บทที่ 5 ทาสบำเรอ
เมื่อรู้ว่าระเบียงห้องนอนบนชั้นสองหันไปทางชายหาด ปรียาภาก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็น เรียกได้ว่าเดินนำเจ้าของบ้านเข้ามาเลย หากพอมายืนตรงจุดนี้ เธอกลับเห็นแต่ความมืด
“คุณหลอกฉันอีกแล้ว”
คนตัวบางออกอาการกระเง้ากระงอด เพราะรู้สึกผิดหวัง เธอจึงอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้
“คุณซื่อจริงๆ ตอนเราเดินมาที่บ้าน คุณก็เห็นอยู่ว่าคืนนี้ฟ้ามืด แล้วคิดหรือว่าตรงทะเลมันจะสว่างให้คุณมองเห็นคลื่นกับหาดทราย”
ถูกของเขา เธอเข้าใจผิดเอง คิดว่าบริเวณหลังบ้านจะมีโคมไฟติดตั้งเอาไว้ เธอคิดไปเองว่ามันส่องสว่างไปถึงชายหาด
หากเมื่อหันมาเผชิญหน้ากับเขา เธอกลับต้องชะงัก สองเท้าเหมือนถูกตรึงเอาไว้เพราะแววตาประหลาดล้ำของเขา
“ผมเมื่อยทั้งตัว ง่วงนอนด้วย ผมจะนอนแล้วนะ”
“คุณจะนอนในห้องนี้หรือคะ งั้นช่วยเปิดห้องใหม่ให้ฉันด้วย ฉันรู้ว่าคุณยังมีห้องนอนอีก”
“มีห้องแต่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และยังไม่ได้ทำความสะอาด เพราะผมอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว ผมไม่คิดจะเตรียมห้องไว้ให้แขกเข้ามาพัก”
“ฉันต้องนอนในห้องนี้เหรอ”
เขาไม่ตอบ แต่เดินไปล็อกประตูห้องนอน เสียงดังกริ๊กช่างเขย่าขวัญเสียจริง หากเมื่อเห็นว่าเขาเดินกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียงนอน ท่าทางไม่สนใจเธออีก หญิงสาวจึงหายใจโล่งมากขึ้น
“ห้องน้ำอยู่ตรงโน้น ถ้าคุณอยากจะอาบน้ำก็ตามสบาย แต่ถ้าไม่อาบก็มานอน”
เขาชี้ไปทางมุมหนึ่งของห้องนอนทั้งที่ยังนอนซุกหน้ากับหมอน ปรียาภาหันไปมองตาม ทั้งที่เธอสังเกตเห็นห้องน้ำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ฉันจะอาบน้ำ”
“เสื้อผ้าในตู้เป็นของผมทั้งหมด คุณหยิบมาใส่ได้เลย”
ยี้! ไม่เอาหรอก น่ารังเกียจ...
ปรียาภาเบ้หน้าแล้วรีบเข้าไปในห้องน้ำ เธออยากอาบน้ำให้หายเหนียวตัว เมื่อพัสกรนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงนอน เธอก็รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว
แม้ในทีแรกหญิงสาวอยากจะอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำนานๆ เพราะภายในห้องน้ำช่างสวยงามและสะอาด แลดูน่าใช้เหลือเกิน หากเธอกลับใช้เวลาจัดการตัวเองเพียงสิบกว่านาที เพราะเมื่อได้สัมผัสกับสายน้ำอุ่นๆ ร่างกายก็ผ่อนคลายจนรู้สึกอยากนอน...ตอนนี้คงเป็นเวลาเลยเที่ยงคืนแล้ว
หากเพียงแค่เปิดประตูห้องน้ำออกมา ปรียาภาต้องห่อไหล่อย่างเหน็บหนาว เพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ปะทะเข้ามาจนเธอแทบจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำ เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็มีรอยชื้น เธอจึงยิ่งทวีความหนาว...พัสกรเป็นคนขี้ร้อน เขาชอบเปิดแอร์เย็นจัด ซึ่งเธอไม่ชินเอาเสียเลย
“ไปหาเสื้อผ้าหนาๆ ในตู้มาใส่”
พัสกรคงทนมองไม่ได้ เพราะเธอกำลังยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ หญิงสาวอยากจะค้อนเขานัก คิดว่าเขานอนหลับไปแล้วเสียอีก เพราะเห็นว่าเขาไม่ขยับเขยื้อนตัว...นอนท่าไหนก็ยังคงท่านั้น
“ทำไมคุณเปิดแอร์เย็นขนาดนี้”
“ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนขี้หนาว แล้วทำไมถึงไม่ใส่เสื้อผ้าที่มันอบอุ่นมากกว่านี้ล่ะ”
มันเป็นความผิดของเราเหรอ?
หญิงสาวได้แต่ทวงถามอยู่ในใจ หากในความเป็นจริงนั้นเธอยอมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่บิวต์อินติดกับผนังห้องนอน เมื่อเปิดออกมาดู เธอจึงเห็นเสื้อผ้าและของใช้สำหรับผู้ชายจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่เต็มตู้ อยากจะร้องชิ! ให้กับภาพที่เห็นตรงหน้า คนห่ามและสัปดนเช่นเขาไม่ควรมีด้านดีๆ แบบนี้ปะปนมาด้วย
เธอเลือกเสื้อและกางเกงได้แล้ว หากเมื่อคิดจะหอบเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ เสียงห้าวทุ้มจากคนร่วมห้องก็ดังขึ้นมา
“เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้นเลย ถ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ คุณก็ตัวเปียกกลับมาอีก”
เขาเห็นเธอเป็นคนเซ่อซ่าใช่ไหมถึงพูดอย่างนี้! ปรียาภาขัดใจ ถึงแม้มันไม่ห่างจากความจริง แต่เขามายุ่งอะไรกับเธอด้วย
“ผมไม่มอง”
เสียงห้าวลอยตามมา เหมือนเขาอ่านความคิดของเธอได้ ซึ่งพอปรียาภาหันไปมองก็เห็นว่าเขาเบือนหน้านอนซุกหมอนไปทางอื่นแล้ว
หญิงสาวรีบจัดการตัวเอง สายตาจับจ้องมองคนบนเตียงนอนไปด้วย เธอใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าแค่ 2-3 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย...นับเป็นการเปลี่ยนเสื้อผ้าที่รวดเร็วที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
เธอกำเสื้อและกระโปรงชุดเดิมที่เปียกชื้น หันซ้ายมองขวา ไม่รู้ว่าจะแขวนไว้ตรงไหนดี เมื่อเห็นตะกร้าสานใบหนึ่งวางอยู่ใกล้ๆ เธอจึงคลี่มันออกมาวางพาดกับขอบตะกร้า
ตากแอร์ไว้ตรงนี้ พรุ่งนี้เช้าเสื้อผ้าคงแห้งสนิท
ปรียาภาย่างเท้าไปยังเตียงนอน คืนนี้พัสกรคงไม่ทำอะไรเธอ หญิงสาวเอนกายลงนอนบนเตียงอีกฝั่ง หากเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับเตียงนอนนุ่มที่เย็นเฉียบ เธอก็รู้สึกถึงแรงดึงมหาศาล
“อุ๊ย!”
กายบางไถลไปชิดกายใหญ่ แผงอกกว้างที่มีกล้ามเนื้อประดับส่งกระแสความอุ่นร้อนมาถึง มันน่าหลงใหล ชวนให้เข้าไปแนบชิด แต่เธอต้องยกฝ่ามือมากั้นไว้
“ฉันง่วงมากค่ะ ฉันอยากนอนพัก”
“อืม...ถึงคุณอยากจะได้ตัวผม แต่ผมก็หมดแรงทำให้คุณแล้ว”
เสียงนั้นดังในลำคอหนา ปรียาภานึกอยากข่วนใบหน้าหล่อๆ ของคนที่หลับตาให้เลือดไหลซิบ
ปรียาภารู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียง…แกรก!
มันคล้ายกับเสียงบางสิ่งถูกกระชากอย่างแรง เมื่อปรือตาขึ้นมา เธอก็ต้องรีบหลับตาลง เพราะแสงบางอย่างพุ่งเข้ามาอย่างจัง
“เมื่อคืนบอกว่าอยากเห็นทะเลไง ตอนนี้เช้าแล้ว ตื่นขึ้นมาดูสิ”
ไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน เสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่คงมาจากฝีมือของเขาและแสงที่พุ่งเข้ามาแยงตาก็คงเป็นแสงอาทิตย์ยามเช้า
ปรียาภายันกายขึ้นมานั่งบนเตียง ถึงแม้เมื่อคืนเธอนอนหลับเป็นตาย แต่เธอยังอยากนอนต่ออีกสักชั่วโมงอยู่ดี เพราะร่างกายของเธออ่อนเพลียมาตั้งแต่เมื่อวานด้วยสาเหตุจากคนมักมากร่วมรักกับเธอเกือบทั้งคืน เขาแทบไม่ปล่อยให้เธอได้นอนพัก
“ฉันยังง่วงอยู่เลย”
เธอบอกเขาเสียงอ่อน หากสายตาเพ่งมองไปยังเบื้องหน้า เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าผนังห้องนอนกรุกระจกทั้งแถบ เมื่อเขาเปิดผ้าม่านออกมา มันจึงคล้ายกับห้องนอนที่เปิดโล่งไปถึงชายหาด
ช่างสวยงามเหมือนฝันจนเธอต้องเบิกตาโตขึ้น พลันต้องชะงักงัน เพราะภาพตรงหน้านั้นหายไปพร้อมกับเสียงดังแกรก! อีกรอบ
“คุณปิดผ้าม่านทำไม ฉันจะดูทะเล”
“คุณบอกว่าง่วงนอนไม่ใช่เหรอ งั้นนอนสิ นอนไปเลย ไม่ต้องดูทะเลหรอก”
“ไม่เอา เปิดออกมา ฉันอยากเห็นทะเล”
เมื่อกี้เขาเปิดผ้าม่านให้เธอดูวิวทะเลยามเช้า พอเธอได้เห็นแล้วติดใจ แต่เขากลับไม่ให้เธอดูอีก...คนบ้าอะไรเป็นอย่างนี้นะ
เคืองใจจริงๆ...พัสกรทำตัวเหมือนเด็กโข่งจอมเกเร ผิดกับภาพดอกเตอร์หนุ่มมาดสุขุมที่หลายคนชื่นชม เธอเคยได้ยินพนักงานในบริษัทพูดกันว่าเขากำลังถูกโปรโมตให้ขึ้นไปนั่งเก้าอี้ผู้บริหาร...นึกอยากให้คนเหล่านั้นมาเห็นเขาในตอนนี้เหลือเกิน
“ถ้าคุณจะดูทะเลก็จ่ายค่าผ่านทางมาก่อน”
เขาลากเสียงยานคาง ดวงตาคมทอประกายแปลกๆ มันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“ค่าผ่านทางอะไร”
ปรียาภาถามอย่างระแวงเมื่อเขาย่างเท้ามาใกล้จนแทบประชิดเธอที่นั่งอยู่ใกล้ขอบเตียง
“ทำให้หน่อยสิ แล้วผมจะให้คุณดูทะเล”
สะโพกเพรียวแกร่งอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ท่อนลำที่อยู่ในกางเกงผ้ายืดขาสั้นของเขาดันตัวโป่งพองขึ้นมา ปรียาภาหน้าร้อนผ่าว เธอผงะถอยหนี แต่มือหนาคว้าต้นคอระหงไว้อย่างทันท่วงที
