเสด็จพ่อนักล่ะ”
“เสด็จพี่ ถึงหม่อมฉันพึ่งจะแต่งงานก็จริง แต่ไม่ลืมธรรมเนียมปฏิบัติพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทส่งสายตาท้าทายและยิ้มหลี่ตาให้เขาน้อยๆ
“อย่างนั้นเอง มา เสด็จพ่อ ลูกขอให้ท่านอายุยืนหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ”
ซีเฟยสังเกตสีหน้าและความผิดปกติบางอย่าง นางรินชา และวางลงข้างตัว ใช้เข็มลองจิ้มดู ชินอ๋องเหลือบไปเห็น เข็มเปลี่ยนสีทันที “มีพิษ” เขาเบิกตากว้าง ใครกันที่อยากจะกำจัดเขาแบบนี้ หากไม่ใช่ พี่ชายที่แสนดีที่อยู่ตรงหน้านี้ เกรงว่ายาพิษในห้องหอของเขา ก็คงไม่พ้นฝีมือเขาเช่นกัน
“น้องรอง เจ้าเป็นอะไรไป ไม่ดื่มถวายพระพรเสด็จพ่อหรอกหรือ”
เขาส่งยิ้มท้าทายน้อยๆ มาให้ จ้าวซีเฟยรินน้ำชาให้มู่เหริน พร้อมเขี่ยบางอย่างจากเล็บของนาง ลงในถ้วยชา หันไปสบตาเขา และนางก็พยักหน้าให้เขา
“ลูกขอให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่ อยู่เป็นมิ่งขวัญให้กับไพร่ฟ้าราษฎร ตราบนานเท่านาน”
“บ้านเมืองร่มเย็น ราษฎรเป็นสุข ปราศจากโรคภัย ถวายพระพรให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่มีพลานามัยที่แข็งแรงหมื่นปีเพคะ”
“ดี ดีมากๆ เยี่ยมจริงๆ ดื่ม”
พวกเขาดื่มชาถ้วยนั้นเข้าไป ทำตัวเป็นปกติ มู่เหรินประคองซีเฟยให้นั่งลง นางเหลือบไปมองหน้าองค์รัชทายาท ซึ่งยังคงนิ่งเฉยอยู่ เมื่อนั่งไปสักพัก องค์รัชทายาทจึงเริ่มดูวิตกกังวล เหมือนบางอย่างไม่เป็นไปตามแผน เขาจึงทูลลาฝ่าบาท และพวกเขาทั้งหมดก็ออกมาจากพระตำหนัก
“เจ้า ทำอะไรกับชานั่น”
“ข้าแค่ใส่ยาถอนพิษลงไป”
“เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าชานั่นมีพิษ”
“ข้าชินกับการวางยาพิษมาตั้งแต่เด็ก ข้าย่อมต้องระวังตัว แค่คิดไม่ถึงว่าหนีมาถึงที่นี่ ก็ไม่พ้นเรื่องพวกนี้”
นางโดนวางยาพิษมาตั้งแต่เด็กอย่างนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่นะ เหตุใดจึงมีชะตากรรมเช่นนี้ เขาจะลองสืบดู
“ข้ามีธุระนอกเมือง เจ้ากลับเข้าจวนก่อนเถอะ ขาดเหลืออะไรก็บอก เสี่ยวหลงไว้ เขาจะแจ้งให้ข้าทราบเอง”
“ขอบพระทัย หม่อมฉันขอตัว”
จวนรับรองแขก
“ถวายบังคมเสด็จอา” “ท่านอ๋อง ตามสบายเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ” “ท่านพักที่นี่ ขาดเหลืออะไรบ้างหรือไม่ ข้าจะได้ให้คนจัดเพิ่มให้พ่ะย่ะค่ะ” “ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแต่วันนี้ ท่านมาหาข้า เพราะเรื่องของซีเฟยสินะ” “ข้าเลี้ยงนางมาตั้งแต่ฮองเฮาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์เพราะโรคระบาด ตั้งแต่นั้น นางเลยสนใจศึกษาวิชาแพทย์ นางมีอาจารย์แพทย์แผนโบราณที่สอนนางอยู่ นางมักจะขลุกตัวอยู่ที่นั่นทั้งวัน ทั้งคืน ว่าแต่ ท่านอ๋อง ท่านอยากจะทราบเรื่องใดหรือ” “เพราะเหตุนี้ นางจึงอยากรักษาคน และรักษาชีวิตตัวเองใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” “เฮ้อ พูดไปก็เป็นพวกข้าที่ผิด ไม่สามารถปกป้องนางได้ นางได้รับพิษมามากจริงๆ ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน นางมีความระแวง และขี้อิจฉามากเกินไป นางพยายามทุกทางเพื่อไม่ให้ซีเฟย เหนือกว่าซีเหมย นิสัยของนางจึงค่อนข้างแปลก ไม่ไว้ใจใคร ไม่เชื่อใจใคร ขนาดข้าเป็นอาของนาง ยังไม่สามารถอ่านใจนางได้เลย การที่นางยอมตกลงแต่งงานมาที่นี่ นับเป็นอีกเรื่องที่ข้ารู้สึกแปลกใจ ข้าเลยมาส่งนางด้วยตัวเอง” “ข้าเข้าใจว่าผู้ที่จะอภิเษกมา คือองค์หญิงซีเหมย” “ก่อนหน้านั้นก็เป็นเช่นนั้น แต่แม่ของนางไม่อาจทนจะห่างจากบุตรสาวได้ นางยังเด็กมากนัก และอุปนิสัยของนาง อะแฮ่ม น่าจะ ไม่เข้ากับท่านสักเท่าใด ฮองเฮาเลยขอร้องฝ่าบาท ให้เปลี่ยนเป็นซีเฟยแทน เพราะไม่อยากให้สองแคว้นทำสงครามกัน ท่านพี่ข้าจึงจัดงานอภิเษกนี้ขึ้น เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ ซีเฟย ย่อมเหมาะสมกว่าซีเหมย” เขาควรจะขอบคุณสวรรค์ ที่ไม่ส่งสตรีไร้มารยาทนั่นมาอภิเษกกับเขา แต่อย่างไร พวกนางก็ต่างล้วนแต่งมาเพื่อเป็นบรรณาการให้แคว้นที่ยิ่งใหญ่อย่างชิงโจวเท่านั้น นางแค่หนีจากที่นั่น มาพึ่งพาที่นี่“ขอบคุณเสด็จอาที่บอกเรื่องนี้กับข้า ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนท่าน ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
จวนชินอ๋อง ถังมู่เหริน หรือชินอ๋อง เดินเข้ามาในตำหนัก เขากำลังจะเดินไปที่ห้องหนังสือ เขาหยุดมองจ้าวซีเฟย ซึ่งตอนนี้อยู่ที่สวนหน้าตำหนัก นางและสาวใช้อีกสองคน และเสี่ยวหลง กำลังช่วยกันพรวนดิน เพื่อปลูกบางอย่างลงดิน นางมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว นางปรับตัวเข้ากับทุกคนในจวนได้เป็นอย่างดี นางดีกับบ่าวไพร่และสาวใช้ทุกคน มีน้ำใจ และมักจะทำของอร่อยๆ ให้พวกนั้นกินเสมอ “นั่นนางกำลังทำอะไร” “กระหม่อมคิดว่า น่าจะปลูกสมุนไพรพ่ะย่ะค่ะ เมื่อเช้า เห็นว่าพระชายาให้สาวใช้นำมาวางที่สวน ท่านอ๋อง จะเสด็จไปดูหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” “ไม่ใช่ธุระของข้า ไปเถอะ ข้ามีงานอื่นต้องทำ” มู่เหรินเดินออกจากบริเวณนั้น ซีเฟยมองเห็นเขาไกลๆ นางยืนมองเขาที่เดินจากไป เขากลับมาแล้วหรือ ห้องหนังสือจวนอ๋อง “ท่านอ๋อง ข้านำของว่างมาให้เพคะ” ซีเฟยนำขนม และชาวางให้เขา นางนั่งลงและรินน้ำชาส่งให้เขา “วางลงเถอะ เดี๋ยวข้ากินเอง” นางวางถ้วยชาลง “ขนมนี่ ข้าเข้าครัวทำเอง ท่านลองชิมดูนะเพคะ” “อืม ข้ายุ่งอยู่ พระชายามีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ” ซีเฟยหุบยิ้มน้อยๆ นางถอยออกมา “เพคะ งั้นข้าไม่รบกวน” ซีเฟยเดินออกมา นางทำอะไรผิดงั้นหรือ เขาจึงได้ปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ นางมาอยู่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังเย็นชากับนางอยู่เสมอ จริงอยู่ที่การอภิเษกนี่ เกิดจากการเชื่อมความสัมพันธ์สองแคว้น แต่นางคิดว่าที่นี่ น่าจะดีกว่าที่ที่นางจากมา เอาเถอะ พึ่งวันแรกๆ คงยังไม่ทันปรับตัว เพราะพวกผู้คนในจวนอ๋องนี้ ล้วนแต่ดีกับนางทั้งสิ้น ทั้งแม่นมหยง สาวใช้ทุกคนต่างก็เป็นมิตร และให้ความสนใจพวกนางทั้งสิ้น ชีวิตในจวนนี้ ก็คงไม่แย่มากหรอก ซีเฟยคิดในใจ นางพลันคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนเข้าหอ ที่เขาจูบนาง นี่นางคงโลภมากไปสินะ ที่หวังให้เขาทำดีกับนางเพียงนิด หึ น่าขำจริงๆ ถังมู่เหรินมองชาและขนมที่นางทำมาวางให้เขา ขนมนี่ช่างดูน่ากิน คนทำคงพิถีพิถันอย่างดีในการทำ เขายกชาขึ้นมาจิบ เขารีบรินเพิ่ม และดื่มรวดเดียวหมด ชานี่ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นยิ่งนัก เขาดื่มจนเกือบหมด และหยิบขนมขึ้นมาพร้อมกับอ่านตำราพิชัยยุทธไปด้วย ขนมนี่อร่อยมาก เข้าปากแล้วละลายทันที และยังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนนัก สักพักเดียว ทั้งชาและขนมก็หมด เขาเรียกเว่ยอีเข้ามา ให้ไปเอามาเพิ่ม เว่ยอีเดินไปที่โรงครัว เพื่อจัดขนมอีกชุดไปให้ท่านอ๋อง เขารินชาเพื่อดื่ม แต่รสชาไม่เหมือนเดิม “เว่ยอี เหตุใดชาในกานี้ ถึงได้รสชาตไม่เหมือนเดิมล่ะ”