5 ข่าวร้าย
“มีอะไรหรือเปล่าคะพอล”
แพรไหมเป็นฝ่ายเริ่มถามเมื่อดูจากสีหน้าไม่สู้ดีนักของพอล หมอหนุ่มลูกครึ่งเชื้อสายไทย-อังกฤษซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอเอาแต่จ้องมองหน้าแต่ไม่ยอมเอ่ยอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
“อาการของคุณอานะ คือว่า…”
หมอหนุ่มอ้ำอึ้งลังเลไม่กล้าบอกหญิงสาวออกไปตามตรงถึงอาการของบิดาของเธอ เขารู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของผู้หญิงตรงหน้าเกรงว่าหากบอกเธอออกไปตรง ๆ เธอจะรับไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโตน้องสาวของเขาก็มีเพียงบิดาอยู่คนเดียวเหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้เธอไม่เหลือใครในชีวิตอีกเลยก็ได้ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาอึดอัดใจที่จะต้องพูดออกไปตรง ๆ
“พอลพูดมาเถอะ แพรทำใจไว้บ้างแล้ว คุณพ่อเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วใช่มั้ย”
แพรไหมตัดสินใจถามตรง ๆ อาการของบิดาในตอนนี้เธอพอจะเดาได้ว่าระยะเวลาที่บิดาจะอยู่กับเธอนั้นเหลือไม่มากแล้ว หมอหนุ่มเพียงแต่พยักหน้ารับพร้อมกับส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยให้หญิงสาวตรงหน้าเขาสงสารจับใจ แม้ภายนอกผู้หญิงคนนี้จะดูเข้มแข็งแต่เขารู้ว่าภายในใจของเธอนั้นอ่อนไหวเพียงใด เธอมักจะแอบหนีไปร้องไห้อยู่คนเดียวบ่อย ๆ หลายครั้งที่เขาแอบเห็น
“นานแค่ไหนคะ” แพรไหมถามด้วยน้ำเสียงหม่นลง
“อาจจะหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หรือหนึ่งเดือน พี่ตอบแพรแน่นอนไม่ได้หรอก ท่านพร้อมจะจากเราไปได้ทุกเวลา พี่คิดว่าแพรควรใช้เวลาที่เหลืออยู่กับท่านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ”
คุณหมอหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงหม่นไม่ต่างกัน คำพูดของหมอหนุ่มทำให้แพรไหมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าอกข้างซ้าย ทั้งที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากพอคิดว่าจะไม่เป็นอะไรหากวันนั้นมาถึง เพราะคิดว่าทำใจกับเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว
แต่เมื่อถึงเวลานี้จริง ๆ เธอกลับทำใจไม่ได้อย่างที่คิดไว้ ขาเรียวเล็กเดินถอยหลังทีละก้าวราวกับมันอ่อนแรงลง พร้อมกับร่างบางที่ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่มีไว้สำหรับให้ญาติผู้ป่วยนั่งรอ
ร่างกายของเธอตอนนี้มันรู้สึกชาไปทั้งตัวเหมือนคนไม่มีความรู้สึกแต่มันกับรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่หน้าอกข้างซ้ายมากขึ้นราวกับมีเข็มเป็นพัน ๆ เล่มมาทิ่มแทงซ้ำ ๆ ทั้งที่รู้ว่าโรคที่บิดาเป็นนั้นไม่มีทางรักษาได้แล้ว ยิ่งเมื่อรู้ว่าเหลือเวลาอยู่ด้วยกันสั้นเพียงนิดเดียวเช่นนี้ เธอกับทำใจยอมรับไม่ได้เลยไม่ได้เลยจริง ๆ
“พี่ขอโทษนะที่ต้องพูดตรง ๆ และขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้”
คุณหมอหนุ่มบอกอย่างรู้สึกผิดในฐานะหมอเขาหมดหนทางในการรักษาแล้ว แต่ในฐานะพี่ชายเขาเป็นห่วงความรู้สึกของน้องสาวคนนี้มาก
หากบิดาของเธอจากโลกนี้ไปแล้วหญิงสาวต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง เธอจะเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกนี้ คิดแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้เพาะหลังจากที่เสียมารดาไปเธอไม่เคยอยู่ห่างกับบิดาเลยสักครั้ง
“ไม่ใช่ความผิดของพี่หรอกพอล พี่ทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้แล้ว แพรเข้าใจนะเข้าใจทุกอย่างนั่นแหละ แต่เอาเข้าจริง ๆ พอเวลานี้มาถึงมันกับทำใจไม่ได้ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ทั้งเศร้าเสียใจรวมถึงกลัวด้วย”
เธอปลอบคุณหมอหนุ่มที่ตอนนี้ทำหน้าเศร้ารู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าเธอซะเสียอีก จากนั้นหญิงสาวได้ระบายความอัดอั้น ความสับสนที่อยู่ภายในใจออกมาครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเอ่ยถามถึงอาการของบิดาต่อ
“วันนี้คุณพ่ออาการเป็นยังไงบ้างคะ”
“อาการของคุณอาทรงตัว มีลืมตาตื่นขึ้นมาสื่อสารบ้างบางครั้งพี่ว่าช่วงนี้แพรควรอยู่กับท่านให้มาก ๆ นะ”
“แพรก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน จะใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด”
หญิงสาวตอบน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลออกมาสองข้างแก้มอย่างกลั้นไม่ไหว ถึงภายนอกจะพยายามทำเป็นเข้มแข็งมากเพียงใด แต่ภายในใจลึก ๆ มันก็มีความเสียใจ หดหู่หัวใจอย่างที่ไม่สามารถอธิบายหรือบอกใครต่อใครให้มาเข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้ได้
“โอเคใช่ไหม”
เมื่อเห็นหญิงสาวร้องไห้แต่ยังคงพยายามแสร้งทำเป็นเข้มแข็งเหมือนไม่เป็นอะไร เขาก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ หลังเห็นเธอร้องไห้ไม่หยุดอยู่นาน
คุณหมอหนุ่มจึงเดินเข้าไปสวมกอดปลอบ ทำให้แพรไหมปล่อยโฮออกมาหนักกว่าเดิม คำถามธรรมดา ๆ แต่กลับทำให้ใจของหญิงสาวรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้บ้างในเวลาเช่นนี้
เธอเพียงต้องการใครสักคนที่เข้ามาปลอบและถามคำถามพวกนี้กับเธอ มันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกอันโหดร้ายนี้