บทที่ 2 ส่งตัวเจ้าสาว
ถังมู่เหรินมองพอแล้ว คืนนั้นทั้งคืน เขาพักอยู่ห้องใกล้ๆ นาง ได้ยินเสียงเอะอะ และทำลายข้าวของเกือบทั้งคืน นางบ่นได้ทุกอย่าง ทั้งมืด เตียงไม่นุ่ม ผ้าห่มไม่มากพอ น้ำไม่ร้อน แม้กระทั่งพื้น นางก็บ่นว่าไม่ปูพรม
“ข้าจะทนแต่งกับคนเช่นนี้ได้เช่นไร เว่ยอี เจ้าว่าข้าควรจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรดี”
เว่ยอีหันมามองเขา และได้ยินเสียงองค์หญิงขว้างแก้วชา หรือไม่ก็กระถางอะไรสักอย่างลงบนพื้นจนแตก เขาไม่รู้จะเห็นใจท่านอ๋องอย่างไรดี จึงส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้เขาแทน
1 สัปดาห์หลังจากนั้น
“เสด็จแม่ ลูกไม่แต่งนะเจ้าคะ ข้าไม่มีทางแต่งไปเป็นเครื่องบรรณาการแบบนั้น ท่านต้องช่วยข้านะเพคะ”
"ลูกรัก แต่เสด็จพ่อจัดแจงเรื่องนี้ไว้แล้ว แม่…
“เสด็จแม่ เหตุใดไม่ส่งท่านพี่ซีเฟยไปล่ะเจ้าคะ นางก็เป็นองค์หญิงเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นองค์หญิงของฮองเฮาองค์ก่อน แต่ก็เป็นองค์หญิง ส่งนางไปแทนลูกนะเพคะ เสด็จแม่ ลูกไม่ไปนะเจ้าคะ แต่งกับอ๋องใจเหี้ยมที่วันๆ เอาแต่ทำสงคราม เสด็จแม่ ท่านทนเห็นลูกลำบากได้งั้นหรือเพคะ”
“แต่การแต่งไปเป็นพระชายาแคว้นชิงโจว ถือเป็นเกียรติสูงสุดนะลูก เจ้า ไม่อยากได้งั้นหรือ”
“หากลูกต้องแต่งไปเป็นพระชายากับปิศาจสงครามนั่น ลูกไม่ไปเจ้าค่ะ ลูกอยู่กับเสด็จแม่ที่นี่ดีกว่า อีกอย่าง ลูกยังเด็กอยู่นะเพคะ เสด็จแม่ ท่านพี่ซีเฟยอายุมากกว่าลูก นางสมควรออกเรือนไปได้แล้วนะเพคะ”
“ปัญหาคือนางมีสัญญาหมั้นหมายกับสือเยว่เทียนไว้แล้วน่ะสิ”
“ท่านพ่อแค่ยกเลิก และแต่งตั้งนางไปก็หมดเรื่องเพคะ เสด็จแม่ แค่สัญญา เทียบกับราชโองการระหว่างแคว้นไม่ได้”
“ข้าจะลองคุยกับเสด็จพ่อเจ้าดู แม่เองก็ไม่อยากให้เจ้าแต่งไปเท่าไหร่หรอก”
“ข้ารักเสด็จแม่ที่สุดเลยเพคะ
ตำหนักองค์หญิงซีเฟย
"ทำไมข้าต้องแต่งเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับเขา เพียงเพื่อระงับสงครามงั้นหรือ เขาที่เรียกว่าปิศาจไร้หัวใจคนนั้น"
“แต่ฝ่าบาทมีพระราชโองการมาแล้วนะเพคะ องค์หญิง เห็นทีเรื่องนี้ คงยากที่จะเลี่ยงเพคะ”
จ้าวเฟยซี องค์หญิงแห่งแคว้นเยี่ยน นางเป็นพระธิดาระหว่างฮองเฮาองค์ก่อน และฮ่องเต้จ้าวอี้ฝาน
“ชะตากรรมข้า ไม่เคยได้กำหนดเองตั้งแต่เกิดอยู่แล้วนี่ หึ ก็ดี ที่นั่น อาจจะดีกว่าวังหลวงที่เหน็บหนาวนี้ก็เป็นได้”
ราชโองการ
“ให้ชินอ๋อง องค์ชายถังมู่เหริน กลับเมืองหลวง เพื่อรอเข้าพิธีอภิเษก”
"มีราชโองการ ให้องค์หญิง จ้าวซีเฟย อภิเษกสมรสกับชินอ๋อง องค์ชายถังมู่เหรินแห่งแคว้นชิงโจว กำหนดส่งตัวเจ้าสาว อีก 9 วันหลังจากนี้
""รับราชโองการ""
“ถังมู่เหริน”
“จ้าวซีเฟย”
""รับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""
แคว้นชิงโจว : ส่งตัวเจ้าสาว
ขบวนส่งตัวเจ้าสาวที่ยิ่งใหญ่ กำลังผ่านในเมือง เข้าสู่พิธีการในวังหลวงของแคว้นชิงโจว ชาวบ้านต่างตื่นตากับขบวนเจ้าสาวนี้มาก ตั้งแต่ขบวนเกี้ยวที่สวยงามดูแปลกตา
เกี้ยวแปดเหลี่ยมมีผ้าคลุมสีแดงประดับด้วยมุกและเพชรพลอยหลากสีรอบๆ ตัวเกี้ยว และระหว่างที่เกี้ยวผ่าน จะมีการโปรยกลีบดอกไม้ พร้อมกับทับทิมสีแดงไปตลอดทาง เพื่อเสริมศิริมงคล เหล่าชาวบ้านต่างมารอเก็บอัญมณีทับทิมตามขบวนเจ้าสาว
“เสด็จอา อีกนานมั้ยเพคะ กว่าจะถึงวังหลวง”
“ข้างหน้านี่แล้วล่ะ เจ้า รู้สึกไม่สบายหรือซีเฟย”
“เปล่าเพคะ เพียงแค่ถามดูเฉยๆ”
“ไม่ต้องห่วงนะ อาจะอยู่จนส่งเจ้าเข้าจวนอ๋อง ถึงจะกลับแคว้น หากเจ้ามีอะไรขาดตกบกพร่อง อาจะจัดการสรรหาให้ ก่อนที่จะกลับ”
จ้าวอี้เหลียง เสด็จอาที่จ้าวซีเฟยให้ความเคารพรักมากที่สุด เพราะเขาดูแลนาง หลังจากที่นางสูญเสียมารดา คือฮองเฮาอวิ๋นเฟยอี้ไปเมื่อ 10 ปีก่อนเพราะโรคระบาด
หลังจากนั้น จ้าวซีเฟยทุ่มเทกำลังทั้งหมดของนาง เรียนรู้วิชาการแพทย์ สมุนไพร และการใช้พิษ นางมีเข็มเงินพิษเป็นอาวุธ ฉู่อันเหมย คนสนิทของนาง เก่งวรยุทธ และเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ช่วยนางในการปรุงยาได้ และอาเหยา สาวใช้ที่โตมาด้วยกัน พวกนางสามคนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และในครั้งนี้ ก็ติดตามมาอยู่กับนางด้วย
“ขบวนเจ้าสาวเข้าวังหลวง เปิดประตู”
เสียงทหารองครักษ์ ตะโกนเพื่อให้เปิดประตู ทับทิมชุดสุดท้ายถูกโปรยออกไปหน้าประตูวัง และประตูก็ค่อยๆ ปิดลง ขบวนถึงลานหน้าพระที่นั่งแล้ว เกี้ยวหยุด และถูกวางลง
บนลานพระราชพิธีนั้น มีผู้คนมากมายที่รอรับอยู่ ถังมู่เหริน สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด ทอด้วยผ้าไหมและทองคำบริสุทธิ์ ประดับลวดลายอย่างวิจิตร ผมที่ถูกรวบขึ้นไปด้านบนจนหมดรัดด้วยรัดเกล้าสีทอง ประดับด้วยทองและไพลินสีน้ำเงินสลับแดง ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา ส่งให้ใบหน้าเขาดูอิ่มเอิบและดูรูปงาม น่าเกรงขามยิ่งนัก
ถังมู่เหรินเดินลงมาจากลานพิธี เพื่อมารับเจ้าสาวที่เกี้ยว เขาค่อยๆ เปิดเกี้ยว นางยื่นมือออกมา เขาจับมือนางเอาไว้ มือนางช่างนิ่มและละผิวละเอียดดีจัง เขาประคองนางลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง วันนี้นางช่างเก็บอารมณ์ได้ดีนัก คงเตรียมการมาดีสินะ หึ เขายิ้มเหยียดๆ ไปที่เจ้าสาวตรงหน้าเขา ก่อนที่จะพานางเดินขึ้นไปยังท้องพระโรงด้านหน้า เพื่อทำพิธีคำนับฟ้าดิน
…… ส่งตัวเข้าหอ ……..
เจ้าสาวถูกนำตัวไปส่งที่ห้องหอ ที่จวนอ๋อง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวังหลวง ถังมู่เหรินขี่ม้านำขบวนเกี้ยวเพื่อพาเจ้าสาวกลับจวนอ๋อง ภายในจวนอ๋อง มีการประดับตกแต่งด้วยโคมและผ้ามงคลสีแดงทั้งจวนเพื่อต้อนรับพระชายาชินอ๋อง
แม่สื่อนำเจ้าสาวเข้ามาที่ห้องหอ นางนั่งรออยู่ตรงนั้น ก่อนที่ชินอ๋องจะเดินเข้ามา เขาแปลกใจที่เครื่องเรือนในห้องยังอยู่ดี โดยที่ไม่ถูกนางโยนทิ้ง และนางที่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตา เวลาแค่ไม่กี่วันที่เขาได้เจอนาง หลังจากนั้น นางไปฝึกมารยาทแบบเร่งด่วนมางั้นหรือ เหตุใดจึงนิ่งได้ขนาดนี้
“องค์หญิง ข้ายังไม่ชินกับการที่มีผู้อื่นอยู่ด้วย ช่วงระหว่างนี้…… เอ่อ…..”
“ท่านอ๋องเชิญพูดได้เลยเพคะ หม่อมฉันจะไม่ขัด”
"ข้าจะแยกห้องกับเจ้า"
"ข้าดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นเพคะ"
"งั้นก็ตกลงตามนี้ เราสองคน ต่างคน ต่างอยู่"
"ย่อมได้ รับพระบัญชาเพคะ"
นี่นางเป็นอะไร เหตุใดถึงนิ่งได้จนถึงตอนนี้ ทำไมเขารู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด นางถามคำ ตอบคำ หรือว่าเป็นเพราะความหยิ่งยโสของนาง จึงเป็นเช่นนี้ เขาสะบัดแขนและเดินออกไป กลับพบว่าแม่สื่อยืนรออยู่นอกห้อง
“ท่านอ๋อง ท่านต้องดื่มเหล้ามงคล และเปิดหน้าเจ้าสาวก่อน คืนนี้ พระองค์ไม่ควรออกจากห้องนี้นะเพคะ และในตอนเช้า จะมีพิธีตรวจผ้าปูที่นอนด้วยเพคะ”
ชินอ๋องปิดประตูใส่แม่สื่อ เขาไม่อยากอยู่ในห้องนี้อีกแม้แต่นาทีเดียว แต่ในเมื่อเป็นพิธีการ จึงขัดไม่ได้ เขายกสุรามงคลไปนั่งข้างๆ นาง
“องค์หญิง ดูเหมือนว่าคืนนี้ เราคงต้องถูกขังอยู่ด้วยกันที่นี่ มา ดื่มเหล้ามงคล”
พวกเขาดื่มเหล้ามงคลเสร็จและวางถ้วยลง
“ดูเหมือนว่า ข้าต้องเปิดหน้าเจ้าด้วย ขออภัยด้วยนะองค์หญิง ล่วงเกินแล้ว”
ถังมู่เหรินเดินไปหยิบไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว เขาค่อยๆ เปิดผ้าแดงคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้น ……………………..