บท
ตั้งค่า

ข้าจะแย่งทุกอย่างที่เป็นของเจ้า

บทที่ 5 ข้าจะแย่งทุกอย่างที่เป็นของเจ้า

ตำหนักหนานฉี

ยามเฉิน(08.00)

เซียวอี้นั่งอยู่ในห้องของตนเพื่อทำการอ่านตำราขงจื๊อที่องค์รัชทายาทต้องทำ เพราะเขาได้รับปากท่านพี่จึงอยากทำให้ท่านพี่สบายใจแม้ว่าตัวของเขาเองมิใช่คนที่ดีแต่เขาจะทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้ท่านพี่ไม่ผิดหวังที่เชื่อมั่นในตัวของเขา

ก๊อก ๆ "" เสียงดังมาจากหน้าต่างห้องเซียวอี้วางตำราลงที่โต๊ะพร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ผู้อื่นที่อยู่ด้านหน้าตำหนักได้ยิน

"เข้ามา" ทันใดนั้นเองหน้าต่างถูกเปิดออกพร้อมร่างบุรุษบึกบึนสวมชุดสีดำเพื่ออำพรางร่างกายพร้อมปกปิดใบหน้ารีบกระโดดเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว เสียงหายใจเหนื่อยหอบดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

"ปกติเจ้ามิได้เข้ามาหาข้ายามนี้มีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือทำให้เจ้าเร่งรีบมาหาข้าเช่นนี้" เซียวอี้จ้องมองไปยังร่างใหญ่ เขารีบคุกเข่าลงหนึ่งข้างและตั้งชันเข่าอีกข้างขึ้นพร้อมเปิดใบหน้าให้องค์ชายเซียวอี้ได้เห็น

"ทูลองค์ชายที่กระหม่อมเร่งรีบมาเช่นนี้เพราะมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้งพ่ะย่ะค่ะ" เซียวอี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงเข้ามาใกล้อย่างสงสัย

"เรื่องอันใดกันถึงทำให้เจ้ารอให้ฟ้ามืดไม่ได้รีบเอ่ยมาเถิด"

"พ่ะย่ะค่ะ" บุรุษผู้นี้คือองครักษ์เงาขององค์ชายสามเซียวอี้คอยสอดส่องเรื่องต่าง ๆ รอบกายที่เกี่ยวกับตัวของเขามีนามว่าไป๋เหลียน

"กระหม่อมได้ยินเรื่องที่ไม่สมควรที่จะได้ยินมา ยามนี้ท่านใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางกับท่านใต้เท้าท่านอื่นพากันหารือที่หอคณิกาและได้ความมาว่าเขาต้องการให้องค์ชายห้าขึ้นรับตำแหน่งแทนองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ"

"เช่นนี้ก็ดีต่อตัวข้ามิใช่หรือ?"

"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินมาว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทไม่เห็นด้วยแต่ว่าใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางจะใช้ท่านแม่ทัพใหญ่ที่ยามนี้กำลังเคลื่อนกองกำลังออกไปช่วยทหารที่อยู่ทิศเหนือสู้รบ หากเขาได้รับชัยชนะกลับมาได้เช่นนี้ท่านใต้เท้าจะทูลบอกฝ่าบาทให้ท่านแม่ทัพหนุนหลังและคอยช่วยเหลือองค์ชายห้าเปรียบเสมือนท่านใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางต้องการเพียงให้องค์ชายห้าเป็นหุ่นเชิดโดยมีเขาเป็นผู้เชิดหุ่นอย่างไรอย่างนั้น เช่นนี้องค์ชายจะอยู่นิ่งได้หรือพ่ะย่ะค่ะ" ไป๋เหลียนรีบรายงานพร้อมเอ่ยถามความคิดของเซียวอี้ เขานิ่งเงียบหันหลังเพื่อครุ่นคิด หากเป็นดั่งที่ไป๋เหลียนได้ยินมาสิ่งเดียวที่เขาคิดได้ในยามนี้คือท่านใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางกับเจาหยางต้องการอำนาจและบัลลังก์ของเขา เซียวอี้กำมือแน่นไม่คิดเลยว่าตระกูลเซ่อจะคิดการใหญ่เช่นนี้ มีหรือที่เขาจะยอมให้บัลลังก์ตกอยู่ในมือของตระกูลเซ่อ

"เหอะ ! ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ข้าว่าเรื่องที่ข้าถูกท่านพ่อเรียกไปต่อว่าคงเป็นฝีมือของเขาสินะ ไป๋เหลียนข้ามีเรื่องที่จะให้เจ้าทำจงไปที่เรือนของใต้เท้าหวังอี้เฉินเฝ้าดูนิสัยกิริยาของคุณหนูตระกูลนั้นแล้วมารายงานข้า "

"กระหม่อมขอถามได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะทำไมต้องให้กระหม่อมไปเฝ้าตามดูคุณหนูตระกูลหวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ ไม่เห็นจะสำคัญกับเรื่องนี้เลย"

"สำคัญสิ ในเมื่อเจาหยางสหายเก่าของข้าต้องการแย่งชิงทุกอย่างของข้าไม่ว่าจะเป็นความรักของท่านพ่อหรือแม้แต่บัลลังก์เช่นนี้ข้าจะแย่งทุกอย่างของเขามาเป็นของข้า คุณหนูตระกูลหวังคือคนรักของแม่ทัพเจาหยางข้าอยากจะแย่งชิงนางมาเป็นของข้า เจาหยางจะได้รับว่าการถูกแย่งชิงนั้นเจ็บปวดเพียงใด และเรื่องบัลลังก์ข้าไม่มีทางที่จะให้แผนการของใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางสำเร็จได้ "

"กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะรีบไปทำตามที่องค์ชายรับสั่ง" เอ่ยจบไป๋เหลียนดึงผ้ามาปกคลุมใบหน้าเช่นเดินและกระโดดออกทางหน้าต่างเพื่อหลบหลีกไม่ให้ผู้ใดได้เห็นตน

"ข้าจะทำให้เจ้าได้ริ้มรสความเจ็บปวดของการถูกแย่งชิง คิดจะแย่งบัลลังก์ไปจากข้าอย่างนั้นหรือ? เห็นว่าท่านพ่อชื่นชอบจนหลงระเริงอยากได้บัลลังก์ ข้าจะไม่มีทางให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะต่อจากนี้ข้าจะเป็นคนแย่งชิงทุกอย่างของเจ้าเองไม่ว่าจะเป็นสตรีที่เจ้ารักหรือแม้แต่อำนาจที่เจ้ามีตระกูลเจ้ามีข้าจะทำให้เจ้าย่อยยับจนแตกสลายรอรับมือจากข้าได้เลย" เซียวอี้แสยะยิ้มออกมาก่อนจะเดินกลับไปอ่านขงจื๊ออย่างละเอียดเขาจะไม่ปล่อยให้วันเวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้

เรือนใต้เท้าหวังอี้เฉิน

จื่อหลินจัดเตรียมอาหารตามที่คุณหนูสั่งเพื่อออกไปอารามสงฆ์ตามปรารถนาของลั่วเออร์เมื่อนางจัดเตรียมเสร็จสิ้นจึงเดินถือของไปหาลั่วเออร์ที่ห้องเพื่อออกเดินทาง

"คุณหนูเจ้าคะ ข้าเตรียมของที่คุณหนูสั่งเรียบร้อยแล้ว คุณหนูเตรียมตัวเสร็จหรือยังเจ้าคะ" จื่อหลินเอ่ยถามอยู่ด้านนอกประตูเมื่อลั่วเออร์ได้ยินนางรีบหยิบหมวกไม้ไผ่เพื่อบังแดดและเดินออกไปหาจื่อหลินที่คอยอยู่ ทั้งคืนนางนอนไม่หลับเพราะเอาแต่เป็นห่วงเจาหยางบุรุษที่นางรัก หากนางได้ออกไปอารามและได้สวดมนต์ขอพรอาจจะทำให้จิตใจของนางสงบสุขได้บ้าง

"ข้าเสร็จแล้วรีบออกเดินทางกันเถิด " ลั่วเออร์ย่างกายออกมาก่อนจะเดินนำจื่อหลินไปที่รถม้าที่ถูกเตรียมไว้รอก่อนแล้ว

ทั้งสองเดินทางไม่นานก็มาถึงอารามสงฆ์ ลั่วเออร์นำอาหารมาถวายให้แก่นักพรตที่ปฎิบัติธรรมอยู่

"คุณหนูผู้สูงศักดิ์ ข้าขอเอ่ยเรื่องหนึ่งกับท่านได้หรือไม่" จู่ ๆ นักพรตผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นเมื่อลั่วเออร์ส่งอาหารให้เสร็จแล้ว

"เจ้าค่ะ "

"ข้ามองเห็นชะตาชีวิตของคุณหนูต่อไปนี้มีเรื่องทำให้ชีวิตผลิกผันต้นร้ายปลายดี เพียงคุณหนูยึดมั่นในความดีไม่ว่าจะพบเจอเรื่องอันใดจะทำให้คุณหนูพบเจอแต่เรื่องที่สุขสงบใจในที่สุดแม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ทุกข์ยากลำบากขอเพียงคุณหนูยึดมั่นและอดทนจะมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้น" คำกล่าวที่นักพรตเอ่ยออกมาทำให้ลั่วเออร์กังวลใจมากกว่าเดิมแต่เมื่อนางกำลังจะเอ่ยปากถามเพื่อให้หายข้องใจแต่ทว่ายามนี้นักพรตท่านนั้นก็ได้หายไปแล้ว ใบหน้าของลั่วเออร์เป็นกังวลจนจื่อหลินสังเกตได้

"หายไปไหนเสียแล้วนะ "

"คุณหนูไม่ต้องคิดมากเป็นกังวลเกินกว่าเหตุนะเจ้าคะ แค่นักพรตที่เอ่ยวาจาไปทั่วเท่านั้น ฮึ! หากข้ารู้ว่าจะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับคุณหนูข้าจะไม่ให้คุณหนูมอบอาหารให้เลย คุณหนูอย่าคิดมากนะเจ้าคะเราไปกราบไหว้เพื่อสวดขอพรเทพเทวดากันเถิดเจ้าค่ะ " จื่อหลินจับกายลั่วเออร์ให้ลุกขึ้นไปอีกทางที่จะไหว้ขอพร แต่ทว่าคำพูดของนักพรตเมื่อครู่ยังคงก่อกวนจิตใจของลั่วเออร์ไม่จางหาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel