บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ 2 แคว้น

แคว้นชิงโจว

ท้องพระโรง : ประชุมเช้า

“แคว้นเยี่ยน ส่งจดหมายแสดงเจตจำนงค์ ประสงค์ที่จะเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้น โดยการยกองค์หญิงให้มาแต่งงานกับองค์ชายแคว้นชิงโจวของเรา ขุนนางทั้งหลาย เรื่องนี้ พวกท่านมีความเห็นประการใด”

“ทูลฝ่าบาท แคว้นเยี่ยนเป็นเมืองหน้าด่าน ที่มีเขตติดต่อกับแคว้นซูเล่อ ที่มีอำนาจพอๆ กับเรา เป็นการดีที่จะสานสัมพันธไมตรี พ่ะย่ะค่ะ”

เสนาบดีกรมกลาโหมกราบบังคมทูลความเห็นแก่ฮ่องเต้

“ทูลฝ่าบาท แคว้นเยี่ยนนั้นพืชพันธุ์ธัญญาหารล้วนสมบูรณ์ อีกทั้งชายแดนยังมีปราการน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อแคว้นชิงโจวของเรา หากมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือเวลามีภัยพิบัติพ่ะย่ะค่ะ”

เสนาบดีกรมโยธากราบบังคมทูล

“อืม เราก็เห็นด้วยกับพวกท่าน ซึ่งพอคิดๆ ดูแล้ว เรามีแต่ได้ มากกว่าเสีย”

“พระบารมีฝ่าบาทแผ่ไปกว้างไกล ทุกแคว้นต่างอยากผูกมิตรพ่ะย่ะค่ะ”

ราชเลขาทูลสำทับ ฮ่องเต้ถังจินพยักหน้าช้าๆ

“ถ้าอย่างนั้น พวกท่านเห็นว่า ผู้ใดเหมาะสมที่จะเข้าพิธีสมรสในครั้งนี้”

เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากัน และเป็นเสนาบดีกรมกลาโหม ซึ่งก้าวออกมาเพื่อทูลความเห็น

“กระหม่อมเห็นว่า ชินอ๋อง องค์ชายถังมู่เหริน ถึงวัยที่เหมาะสมจะแต่งงานในเวลานี้ที่สุดพ่ะย่ะค่ะ เนื่องจากชินอ๋องเชี่ยวชาญการศึก และมักจะไปประจำการที่ค่ายทหารแถบชายแดนเสมอ คุ้นเคยทั้งภูมิศาสตร์ และประชาชน หากชินอ๋องอภิเษกครั้งนี้ ถือว่าเหมาะสมกว่าผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าขุนนางล้วนพยักหน้าเห็นด้วยกับเสนาบดีกลาโหม

“ชินอ๋องอย่างนั้นหรือ แต่ตอนนี้เขาทำศึกอยู่ที่ชายแดนเหนือ ไม่ได้ปรึกษาเขา เกรงว่า ….”

“ฝ่าบาท ที่พระองค์ทำ เพราะหวังดีกับชินอ๋อง เพื่อความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดิน ข้าพระองค์คิดว่า เรื่องนี้ ชินอ๋อง ไม่น่าจะขัดข้องพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี ถ้าอย่างนั้น ตกลงตามนี้ ออกราชโองการ พระราชทานอภิเษกให้ชินอ๋องแต่งกับองค์หญิงแค้วนเยี่ยนเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี”

ชายแดนเหนือ

“พระราชโองการมา”

“ชินอ๋อง องค์ชายถังมู่เหริน รับราชโองการ”

ถังมู่เหริน ชินอ๋องแห่งแคว้นชิงโจว พระราชโอรสคนที่ 2 ของฮ่องเต้ถังจิ้นหรง แคว้นชิงโจว เชี่ยวชาญการรบ และทำศึกสงคราม ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจทางการทหาร โหดเหี้ยม เถรตรง ยุติธรรม หากถอดชุดเกราะออก เขาถือว่าเป็นองค์ชายที่รูปงามคนหนึ่ง ผิวขาว ละเอียดราวสตรี สูง หน้าตาได้สัดส่วน รูปร่างกำยำเนื่องจากเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ และเป็นแม่ทัพดูแลไพร่พลฝั่งชายแดนทางเหนือ

“แต่งงานงั้นหรือ เรื่องบ้าอะไรกัน เว่ยอี เอาผ้ามา”

ถังมู่เหรินลุกขึ้นจากอ่าง รูปร่างเขาที่ดูกำยำยามโดนน้ำช่างน่ามองนัก หน้าอกและกล้ามที่เป็นมัดๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน อาจจะทำให้ผู้พบเห็นไม่อาจละสายตาได้เลย

เว่ยอีสวมเสื้อคลุมให้เขา ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องอาบน้ำมาแต่งชุดลำลอง

“เว่ยอี เจ้าไปเมืองเยี่ยนกับข้า”

“ท่านอ๋อง ท่านจะไปสืบข่าวของว่าที่พระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“จู่ๆ ก็มีราชโองการให้ข้าแต่งงาน ก่อนหน้านั้นก็ยกเลิกงานแต่งข้ากับบุตรีเจ้ากรมคลัง ข้าอุตส่าห์หนีมาชายแดน ยังไม่พ้นราชโองการแต่งงานบ้าๆ นี่อีก ข้าจะไปดูเสียหน่อย ว่าคนที่จะมาเป็นว่าที่พระชายาที่จะแต่งกับข้า เป็นคนเช่นไร”

“ท่านอ๋อง ท่านคงไม่คิดที่จะ หนีการอภิเษกใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“หึ หนีจากอีกคน ก็เจออีกคนอยู่ดีมิใช่หรือ สู้แต่งให้จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องประทานใครมาให้ข้าอีก”

แคว้นเยี่ยน : เมืองเหยียน

“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ข้าได้ข่าวว่าองค์หญิงจะเสด็จผ่านทางนี้ นางจะเดินทางไปสักการะที่วัดกวนอิมบนเขา หากเราดักรอที่โรงเตี๊ยมนี้ อาจจะเจอนางพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี งั้นเจ้าไปจองห้องพักก่อน ข้าจะเดินดูแถวนี้หน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เมืองเหยียน ถือเป็นเมืองที่ติดชายแดนด้านเหนือที่ถังมู่เหรินดูแลอยู่ การเดินทางจึงใช้เวลาไม่นาน การค้าขายที่นี่ เน้นพวกเครื่องนุ่งห่ม ผ้าไหม เครื่องประดับเงิน ทับทิม และพลอยเป็นหลัก เนื่องจากเป็นภูเขาสูง แหล่งทรัพยาการจึงมีมาก และอากาศก็หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่จะปลูกพืชเมืองหนาวเป็นหลัก

ถังมู่เหรินเดินดูความคึกคักของตลาดอย่างเพลิดเพลิน เขาหวังว่าจะไม่มีสงคราม เพื่อให้ทุกคนที่นี่มีความสุขเช่นนี้ไปตลอด ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส การค้าขายคึกคัก ใต้หล้าร่มเย็น เขาแวะดูกำไรหยกขาว พลางนึกไปถึงสตรีที่เขาเคยหมั้นหมายเมื่อครั้งก่อน

ชิงอี้เหนียง บุตรีเสนาบดีกรมคลัง นางชอบสวมเครื่องประดับสวยงาม และทุกครั้งที่เขากลับจากชายแดน มักจะซื้อไปฝากนางเสมอ จนกระทั่งปีกลาย ที่นางบอกเขาว่า นางต้องเข้าพิธีอภิเษกเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท นางอ้างว่าเขาไม่สนใจนาง และให้ความมั่นคงกับชีวิตนางไม่ได้ เขาออกสนามรบตลอดเวลา แต่นางต้องการคนที่รัก และดูแลเอาใจใส่นางใกล้ๆ ตัว ทำให้นางมอบใจให้กับพี่ชายแท้ๆ ของเขาเพราะความใกล้ชิดที่ทั้งคู่มักจะพบเจอกันในงานพิธีสำคัญต่างๆ ในวังหลวง เขามองกำไรหยกนั้นอย่างใจลอย และวางมันลง หันกลับจะเดินออกไป เขาไม่ทันระวัง จึงทำให้ชนกับสตรีนางหนึ่งซึ่งเดินผ่านเขา

“โอ๊ะ ขออภัยแม่นาง ข้าเดินไม่ระวัง”

เขาคว้าแขนเสื้อนางได้ก่อนที่นางจะล้มลง นางสวมชุดสีขาว สวมเครื่องประดับบนศีรษะ แต่นางใช้ผ้าสีขาวปิดตั้งแต่จมูกลงมาถึงคาง แต่ตาของนางกลับสวยยิ่งนัก

“ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ทันระวัง ขอบคุณ”

“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”

สตรีที่มาด้วยกันถาม

“ข้าไม่เป็นไร รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน”

นางย่อคำนับเข้าอย่างนอบน้อมและเดินจากไป เขามองตามพวกนางไป พวกนางดูรีบเร่ง เขาไม่ทันจะเอ่ยอะไรมาก นางก็ไปเสียแล้ว ถังมู่เหรินกำลังจะออกจากที่นั่น เท้าเขาก็เกิดไปเหยียบอะไรสักอย่างจนเขาต้องก้มมอง

เป็นถุงหอมห้อยป้ายหยกอันหนึ่ง ดูประณีตและกลิ่นหอมพิเศษยิ่งนัก เขาหันกลับไป แต่พวกนางก็ไปไกลจนเขาตามไม่ทันเสียแล้ว เขาจึงหยิบถุงหอมนั้น และเดินกลับโรงเตี๊ยม เว่ยอีรอเขาอยู่

“ท่านอ๋อง เห็นว่าขบวนขององค์หญิง จะมาพักค้างแรมที่โรงเตี๊ยมนี้ ก่อนขึ้นเขาเช้าวันพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจองห้องไว้แล้ว เป็นห้องพักใกล้ๆ กับห้องพักขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"

“ดี ข้าหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกัน”

เขานั่งอยู่ไม่นาน ดูเหมือนคณะขององค์หญิงจะมาถึงพอดี นางสวมชุดสีส้ม ตกแต่งเครื่องประดับงดงามบนศีรษะ ท่าทางหยิ่งยโสไม่เป็นมิตร แต่ต้องยอมรับว่านางเป็นสตรีที่ดูงดงามยิ่งนัก

“ท่านอ๋อง นั่นองค์หญิงจ้าวซีเหมย ว่าที่พระชายาของพระองค์”

ชินอ๋องมองนางอย่างพินิจ กิริยามารยาทก็เหมือนหญิงสูงศักดิ์ทั่วไป แค่สายตาดูไม่ค่อยเป็นมิตร ดูยโสโอหังมากไปหน่อย ท่าทางจะเอาแต่ใจตัวเอง

“นี่ชาอะไรกัน ไปหาชาที่ดีกว่านี้มาให้ข้า”

นางปัดกาชาหล่นแตกเกลื่อนพื้น นางกำนัลต่างตกใจ รวมถึงคนงานในร้าน

“องค์หญิงเพคะ ที่นี่คือโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในย่านนี้ก่อนออกนอกเมืองแล้วเพคะ ขออภัยองค์หญิงโปรดอภัย...”

“เพี๊ยะ”

นางตบนางกำนัล นางรีบคุกเข่าขออภัย

“หุบปาก ข้าแค่อยากกินชาที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่จืดชืดอย่างน้ำล้างจานเช่นนี้ ไปหามาให้ข้าเดี๋ยวนี้”

“เพคะองค์หญิง บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”

นางกำนัลอีกสองคนรีบพานางไปจัดหาอาหารใหม่มาให้นาง จ้าวซีเหมยทำท่าหงุดหงิดอยู่ที่โต๊ะ

"ทำไมข้าต้องแต่งกับนาง สตรีไร้มารยาท หลงตัวเอง เย่อหยิ่งแบบนี้ นั่นไม่ใช่สตรีที่ข้าต้องการ"

“ท่านอ๋อง เบาเสียงลงหน่อยพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวนางได้ยิน”

“ช่างน่ารังเกียจ……….”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel