บทที่ 4 โลกของเขาที่เธอเหยียบย่างไปถึง
ใครจะหลับตาลงได้โดยที่ยังไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรรออยู่
ปรียาภานั่งกอดกระเป๋าสะพาย รถแล่นผ่าความมืดมานานกว่าสองชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่เธอไม่รู้สึกง่วงนอน ร่างกายกลับตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะเธอไม่รู้ว่าการมากับเขาในคราวนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า
ปรียาภาหมดความไว้วางใจในตัวเขาตั้งนานแล้ว คนอย่างพัสกรยังสามารถทำในสิ่งที่เธอนึกไม่ถึงได้อีกมาก เชื่อว่าเขาทำกับเธอโดยไม่รู้สึกอะไร เพราะมันคงเป็นเรื่องปกติของคนอย่างเขา
“คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณอยู่ที่บ้านหรือเปล่าคะ”
“ถามทำไม”
เขาชำเลืองมองเธอแค่แวบเดียวก่อนจะหันกลับไปมองถนน แต่เธอทันเห็นว่าเขากระตุกมุมปากยิ้มขัน เธอจึงฮึดขึ้นมาโต้ตอบเขา
“ฉันไม่ไว้ใจคุณ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของคุณอยู่ที่บ้าน ฉันคงไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของตัวเอง”
“ตลกน่า ผมอายุสามสิบสองแล้ว พ่อแม่เลิกยุ่งกับผมตั้งนานแล้ว”
“ฉันเชื่อว่าพวกท่านไม่ได้พอใจกับบางเรื่องที่คุณทำลงไป”
“พูดมากไปแล้วนะ”
พอพูดจี้ใจก็ทนฟังไม่ได้...ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่พอใจกับการเห็นลูกไปเที่ยวปาร์ตี้มั่วยาและมั่วเซ็กซ์จนเป็นข่าวกระฉ่อนเมืองหรอก
สีหน้าและท่าทางของปรียาภาอ่านง่ายนิดเดียว เพราะนึกถึงเรื่องนี้ทีไร เธอทั้งกลัวทั้งรังเกียจจนไม่อยากเข้าใกล้เขา ซึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างๆ รับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้
พัสกรมองคนที่นอนบนเก้าอี้ภายในรถที่ถูกปรับเอนลงด้วยประกายตาล้ำลึก เขายังไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดี แรกทีเดียวเขาคิดจะคบเธอเล่นๆ จากนั้นค่อยปลีกตัวออกห่าง แต่เมื่ออยู่กับเธอนานวันเข้า เขากลับสัมผัสได้ว่าเธอมีบางอย่างพิเศษไปจากผู้หญิงหลายคนที่เคยผ่านมา ปรียาภาทำให้เขารู้สึกสบายใจ แม้แต่การนอนหลับร่วมเตียงหลังจากร่วมรักกันเสร็จ ซึ่งเขาไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่เขากลับนอนหลับไปพร้อมกับเธอได้อย่างสนิทใจ โดยไม่คิดระแวงเลย
มันไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับคนที่ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างเขา แต่เขาทำมันลงไปแล้ว
เอายังไงดีวะไอ้ป้อง...
เขาถามตัวเองอยู่ในใจ หากเผลอปล่อยลมหายใจแรงๆ ออกมา ซึ่งมันคงดังมากพอที่จะทำให้เธอรู้สึกตัวตื่น
เจ้าหล่อนยันกายขึ้นมาแล้วมองออกไปรอบๆ ซึ่งเห็นเพียงแสงจากโคมไฟที่ติดตั้งบนเสากำแพงรั้วที่ทอดยาวเป็นทิวแถว
หน้าตางัวเงีย ผมเผ้ายุ่งเหยิง มันน่าจับมาจูบชะมัด
“ถึงไหนแล้วคะ แล้วคุณจอดรถทำไม”
“ผมคิดว่าคุณจะนอนในรถซะแล้ว”
ชายหนุ่มกระเซ้าทั้งที่ยังมองเธอตาปรอย หากไม่ลืมตอบเธอให้หายสงสัย
“ถึงบ้านของผมแล้ว”
“ที่นี่เป็นบ้านของคุณหรือคะ”
ปรียาภายังไม่เห็นบ้านสักหลัง แต่เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ เธอก็เห็นสวนไม้ประดับขนาดใหญ่ มีรูปปั้นสวยงาม แลคล้ายรีสอร์ตหรือโรงแรมมากกว่าที่จะเป็นบ้านคน พลันนั้นเธอก็นึกถึงบางอย่างได้
“คุณรวย...เขาว่าคุณรวยมาก”
ลำคอของเธอแห้งผาก ถึงแม้มองเห็นเพียงเท่านี้ แต่เธอสัมผัสได้ถึงอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัวเขา สิ่งที่เธอได้ยินมาคงไม่ห่างไกลจากความจริง
“ใช่ พ่อของผมรวยมาก รวยจนน่าเบื่อ”
พัสกรบอกด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย ผิดจากน้ำเสียงยียวนเมื่อครู่เหมือนเป็นคนละคน...คำพูดของเขาควรน่าหมั่นไส้ แต่เธอกลับรับรู้ได้ว่าเขารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“ลงมาได้แล้ว บ้านพักของผมอยู่ตรงโน้น เราต้องเดินไป ขับรถเข้าไปไม่ได้”
เขาบุ้ยใบ้ไปในทิศทางหนึ่ง เมื่อเธอมองตาม เธอกลับเห็นแต่ความมืดครึ้ม หากเธอก็เปิดประตูรถแล้วก้าวตามเขาออกมา เพราะเธอไม่อยากอยู่ตามลำพังในสถานที่ไม่คุ้นเคยในยามค่ำคืน
“ตรงนั้นมีบ้านหรือคะ ฉันเห็นแต่ต้นไม้ใหญ่ๆ เอ๊ะ! เสียงอะไร? มันเหมือนเสียงลมพัดเลย”
“ลมพัดที่ไหนกัน เส้นผมของคุณกระดิกสักเส้นหรือเปล่า ถ้าคุณอยากรู้ว่าเสียงอะไรก็ตามผมมา เดี๋ยวจะพาไปดู”
เขาไม่ให้เวลาเธอตัดสินใจ...ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ไปในความมืดครึ้ม ปรียาภาไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงต้องจ้ำเท้าเดินตามเขาไป
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เสียงประหลาดที่ได้ยินก็ดังชัดเจนมากขึ้น
“เสียงน้ำตก!”
หญิงสาวอุทานอย่างตื่นเต้น เพราะเสียงดังซ่านั้นเหมือนมาอยู่ใกล้ๆ เธอแล้ว หากคนตัวโตก็พูดสกัดจนเธอแทบหัวทิ่ม
“เพ้ออีกแล้วนะคุณ”
เธอกำลังจะต่อว่าเขา แต่เสียงกลับหายลงไปในลำคอ เพราะเป็นจังหวะที่เขายื่นมือหนามาจับข้อมือบางไว้ ด้วยแรงดึงที่มีมากกว่าทำให้เธอต้องเดินขนาบชิดไปกับเขาอย่างไม่มีทางเลี่ยง
เมื่อเดินต่อไปไม่กี่สิบก้าว ชายหนุ่มก็ส่องแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือไปยังเบื้องหน้า หญิงสาวจึงมองเห็นบ้านสองชั้นหลังกะทัดรัดตั้งตระหง่านอยู่ มันสวยงาม แลคล้ายรีสอร์ตกลางป่าอย่างไรอย่างนั้น
“บ้านพักของผมเอง ข้างหลังบ้านเป็นชายหาด เสียงที่คุณได้ยินเป็นเสียงคลื่นจากทะเลกระทบโขดหิน ชายหาดบริเวณนี้อาจไม่ใช่ชายหาดที่สวยงามสำหรับใครๆ แต่มันเป็นที่ที่สวยที่สุดสำหรับผม”
หัวใจพองฟูอย่างช่วยไม่ได้ พัสกรกำลังพาเธอมาให้รู้จักกับโลกอีกใบที่เขาซ่อนไว้ใช่ไหม เหมือนกับเธอกำลังเดินเข้าไปในความเป็นส่วนตัวของเขา
“บ้านของคุณพ่อคุณแม่ของคุณอยู่บริเวณนี้หรือเปล่าคะ”
“ถามทำไม กลัวที่จะอยู่กับผมเหรอ”
“ฉันควรกลัวคุณหรือเปล่าล่ะ”
ปรียาภาย้อนถาม หากอีกฝ่ายไม่ตอบ เขากลับหัวเราะในลำคอเบาๆ...ท่ามกลางความมืดครึ้มกับบ้านพักสองชั้นที่มีฉากหลังเป็นชายหาดและทะเล เธอควรกลัวเขาไหม
“ช่วงหยุดปีใหม่เราจะอยู่ที่นี่ด้วยกันและผมกำลังคิดว่าลาพักร้อนให้คุณสักสิบวันดีไหม ผมมีแผนจะจับคุณมัดไว้บนเตียง ผมจะเลียคุณให้ฉ่ำทั้งตัว ผมจะเอาคุณทั้งวันทั้งคืน ผมจะทำกับคุณให้สมอยาก หลังจากที่คุณปล่อยให้ผมอดอยากปากแห้งมานาน”
“คุณพูดอะไร!? คุณบ้าหรือเปล่า”
ปรียาภาตกใจ เธอสลัดข้อมือออกจากการเกาะกุมเต็มแรง ซึ่งเขาปล่อยเธอแต่โดยดี หากเหตุผลเป็นเพียงเขาจะเปิดล็อกประตูบ้าน
ยิ่งอยู่ใกล้พัสกรมากเท่าไร ปรียาภาก็สัมผัสได้ถึงความคิดด้านมืดของเขา มันผุดขึ้นมาให้เธอรับรู้อย่างไม่จบสิ้น
ปรียาภาไม่รู้ว่าจินตนาการของเขายังปกติอยู่ไหม เธอไม่มีเพื่อนผู้ชายที่สนิทกันมากพอที่จะถามถึงเรื่องทำนองนี้ แถมเธอไม่มีญาติผู้ชาย เธอจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในหัวของเขามันสัปดนเกินคนไปหรือยัง
