4 ความโชคดี
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทชายหนุ่มจึงยืนนิ่งไม่ปลุกปล่อยให้เธอได้หลับอยู่บนหลังของเขาต่ออีกสักพัก เธอคงเหนื่อยมากจริง ๆ ขนาดเขาที่เป็นผู้ชายทั้งแท่งยังเหนื่อยขนาดนี้ เวลาผ่านไปไม่นานชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวหลับไปนาน เขาจึงตัดสินใจปลุกให้เธอตื่นไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงจะไปพรีเซนต์งานไม่ทันเป็นแน่
“คุณ คุณครับ”
นคินทร์พยายามเรียกปลุกหญิงสาวที่หลับอยู่อย่างนุ่มนวลที่สุด หากไม่ติดว่ามีธุระเขาจะปล่อยให้เธอได้หลับยาว ๆ ไปเลย เพราะดูท่าแล้วเธอกำลังหลับสบายเชียว
“อื้อ. .”
คนหลับที่ถูกกวนใจทำเสียงอื้ออึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะสะดุ้งตัวขึ้นมาเมื่อได้สติว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนเวลานี้
“เอ๊ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ปล่อยฉันลงที”
เธอบอกด้วยท่าทางร้อนรนเมื่อลงจากแผ่นหลังแข็งแรงได้มือเรียวรีบควานหาโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลา ท่าทีร้อนรนราวกับกำลังรีบไม่ต่างจากชายหนุ่มอีกคนที่ ยืนมองคนเบื้องหน้าอย่างพินิจพิจารณา การกระทำของเธอตอนนี้ผิดจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงไม่กี่นาทีที่แล้วหญิงสาวยังดูชิล ๆ อยู่เลย
“คุณอยากทานอะไรเดี๋ยวผมเลี้ยงถือเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยผมในวันนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันต้องไปแล้ว”
“เมื่อกี้คุณบอกว่าหิวนิ”
“หิวค่ะ แต่ฉันต้องไปแล้ว” แพรไหมย้ำคำเดิมอย่างหนักแน่น
“หาอะไรง่าย ๆ แถวนี้ทานก่อนดีมั้ยครับผมเลี้ยงเอง”
นคินทร์ยังคงตื๊อหญิงสาวแปลกหน้าอีกครั้ง เพราะเขาอยากขอบคุณเธอจริง ๆ
“ไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้ฉันสายมากแล้ว”
เธอปฏิเสธเสียงแข็งขณะที่สายตาเอาแต่จ้องมองรถบัสโดยสารที่กำลังจอดเทียบท่าอย่างใจจดจ่อ
“มีเรื่องด่วนหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเบอร์ไว้ติดต่อเลี้ยงข้าวคุณเป็นการขอบคุณวันหลัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งหน้ามีโอกาสได้เจอกันอีก คุณค่อยเลี้ยงฉันตอนนั้นก็แล้วกัน วันนี้ฉันไม่สะดวกจริง ๆ ไปก่อนนะคะ”
เสียงหวานร้อนรนปฏิเสธอีกครั้งอย่างไม่คิดอะไร ขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังรถบัสคันเดิมที่กำลังจอดเทียบท่า ด้วยความที่รีบแพรไหมบอกปัดส่งๆ ไม่ให้เขารบเร้าถามเธอต่ออีก ก่อนจะก้าวเท้าเดินตรงขึ้นรถบัสคันดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว
“บายครับ”
นคินทร์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทำได้เพียงแต่มองตามหลังคนตัวเล็กที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อและเบอร์โทรติดต่อก่อนโบกมือลาด้วยความรู้สึกติดค้าง
“บายค่ะ”
แพรไหมตอนนี้เข้าไปนั่งประจำที่ในรถบัสเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปส่งยิ้มหวานให้ ผ่านกระจกใสของหน้าต่างรถ พร้อมกับโบกมือลาเขากลับเช่นกัน แล้วรถก็แล่นออกจากท่ารถไปโดยที่ทั้งสองยังไม่รู้จักชื่อของกันและกันด้วยซ้ำ นคินทร์ยืนนิ่งมองตามรถบัสที่กำลังเคลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ
ไม่นานหญิงสาวก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลที่บิดารักษาตัวอยู่ เดิมทีบิดาและเธอตั้งใจจะเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของพี่ชายบิดาที่ย้ายมาปักหลักอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ แต่บิดาของเธอกลับมาล้มป่วยหนักเอาเสียก่อน จึงต้องอยู่พักรักษาตัวที่นี่ยาวเลย เพราะหลานชายของท่านเป็นหมอรักษาคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
จึงเป็นการง่ายต่อการรักษาและการดูแลของญาติ ๆ เพราะที่ไทยเธอและบิดาไม่มีญาติที่ไหนแล้ว บวกกับคุณหมอแจ้งว่าบิดาของเธอยังไม่สามารถเดินทางไกลได้ในช่วงนี้
“ขอโทษที่มาสายค่ะ พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย”
ทันทีที่มาถึงหญิงสาวก็กล่าวขอโทษพยาบาลพิเศษและคุณหมอที่ดูแลบิดาของเธออย่างรู้สึกผิด แพรไหมจะต้องรีบมาฟังผลตรวจอาการของบิดาและต้องมาเปลี่ยนเวรกับพยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแลบิดาอีกด้วย
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอคุยด้วยหน่อยครับ”
คุณหมอหนุ่มผายมือเชิญให้หญิงสาวออกไปคุยกันด้านนอก แพรไหมหันไปมองร่างบิดาที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง แล้วจึงหันไปสบตากับพยาบาลพิเศษสาวด้วยความรู้สึกผิด
“ซาร่าคุณกลับก่อนได้เลยนะ ฉันคุยกับคุณหมอเสร็จ ฉันจะกลับมาดูแลคุณพ่อต่อเอง” แพรไหมบอกเป็นภาษาอังกฤษ
“ไม่เป็นไร เชิญคุณตามสบายฉันจะรอจนคุณกลับมาก่อนแล้วฉันถึงจะไป”
ซาร่าพยาบาลสาวรับรู้เรื่องที่เธอบอกแต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คนป่วยที่เธอดูแลต้องอยู่คนเดียวภายในห้อง ได้ยินเช่นนั้นแพรไหมจึงส่งยิ้มหวานให้พยาบาลพิเศษสาวด้วยความรู้สึกขอบคุณก่อนจะเดินตามคุณหมอหนุ่มออกไปคุยด้านนอก