บทที่ 6 ทาสบำเรอ
“หรือคุณจะให้ผมทำให้คุณ แต่ไม่รับรองนะว่าผมจะทำเสร็จกี่โมง อาจใช้เวลาครึ่งวันก็ได้ แต่ถ้าคุณใช้ปากนุ่มๆ ของคุณทำให้ผม รับรองว่าไม่กี่นาทีก็เสร็จ...เลือกเอา”
น้ำเสียงตอนท้ายสั่นพร่า แถมเขายังขยับเข้ามาชิดเธอมากขึ้น ปรียาภาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยกสองมือขึ้นมารูดกางเกงของเขาลง พลันนั้นสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านในก็ดีดตัวผึงออกมา มันผงาดอยู่ตรงหน้าเธออย่างพอดิบพอดี เมื่อเธอจะเบือนหน้าหนี ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างก็ตรึงศีรษะของเธอเอาไว้
“อ้าปาก”
เธอค่อยๆ เผยอริมฝีปากรับอาวุธร้ายที่จดจ่ออย่างหมดทางเลี่ยง เรียวลิ้นนุ่มตวัดไล้ปลายมนเป็นการหยั่งเชิง หากมันคงไม่ทันใจเขา เธอคงทำให้เขาช้าเกินไป สะโพกเพรียวแกร่งจึงดันเข้าไปแนบชิดใบหน้าสวย เรียวปากนุ่มจึงต้องรับท่อนลำยาวใหญ่เข้าไปเกือบสุดลำจนเธอแทบสำลัก
พัสกรควบคุมจังหวะเอง เสียงครางลึกดังออกมาจากลำคอหนาเมื่อเขาขยับสะโพกเคลื่อนเข้าและออก สองมือหนายังจับตรึงศีรษะเธอเอาไว้ ลมหายใจของเขาหอบกระเส่า กระทั่งวินาทีหนึ่งเขากดศีรษะของเธอเข้ามาแนบชิดกับหน้าขาแกร่ง ปรียาภาไม่ขืนแรง เธอปล่อยตัวเองไปตามการควบคุมของเขา เธอรอจนเขาพอใจและยอมปล่อยเธอให้ถอนใบหน้าออกมา ปรียาภาจึงได้หายใจคล่องขึ้น
“อา...ดีมาก อย่างนี้ต้องให้รางวัล”
สิ้นคำนั้น หญิงสาวรู้สึกถึงแรงผลักอย่างไม่ออมแรงจนเธอล้มตึงบนเตียงนอน กางเกงขายาวผ้ายืดตัวหลวมที่สวมใส่มาทั้งคืนถูกดึงออก ก่อนที่เรียวขางามทั้งสองข้างจะแหวกให้ถ่างกว้าง แล้วอาวุธร้ายที่เธอปลุกมันให้ผงาดขึ้นมาด้วยตัวเองนั้นก็ล่วงล้ำเข้ามาสู่กายของเธอ
ร่างใหญ่ขยับโยกอย่างเอาแต่ใจ จนเธอต้องผ่อนคลายตัวเองตาม กายสาวสั่นคลอนตามจังหวะกระแทกกระทั้น...เธอเรียนรู้แล้วว่าการฝืนแรงของเขารังแต่จะทำให้ร่างกายของเธอบอบช้ำเท่านั้นเอง
พัสกรทำให้เธอร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา เขาทรมานเธอจนแทบขาดใจ ก่อนจะยอมปล่อยให้เธอพบกับความสุขสม เขาทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้เธอได้แต่นอนทอดระทวย เรียวปากสวยเผยอเปิด เธอกำลังหายใจหอบเครือเสียงสะอื้นไห้
ความสุขสม ซ่านเสียว และเจ็บร้าว โถมใส่ยาวนานนับชั่วโมง เรี่ยวแรงของเธอหดหาย ไม่เหลือแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมาปัดป้องมือหนาที่กำลังกอบกำอกอวบสล้าง
“คุณหนีผมทำไม”
น้ำเสียงห้าวทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวปรือตาขึ้นมา แล้วพบว่าเขากำลังจ้องมองเธอด้วยประกายตาล้ำลึก แม้มือหนาเคล้นคลึงทรวงอกอวบ หากท่าทางของเขาไร้แววรื่นรมย์หรือหื่นกระหาย แต่มันกลับจริงจังจนเธอมองเขาไม่ออก
“ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ทำไมถึงไม่ถามกันตรงๆ ทำไมคุณถึงหนีผม ปล่อยให้ผมวิ่งตามจนเกือบจะบ้าตาย”
“คุณตามฉันทำไม”
“เราเป็นแฟนกัน”
“ฉันไม่เคยตกลงเป็นแฟนของคุณ”
“การที่คุณยอมอยู่กับผมทั้งวันทั้งคืน มันเป็นคำตอบที่ชัดยิ่งกว่าคำพูด อย่าเถียงว่าผมบังคับคุณ เพราะถ้าผมเป็นคนอื่น คุณคงหาทางหนีไปตั้งนานแล้ว ผมไม่ได้ควบคุมคุณไว้ทุกนาที”
“ถึงวันนี้ฉันหนีคุณไปได้ แต่คราวหน้าถ้าเราเจอกัน คุณก็บังคับพาฉันให้มากับคุณอีกอยู่ดี”
“มันก็ถูก”
“ฉันทำอะไรได้บ้างล่ะ”
“ยอมรับผมเป็นคนรักของคุณ เราจะเริ่มต้นกันใหม่...ตั้งแต่ผมได้รู้จักคุณ ผมก็ไม่ยุ่งกับใคร ผมไม่มองผู้หญิงคนไหน เพราะผมเลือกแล้วว่าผู้หญิงของผมต้องเป็นคุณเท่านั้น”
ปรียาภาไม่เข้าใจเขา...เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา เธอไม่สวยและไม่รวย เธอไม่มีคุณสมบัติโดดเด่นอะไรสักอย่าง แต่ทำไมพัสกรถึงอยากได้เธอนัก เธอหาเหตุผลอื่นไม่ได้ นอกจากเขาต้องการให้เธอเป็นคู่นอน แล้วหยอดคำหวานให้เธอหลงติดกับด้วยคำว่า ‘คนรัก’
“คนรักคืออะไรคะ”
“อย่างที่เราสองคนกำลังเป็นอยู่ยังไงล่ะ”
อย่างนี้เรียกว่าคู่นอน…ปรียาภาโต้ตอบฉับไว หากเสียงนั้นดังอยู่แค่เพียงในใจ เธอไม่ได้เปล่งออกมาให้เขาได้ยิน
พลันเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา ชายหนุ่มเหยียดแขนไปหยิบมามองหน้าจอ แล้วกดรับสาย
“เพิ่งตื่นหรือป้อง ฉันโทร.ไปหาเธอตั้งแต่เช้า แต่เธอปิดเครื่อง”
“โทร.มาทำไม วิวมีอะไรเหรอ”
พัสกรถามอย่างงงๆ เขาเพิ่งเปิดโทรศัพท์มือถือเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแล้วเจ้าหล่อนก็โทร.เข้ามา หากเขาต้องนิ่วหน้าเมื่อเสียงของคนปลายสายได้เปลี่ยนเป็นเสียงแว้ดเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว! หมาที่ไหนส่งข้อความมาหาฉันตอนเที่ยงคืน ฉันอุตส่าห์ตื่นไปซื้อของมาให้เธอตั้งแต่เช้า อุตส่าห์ไปเรียกเจ้าของร้านให้มาเปิดร้านก่อนเวลา แล้วยังไง? แทนที่เธอจะขอบใจฉัน แต่กลับตีมึน”
“อ้อ! ฉันลืมไป เธอซื้อมาให้ฉันแล้วใช่ไหม อีกสามสิบนาทีฉันจะไปเอาของที่บ้านใหญ่ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้อง ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าบ้านพักของเธอแล้ว”
“เธอมาที่บ้านฉันเหรอ พูดจริงหรือพูดเล่น”
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นของเธอเหรอ ลงมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะบุกขึ้นไปถึงห้องนอนของเธอ”
“เฮ้ย! ไม่ต้องขึ้นมา รออยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันลงไปหา”
พัสกรออกอาการร้อนรน เขาตัดสายสนทนาแล้วลุกขึ้นด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่า หยิบกางเกงขาสั้นมาสวมแล้วตามด้วยเสื้อยืดที่ถูกถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงนอนมาสวมเป็นลำดับถัดมา
ผมเผ้าของเขายุ่งไม่เป็นทรง แถมเสื้อผ้ายังยับย่นทั้งตัว คนที่ชันกายขึ้นมานั่งบนเตียงมองตามเขาอย่างสงสัย...ใครกันมาหาเขา
เมื่อฟังการสนทนาของคนทั้งคู่ มันคล้ายกับว่าพวกเขาสนิทสนมกัน และที่สำคัญ...คนปลายสายเป็นผู้หญิงและมีอำนาจต่อรองกับพัสกรอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยเธอก็สั่งให้เขาลุกจากเตียงนอนแล้วลงไปข้างล่างเพื่อพบเธอได้
หัวใจของปรียาภากระตุกวูบเมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นคนสำคัญของพัสกร เห็นได้ชัดว่าเจ้าหล่อนคงชินกับการขึ้นมาหาเขาถึงในห้องนอน อีกทั้งพัสกรยังแสดงออกให้รู้อย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เธอคนนั้นมาเจอกับเธอในเวลานี้
ปรียาภาลุกขึ้นจากเตียงนอน หอบเสื้อผ้าที่สวมตั้งแต่เมื่อคืนเข้าไปในห้องน้ำ เธอรีบอาบน้ำและจัดการตัวเองให้อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเอาไว้ คิดเพียงว่าถ้าหากมีใครบุกเข้ามา คนคนนั้นก็ไม่ควรเห็นเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงนอนของเขา เพราะมันน่าอายมากเกินไป
