2
“สวัสดีค่ะแม่”
“ริน สุดสัปดาห์นี้แม่จะไปเยี่ยมลูกที่กรุงเทพฯ นะจ๊ะ”
“ห้ะ! แม่ว่าอะไรนะคะ”
“ทำเสียงตกอกตกใจอะไรกันลูก ไม่ดีใจหรือไงที่พ่อกับแม่จะไปเยี่ยม”
“อ้อ... ดีใจสิคะ” เธอยิ้มแห้งๆ ให้โทรศัพท์
“ลูกบอกว่ามีแฟนแล้ว พ่อกับแม่ก็จะไปทำความรู้จักเสียหน่อย”
“บอกตอนไหนคะ” เธอถามเสียงหลงก่อนจะครุ่นคิด วันนั้นนั่นเองที่บิดามารดาอยากให้เธอตกลงปลงใจกับผู้ชายที่ท่านหาให้เธอก็เลยอ้างไปว่ามีแฟนแล้ว
ตายละ!!! แล้วนี่เราจะไปหาแฟนกำมะลอที่ไหนมาแอบอ้างกันล่ะ เธอเป็นนักเขียนนิยายมีเพื่อนร่วมงานเสียที่ไหนกันล่ะ วันๆ เจอแต่ตัวหนังสือกับหน้าจอคอมพิวเตอร์
“เอ๊ะ! หรือว่าลูกโกหก”
“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้โกหก แต่เขาไม่ว่างน่ะค่ะ พ่อกับแม่มาสุดสัปดาห์นี้เขาอาจจะไม่สะดวกอยู่คอยต้อนรับก็ได้นะคะ” รินลดาถอนใจเฮือกใหญ่ เธอโกหกคำโตอีกแล้ว
“ว่างไม่ว่างก็ต้องว่าง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกสาวแม่ ไม่รู้ละ ถ้าแม่ไม่เจอว่าที่ลูกเขยแสดงว่าลูกโกหก ดังนั้นลูกต้องกลับมาแต่งงานกับพี่นทีเขานะ เขารักจริงหวังแต่ง อยากได้ลูกไปเป็นศรีภรรยา พ่อแม่เขาก็ดี เรียกสินสอดไปเท่าไหร่ก็ยินดี ตอบตกลงแบบไม่เกี่ยงงอนเลย”
“โธ่แม่ หนูไม่ใช่สินค้านะคะ ถึงจะเรียกเงินเท่าไหร่เขาก็ยอมจ่าย”
“ไม่รู้ละ ถ้าแม่ไม่เจอว่าที่สามีของลูก แม่จะถือว่าลูกโกหก ปั้นน้ำเป็นตัว แค่นี้แหละ” มณีนุชชิงตัดสายไปเสียก่อน ไม่ทันให้บุตรสาวได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับคนเป็นสามี ท่านก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกสาวจะหาใครมาเป็นแฟน เพราะสืบมาแล้วว่าลูกสาวยังโสดสนิท
“แม่ เดี๋ยวก่อนสิคะ โธ่... แม่” รินลดาหน้างอ เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแรงๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์หาเพื่อนรัก
“ยายนรีมาหาฉันหน่อยสิ”
“ทำเสียงแบบนี้เป็นอะไรของแก”
“มาให้ฉันระบายอารมณ์แล้วก็ปรับทุกข์กับแกหน่อยสิ”
“อ้าว... ยายนี่! ฉันไม่ใช่ส้วมนะ” ปลายสายสะบัดเสียงตอบกลับมา รินลดาอมยิ้ม
“มาหาหน่อย คิดถึง”
“ถ้าไม่มีเรื่องไม่คิดถึงนะแม่นักเขียนเงินล้าน”
“เงินล้านที่ไหน ไส้แห้งหมดแล้ว”
“ถ้าแกไส้แห้ง ฉันคงไส้เน่าแล้วล่ะ”นรีพูดแล้วยิ้มกว้าง เธอกับรินลดารู้จักกันมาหลายปีตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย รินลดาเรียนจบก็ไปทำงานบริษัทเดียวกับเธอ แต่มีเรื่องกับหัวหน้าแผนกเลยลาออก จับพลัดจับผลูมาเป็นนักเขียน เป็นนักเขียนแนวไหนไม่เป็น ดันไปเป็นนักเขียนแนวอีโรติก แถมยังขายดีเสียอีกด้วย คนไม่เคยมีประสบการณ์ไม่เคยมีแฟนมาก่อนแบบรินลดา เธอไม่คิดว่าจะเขียนนิยายแนวนี้แล้วขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นึกว่าพวกประสบการณ์โชกโชนเสียอีกถึงจะขายดี
“พูดเกินไปแล้ว ยายแม่ค้าออนไลน์เงินล้าน” รินลดาพูดแล้วยิ้มกว้าง เพื่อนของเธอทำงานบริษัทก็จริง แต่อาชีพเสริมเพิ่มรายได้คือขายของออนไลน์ เรียกว่ากำไรจากการค้าขายดีกว่าทำงานบริษัทเป็นสิบเท่า ด้วยความที่นรีเป็นคนพูดเก่ง เข้าสังคมเก่ง เพื่อนฝูงมากมาย เลยค้าขายได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แถมยังขยัน มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ ไม่ว่าจะขายอะไรเชียร์อะไร ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
มีข้อเสียอยู่อย่างที่เธอคิดว่าชีวิตนรีน่าสงสารคือ พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน นรีสู้ชีวิตตั้งแต่เด็ก ทำงานไปเรียนไป พอโตขึ้นรายได้ที่หามาเป็นกอบเป็นกำก็ต้องส่งเสียที่บ้านทุกเดือน เธอไม่อยากพูดว่าบ้านของนรีเบียดบังเงินลูก แต่ตอนเด็กๆ บิดามารดาก็ใช่จะใส่ใจนรีเท่าใดนัก ถ้านรีไม่ต่อสู้ดิ้นรนมาด้วยตัวเองก็ไม่มีกินจนทุกวันนี้หรอก แถมลูกคนอื่นก็คอยสูบเงินสูบทอง ไม่เคยเห็นส่งเสียบิดามารดา หรือให้เงินบุพการีเหมือนนรีเลยสักคนดียว
“แกก็เวอร์ไป”
“แกรีบมาหาฉันที่บ้านเลยนะ”
“ฉันใกล้จะกลับแล้ว เดี๋ยวจะแวะไปหา จะไปฝากท้องบ้านแกด้วย” จริงๆ แล้วนรีก็ซื้อบ้านอยู่ใกล้กับรินลดา ตอนนั้นอาศัยอยู่คอนโดฯ ด้วยกัน พอเก็บเงินได้ก็มาดาวน์บ้านและย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ นรีมีเพื่อนฝูงมากก็จริง ผู้ชายหลายคนมาขายขนมจีบ แต่อีกฝ่ายบอกว่าคงไม่แต่งงาน เพราะไม่อยากมีชีวิตครอบครัวเหมือนบิดามารดา คนมีปมในใจเข็ดขยาดกับความรัก
“ฝากท้อง แกไปเสียตัวให้ใครเลท้อง ถึงต้องมาฝากท้องกับฉัน ฉันไม่ใช่หมอนะ” รินลดาเล่นมุกห้าบาทสิบบาท