บทที่ 4 เติบโตนอกวังหลวง
บทที่ 4 เติบโตนอกวังหลวง
"เจ้าอุ้มองค์หญิงไว้หากข้ายังไม่กลับมาอย่าให้องค์หญิงกับผู้ใด" ฮองเฮามอบองค์หญิงให้นางกำนัลก่อนจะรีบเดินออกไปหาฝ่าบาทที่ท้องพระโรงทันที
เมื่อมาถึงก็พบว่าบัดนี้ฝ่าบาทเมามายสุราโดยมีหวงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ข้างกาย
"ฝ่าบาทพระองค์ทรงรับสั่งให้องค์หญิงไปอยู่นอกวังได้อย่างไรเพคะ" ฮองเฮาไม่รอช้ารีบถามสิ่งที่อยากรู้ทันที
"ฮองเฮาไม่รู้สินะเพคะว่าตอนนี้นั้นข่าวลือที่ว่าองค์หญิงเป็นตัวซวยของวังหลวงคือเรื่องจริงและองค์รัชทายาทก็ต้องมาสิ้นพระชนม์ก็เพราะองค์หญิง หากว่าไม่มีองค์หญิงเรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือเพคะ หม่อมฉันว่าฝ่าบาททรงคิดดีแล้ว" หวงกุ้ยเฟยได้ตอบแทนฝ่าบาท
"แล้วข้าได้เอ่ยถามเจ้าหรืออย่างไร เจ้าถึงได้เสนอหน้ามาตอบแทนฝ่าบาท การที่องค์รัชทายาทต้องมาสิ้นพระชนม์ข้าไม่เชื่อว่าเป็นดวงขององค์หญิง ฝ่าบาทท่านจะทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไรแค่นางสูญเสียมารดาก็มากเพียงพอแล้ว นี่ท่านจะทิ้งให้นางออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่นอกวังจริงๆ หรือเพคะ ความรักของท่านที่มีต่อกุ้ยเฟยหนิงฮวาหายไปไหนหมด นี่คือองค์หญิงที่เกิดมาจากความรักของพระองค์นะเพคะ" ฮองเฮาตวาดใส่หวงกุ้ยเฟยก่อนจะหันมาถามความจริงกับฝ่าบาท
"ฮองเฮา!!เจ้าจะไปรู้อันใด ข้านะรักองค์หญิงมากเช่นกันแต่ท่านโหรหลวงบอกกับข้าว่านางมีดวงกาลกิณีหากอยู่ในวังหลวง ในภายภาคหน้าอาจจะเป็นเจ้าหรือข้าที่ต้องจากไป แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร นี่คือคำสั่งของข้าและความรักที่ข้ามีให้องค์หญิง ให้นางไปเติบโตอยู่ข้างนอกเป็นเรื่องดีของทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นตัวขององค์หญิงเองหรือว่าราชวงศ์" ฝ่าบาทพูดจบก็ยกสุราเข้าปากหมดจอก เฮาฮองมองฝ่าบาทอย่างหมดความเชื่อถือ
"ข้าผิดหวังในตัวท่านจริงๆ" พูดจบฮองเฮาก็ได้เดินออกมาโดยไม่หันไปมองหวงกุ้ยเฟยที่ทำความเคารพนางอยู่
ฮองเฮาเดินทางตามขบวนมาส่งองค์หญิงที่ท้ายหมู่บ้านห่างไกลเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงใย ยังดีที่ฝ่าบาทยังทรงมีเมตตาส่งแม่นมและพระพี่เลี้ยงมาดูแลองค์หญิงหนิงเอ๋อด้วย นางกำนัลที่จงรักภักดีต่อกุ้ยเฟยหนิงฮวาก็ทูลขอตามออกมารับใช้องค์หญิงด้วยเช่นกัน
สภาพบ้านที่ฝ่าบาทประทานให้คือบ้านเกิดของหนิงฮวาเองเป็นบ้านของขุนนางเก่าที่ได้ลาลับจากโลกใบนี้ไปแล้ว แม้จะดูหลังเล็กไม่เหมาะสมกับฐานะขององค์หญิงมากนักแต่ฮองเฮาก็มองว่าดีเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของตัวองค์หญิงเอง ก่อนที่นางจะกลับวังหลวงได้กอดองค์หญิงด้วยความเป็นห่วง และได้กำชับแม่นมให้ดูแลองค์หญิงเป็นอย่างดี
"เจ้าต้องดูแลองค์หญิงเป็นอย่างดีเข้าใจหรือไม่ หากขาดตกบกพร่องอันใดให้เข้าไปหาข้าที่วังหลวง ส่วนเรื่องการกินอยู่เสื้อผ้าอาภรณ์พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะให้ทหารนำมาส่งให้เป็นประจำ"
"หม่อมฉันจะดูแลองค์หญิงให้ดีเพคะ ฮองเฮาไม่ต้องเป็นห่วง "
"ดีแล้ว พวกเจ้าต้องตระหนักไว้เสมอว่าองค์หญิงคือบุตรสาวของข้า เพราะนับตั้งแต่วันที่ข้าได้อุ้มนาง และได้รับปากกับร่างของหนิงฮวาว่าจะดูแลและให้ความรักกับนาง นั่นเปรียบเสมือนว่าข้ารับนางเป็นบุตรของข้า พวกเจ้าจำไว้ให้ดี "
"หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งเพคะ" เหล่าแม่นมและนางกำนัลก็ได้โค้งตัวก้มลงรับคำสั่งของฮองเฮา นางอุ้มองค์หญิงหนิงเอ๋อที่หลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราวกับชะตากรรมตนเองแถมยังส่งยิ้มหวานให้ฮองเฮาก่อนจากลาเสียด้วย
"หนิงเอ๋อเจ้าต้องเติบโตมาเป็นคนดีมีศีลธรรมและทำให้ผู้คนได้เห็นว่าเจ้ามิใช่องค์หญิงกาลกิณีเข้าใจหรือไม่ฮึ!เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่" ฮองเฮาพูดกับองค์หญิงก่อนที่นางจะคืนองค์หญิงให้แม่นมก่อนเสด็จกลับวัง ใจหนึ่งนางเองก็อยากจะอยู่ดูแลแต่ทว่าหน้าที่ที่หนักอึ้งและร่างขององค์รัชทายาทก็ยังคงอยู่ในวังหลวง แม้ว่าจะจะทูลขอฝ่าบาทเลี้ยงดูอยู่ในวังและตำหนักเดียวกัน นางก็มิอาจขัดคำสั่งของฝ่าบาทได้ นางจึงได้ปล่อยให้องค์หญิงไว้กับข้ารับใช้เช่นนี้
หนิงเอ๋อเมื่ออายุ 8ขวบ
"แม่นมเหตุใดข้าถึงไม่มีเพื่อนเช่นดั่งผู้อื่นบ้างล่ะ ข้าเหงาเหลือเกิน "
หนิงเอ๋อที่วันๆ เอาแต่นั่งขีดเขียนพื้นดินและพูดคุยเล่นอยู่กับพวกสัตว์น้อยๆ ที่วิ่งเข้ามาในเรือนของนาง
"เพราะว่าองค์หญิงมีพระวรกายที่ไม่เแข็งแรงเพคะ จึงไม่สามารถออกไปเที่ยวเล่นเช่นดั่งผู้อื่น หากองค์หญิงทรงเงียบเหงาเดี๋ยวหม่อมฉันจะทูลต่อฮองเฮาให้หาอาจารย์มาสอนองค์หญิงเพิ่มดีมั้ยเพคะ"
"ไม่เอาหรอก ทุกวันนี้ข้าเองก็เฝ้าอ่านแต่ตำราจนข้าท่องจำได้ขึ้นใจ แล้วทำไมแม่นมไม่ให้ข้าเข้าไปที่วังหลวงไปหาท่านแม่บ้างล่ะ ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน "
"มิได้หรอกเพคะ ในวังหลวงมีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและผู้คนที่ใจร้ายมากมาย หากองค์หญิงเข้าไปที่วังหลวงหม่อมฉันเกรงว่าองค์หญิงจะถูกทำร้ายเอาได้ "
"แล้วทำไมท่านแม่ถึงอยู่ในวังหลวงได้ล่ะ ช่างไม่ยุติธรรมกับข้ายิ่งนัก"
แม่นมมองดูองค์หญิงตัวน้อยที่ช่างสงสัย นางก็สงสารจับใจ
"ฮองเฮามีพลังวิเศษเพคะ จึงสามารถอยู่ที่วังหลวงและคอยจัดการกับสัตว์ร้ายมิให้มาทำร้ายองค์หญิงได้ จึงพาองค์หญิงมาอยู่ที่ ที่ปลอดภัย หากวันใดองค์หญิงเติบโตขึ้นจะเข้าใจเองเพคะ "
"เฮ้อ!ข้าเบื่อจัง!!"
"งั้นเอาอย่างนี้ดีมั้ยเพคะวันนี้หม่อมฉันกับฟางลี่เว่ยจะเข้าไปที่ตลาดองค์หญิงอยากจะไปด้วยมั้ยเพคะ แต่องค์หญิงต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ดื้อไม่ซน "
แววตาลุกโซนดีใจขององค์หญิงก็ได้ยิ้มหวานให้แม่นมกระโดดวิ่งไปทั่วเรือนพร้อมตะโกนบอกทุกคนว่าตนเองจะได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ตลาด เพราะตั้งแต่เกิดมานางมิเคยก้าวเท้าออกจากเรือนแม้แต่น้อย
"แม่นมท่านไม่กลัวว่าจะเกิดอันใดขึ้นกับองค์หญิงหรือเพคะ ข้าว่าเรามิควรให้องค์หญิงออกไปด้านนอกเลย หากฮองเฮารู้เข้าเราจะไม่ถูกทำโทษหรือเจ้าคะ" ฟางลี่เว่ยที่ได้ยินองค์หญิงตะโกนไปทั่วเรือนก็ได้เดินเข้ามาพูดกับแม่นมทันที
"หากเราไม่ได้เอ่ยชื่อองค์หญิงและไม่มีผู้ใดรู้ เรื่องร้ายก็คงไม่เกิดกับองค์หญิงหรอกนะ เจ้าดูสิว่าองค์หญิงดีใจแค่ไหน ข้าละสงสารองค์หญิงจริงๆ เกิดมาแม้แต่ความรักจากบิดายังไม่เคยจะได้รับ แถมยังต้องคอยหลบซ้อน พานางไปสักครั้งคงไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นมาหรอกกระมั่ง หากเป็นดั่งคำทำนายของโหรหลวงข้าว่าพวกเราคงอยู่ไม่ถึงทุกวันนี้เป็นแน่ เจ้าเองก็ไปเตรียมตัวเถิด" แม่นมได้บอกให้ฟางลี่เว่ยไปเตรียมตระกร้าใส่ของ
แม่นมไม่รู้เลยว่าการพาองค์หญิงออกไปที่ตลาดวันนี้จะทำองค์หญิงที่สดใสได้เปลี่ยนไปตลอดกาล
องค์หญิงเดินตามหลังแม่นมอย่างตื่นเต้นเมื่อเริ่มเดินมาถึงที่หมู่บ้านนางได้พบเห็นกับผู้คนมากมายรวมทั้งเด็กๆ ในวัยเดียวกันที่จับกลุ่มกันเล่นอยู่
นางจึงได้ดึงมือของฟางลี่เว่ยเพื่อถามด้วยความสงสัย
"นี่ๆ เหตุใดเด็กๆ พวกนั้นต้องเล่นด้วยกันหลายคนเช่นนั้น แล้วทำไมไม่มีผู้ใดเล่นกับข้าเช่นนี้บ้างล่ะ"
"ก็เพราะองค์หญิงมีเรือนที่ไกลกว่าผู้อื่นเพคะทำให้องค์หญิงไม่มีเพื่อน แต่พระองค์อย่าเศร้าพระทัยไปเลยนะเพคะ เพราะว่าหม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นขององค์หญิงเอง วันนี้หม่อมฉันจะซื้อลูกกวาดให้ องค์หญิงชอบมั้ยเพคะ?"
"0"
"จริงนะ ข้าชอบเจ้ามากที่สุดเลย"องค์หญิงจากที่หน้าบูดบึ้งกลับเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มทันที เมื่อได้ยินว่าจะได้ลูกกวาดแสนอร่อยที่หากินยากมากๆ
"เจ้าพาองค์หญิงไปซื้อลูกกวาดเถอะ ส่วนข้าจะเดินไปที่ร้านผ้าเสียหน่อย มาเจอกันอยู่ที่นี่แล้วอย่าให้องค์หญิงคลาดสายตาเชียวล่ะ"
"ได้เจ้าค่ะ เราไปกันเถอะเพคะ "ฟางลี่เว่ยพาองค์หญิงไปที่ร้านลูกกวาดและซื้อให้องค์หญิงเป็นจำนวนมาก องค์หญิงน้อยดีใจมากๆ และกำลังกินลูกกวาดแสนอร่อย ฟางลี่เว่ยเมื่อเดินผ่านร้านหมั่นโถวจึงจะซื้อให้องค์หญิงแต่ทว่าผู้คนยืนรอมากมายเหลือเกินนางจึงให้องค์หญิงยืนรออยู่ที่ข้างๆ ร้านสักครู่
"องค์หญิงเพคะ รอหม่อมฉันอยู่ตรงนี้สักครู่นะเพคะ หม่อมฉันจะไปซื้อหมั่นโถวมาให้ อย่าไปไหนนะเพคะ "
"ได้ๆ ข้าจะไม่ไปที่ใดเจ้าวางใจได้เลย ข้าจะกินลูกกวาดยืนรอเจ้าอยู่ตรงนี้"
เมื่อฟางลี่เว่ยยืนต่อแถวเพื่อซื้อหมั่นโถวหนิงเอ๋อก็มองเห็นเด็กๆ กลุ่มเดิมที่ยังเล่นกันอยู่นางจึงตัดสินใจนำลูกกวาดเพื่อที่จะมอบให้แก่เด็กๆ กลุ่มนี้เพื่อที่นางจะได้มีเพื่อนกับเขาบ้าง
"นี่พวกเจ้า เอาลูกกวาดมั้ยข้าให้"
"แล้วเจ้าเป็นใครถึงจะเอาลูกกวาดมาให้กับพวกเรา " หนึ่งในเด็กกลุ่มนั้นก็ได้ถามขึ้น
"ข้าเป็นองค์หญิงนะสิ พวกเจ้าไม่รู้จักหรือไง มาสิข้าจะให้คนละเม็ด" เด็กๆ ต่างพากันเดินเข้ามาหาหนิงเอ๋อ เพราะคิดว่านางพูดเล่นเพียงเท่านั้น เมื่อเด็กๆ ได้ลูกกวาดก็ได้ถามหนิงเอ๋อว่านางเป็นลูกของใต้เท้าบ้านใดเพราะเสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางห่มมานั้นช่างแตกต่างจากชาวบ้านธรรมดา
"ว่าแต่เจ้าเป็นลูกของใต้เท้าบ้านใดกัน เหตุใดข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้าเลย"
"ข้าก็บอกเจ้าแล้วไง ว่าข้าคือองค์หญิง ชื่อของข้าคือองค์หญิงหนิงเอ๋อ บ้านของข้าอยู่ด้านหลังหมู่บ้านเข้าไปในป่าเล็กน้อยพวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไง " หนิงเอ๋อเมื่ออยากมีเพื่อนจึงบอกความจริงไปเพราะความยังทรงพระเยาว์แต่นางไม่รู้เลยว่าสิ่งที่นางพูดออกมานั้นจะทำให้เด็กๆ ต่างพากันเปลี่ยนสีหน้า
"ฮ่ะ!!เจ้าพูดเรื่องจริงหรือ"
"ก็ใช่นะสิ แม่นมของข้าสอนมาห้ามพูดโกหกมันเป็นสิ่งไม่ดี " เด็กๆ กลุ่มนั้นก็เริ่มเดินถอยหลังหนีหนิงเอ๋อ จนนางแปลกใจ
"พวกเจ้าจะไปไหน ไม่ไปเล่นที่บ้านของข้าหรือ"
"ไม่ ท่านแม่ของข้าเคยบอกว่าเรือนที่อยู่หลังหมู่บ้านนั้นเป็นบ้านขององค์หญิงตัวซวย องค์หญิงกาลกิณีหากผู้ใดอยู่ใกล้ก็จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เจ้าเอาลูกกวาดของเจ้าคืนไปแล้วอย่ามาใกล้พวกข้าอีก"
"ไม่นะ ข้าคือองค์หญิงที่แสนดีต่างหาก ข้าไม่เคยทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเลย "
"ไม่พวกเรากลัวเจ้า ออกไปเดี๋ยวนี้นะ " หนิงเอ๋อที่พยายามจะจับแขนเพื่อพูดให้เด็กๆ กลุ่มนี้ฟังว่านางมิใช่องค์หญิงตัวซวยแต่ทว่านางถูกตัวของเด็กหญิง เด็กคนนั้นกลัวมากถอยหลังไปโดนไม้ทำให้นางล้มลงและถูกไม้หล่นใส่หัวอีกที ทำให้ผู้คนแถวนั้นต่างพากันมามุงดู รวมถึงพ่อแม่ของเด็กด้วย
โคร้ม!!
"โอ๊ย!ฮื้อ ฮือ!!ท่านแม่ช่วยข้าด้วยข้าถูกองค์หญิงตัวซวยทำร้าย" เสียงร้องดังลั่นทำให้แม่ของเด็กวิ่งมาจับลูกตัวเอง
"เห็นมั้ยข้าบอกแล้วว่าเจ้าเป็นองค์หญิงตัวซวยมาทำให้ยี่หมางเจ็บตัว ออกไปเลยพวกเราไม่เล่นกับเจ้าหรอก" เด็กชายผลักตัวขององค์หญิงล้มลงและโยนลูกกวาดที่องค์หญิงมอบให้ใส่ตัวนาง
สายตาที่จับจ้องมาที่ตัวนางนั้นช่างน่ากลัว หนิงเอ๋อหวาดกลัวและร้องไห้ออก
"ไม่นะ ข้ายังไม่ได้ทำอันใดใครเลย อีกอย่างข้ามิใช่องค์หญิงตัวซวยสักหน่อย เมื่อครู่นางเดินหนีข้าและล้มไปเองแท้ ๆ เหตุใดถึงมาโทษข้า "เสียงสั่นสะอื้นเปล่งออกมา
"แต่เจ้าเป็นองค์หญิงกาลกิณีที่ทำให้มารดาของตนเองและองค์รัชทายาทต้องตาย ก็เพราะเจ้าออกไป ออกไป " ชาวบ้านเมื่อรู้ว่าเด็กผู้นี้คือองค์หญิงหนิงเอ๋อก็พากันขับไล่ ฟางลี่เว่ยที่ได้หมั่นโถวก็หันมาหาองค์หญิงก็ไม่เห็นนางกังวลวิ่งหาองค์หญิงไปจนทั่ว
จนกระทั่งได้ยินเสียงชาวบ้านมุงขับไล่และเรียกชื่อขององค์หญิงกาลกิณีจึงรีบเข้าไปดูก็พบว่าบัดนี้องค์หญิงนั่งตัวสั่นเทาร้องไห้ออกมาเนื้อตัวเต็มไปด้วยของที่ชาวบ้านโยนปาใส่นาง
"พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ "ฟางลี่เว่ยวิ่งเข้าไปกลางกลุ่มคนและจับตัวองค์หญิงให้ลุกขึ้น
'อึก อึก ฮื้อ ฮือ ฟางลี่เว่ย บอกพวกชาวบ้านให้ข้าทีว่าข้ามิใช่องค์หญิงตัวซวยหรือองค์กาลกิณี ข้ามิเคยทำให้ผู้ใดได้รับบาดเจ็บอีกอย่างท่านแม่ของข้าก็ยังคงอยู่ ท่านแม่ของข้าคือฮองเฮา ทำไมคนพวกนี้ต่อว่าข้าเป็นตัวซวยทำให้มารดาของข้าตาย บอกพวกเขาไปสิ " องค์หญิงสะอื้นไห้พูดเสียงขาดๆ หายๆ มือกำลูกกวาดที่หล่นดินไว้แน่น
ฟางลี่เว่ยก็ได้รู้ว่าองค์หญิงถูกจับได้ นางจึงตวาดใส่พวกชาวบ้านด้วยความคับแค้นใจ
"องค์หญิงของข้าไปทำอันใดให้พวกเจ้า ตั้งแต่องค์หญิงมาอยู่ที่นี่เคยเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหรือไม่ก็ไม่เคย องค์หญิงยังทรงพระเยาว์เช่นนี้เหตุใดพวกเจ้าต้องทำร้ายนางด้วย หากผู้ใดกล้าทำนางอีกข้าจะทูลให้ฮองเฮามาจัดการพวกเจ้าให้หมดทุกคน"