บทที่ 2 ล่อลวง
“ผมไม่สนใจหรอกว่าแป๋มตอบรับผมเป็นแฟนหรือยัง เพราะตอนนี้แป๋มเป็นเมียของผมแล้ว”
“คนทุเรศ! ดีแต่ใช้กำลังกับผู้หญิง”
“ลองดูอีกสักยกไหมล่ะ รอบนี้ผมจะไม่ใช้กำลัง ผมจะใช้แค่สองนิ้วและลิ้นของผม ผมทำให้แป๋มอ่อนระทวย ครางให้ผมอัดเข้าไปในตัวคุณทั้งคืน”
ร้อนวูบวาบไปหมด ปรียาภาเธอเดินหนี แต่อีกฝ่ายรั้งไว้ เธอดิ้นรนด้วยความกลัวและขยะแขยงในความหยาบคายที่เขาเผยให้เธอเห็นมากขึ้นทุกที
“ปล่อยฉัน”
“อย่าดิ้น ถ้าไวน์หกรดผม ผมจะให้แป๋มเลียไวน์บนตัวผมจนเกลี้ยงเลยนะ”
แต่ละอย่างที่เขาพูดออกมา เธอทนฟังไม่ได้แล้ว ปรียาภาพยายามพาตัวเองออกมา แต่อีกฝ่ายรัดเธอแน่นเหลือเกิน
“อ้าปาก”
เรียวปากสวยปิดฉับ พลันเกิดเสียงหัวเราะในลำคอหนาตามมา
“ดื้อจริงๆ แป๋มทำให้ผมต้องใช้กำลังอยู่เรื่อยเลย”
สิ้นคำนั้น มือแข็งแรงปานคีมเหล็กบีบตรงปลายคางมน หญิงสาวดิ้นรนด้วยความเจ็บ เพราะเขาไม่ออมแรงเลย
“ฮื้อ! อ่อย!”
“ดื่มให้หมด!”
แก้วไวน์จ่อตรงริมฝีปาก ปรียาภาเหลือบตามองเขา ซึ่งเขาจ้องมองเธออยู่แล้ว สายตาคมช่างดุดัน มันทำให้เธอยอมเปิดปากออก...เพราะรู้ว่าถ้าหากขัดขืน มันคงไม่เป็นผลดีกับเธอ
ไวน์แดงไหลลงลำคอ รสชาติมันหอมละมุน เมื่อไม่ต่อต้าน หญิงสาวก็รับรู้ได้ว่ามันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ร่างกายตื่นตัว ความหงุดหงิดและความตึงเครียดค่อยๆ จางลง
เธอปล่อยตัวเองให้อยู่ในอ้อมอกของเขา หากเมื่อเขาพยายามป้อนไวน์เข้าปากเธออีก เธอก็เบือนหนี เพราะคิดว่าตนดื่มมากพอแล้ว เธอกลัวตัวเองเมา
“ดื่มให้หมด”
“พอแล้ว”
พัสกรรู้สึกขัดใจ แต่พอเธอบอกเหตุผล ดวงตาคมก็อ่อนแสงลง
“ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“หิวแล้วใช่ไหม ผมโทร.สั่งอาหารไปแล้ว อีกสักพักพนักงานจะเอาอาหารมาให้”
“ลงไปกินข้างล่างได้ไหม”
ปรียาภาอยากออกไปจากห้องนี้ เธอไม่อยากอยู่กับเขาเพียงสองคน เพราะมันไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้ทัน
“ผมอยากนอนกอดเมียในห้อง”
“ฉันไม่ใช่เมียของคุณ”
“ต้องทำแค่ไหนถึงเรียกว่าเป็นเมีย”
หยาบคายร้ายกาจ...ไม่อยากคิดเลยว่าผู้ชายที่มาจากตระกูลดัง มีการศึกษาสูง และมีหน้าที่การงานดี เขาจะเป็นคนอย่างนี้ไปได้
อาหารรสชาติอร่อยสมกับการเป็นโรงแรมระดับหรู
ในช่วงแรกปรียาภาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่พัสกรนำมาปรนเปรอ แต่พอถึงวันนี้เธอไม่ต้องการแล้ว
แต่ด้วยความที่อาหารมื้อสุดท้ายที่ตกถึงท้องก็คือมื้ออาหารที่บริษัทจัดเลี้ยงตั้งแต่ตอนเที่ยงของเมื่อวาน ซึ่งผ่านมาเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง มันเลยจุดของคำว่าหิว หากปรียาภาต้องฝืนกิน เพราะเธอกลัวจะเป็นลมไปเสียก่อน เธอต้องดูแลตัวเองให้รอดจากคนใจร้ายคนนี้ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเธออีก
“คุณอยากออกไปข้างนอกใช่ไหม”
จู่ๆ เขาก็ถามเธอ ทั้งที่เมื่อกี้เขาปฏิเสธไปแล้ว ดวงตาหวานมองเขาอย่างระแวง จนเขาต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วเลิกคิ้วถาม
“ชอบคิดว่าผมใจร้าย แต่พอผมตามใจ แป๋มก็ระแวงผม”
“คุณไม่ใช่คนใจดี อย่างน้อยคุณก็ไม่ได้ใจดีกับฉัน”
“ถ้าไม่ใจดีกับเมียแล้วจะให้ผมใจดีกับใคร”
“หยุดพูดนะ อย่าเรียกฉันว่าเมียอีก”
“ต้องเข้าไปลึกแค่ไหน ต้องซ้ำกี่ครั้ง ถึงเรียกว่าเราเป็นผัวเมียกัน”
สุดที่จะทนฟังได้อีก ปรียาภาเงื้อมือใส่เขา แต่กำปั้นของเธอก็ชะงักค้าง แค่เขาจ้องมองเธอนิ่งๆ เธอก็หยุดทุกการกระทำเสียเอง
“ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก”
น้ำเสียงของพัสกรสั่นพร่า ดวงตาคมหื่นกระหาย... ปรียาภารู้ว่าเขาแกล้งทำ แต่มันทำให้เธอปั่นป่วนในช่องท้อง เธอควรกลัวเขา ควรขยะแขยงกับท่าทางกักขฬะ เนื้อตัวไม่ควรร้อนวูบวาบ ยอดอกไม่ควรชูชันแค่นึกภาพของการโรมรันระหว่างเขาและเธอเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“คนโรคจิต”
เธอต่อว่าเขาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง หากเสียงหัวเราะนุ่มทุ้มที่ตามมานั้นกลับทำให้ขนอ่อนตามร่างกายลุกชัน เหมือนเขารู้ทัน น้ำเสียงนั้นจึงคล้ายเล้าโลมอยู่ในที ก่อนเขาจะพูดออกมาอย่างที่ทำให้เธอสะดุ้งโหยง
“ผมอยากกินแป๋ม ผมแข็งไปหมดแล้ว”
โดยไม่พูดเปล่า แต่มือหนาคว้ามือบางแล้วนำไปวางบนหน้าขาแกร่ง ท่อนลำยาวใหญ่ที่อยู่ภายใต้กางเกงขาสั้นแบบลำลองนั้นขยายจนสัมผัสได้ ปรียาภากระตุกมือกลับมา แต่เขายื้อไว้ แล้วกดมันแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม
“แป๋มทำให้มันตื่น แป๋มต้องรับผิดชอบ”
“ฉันไม่รู้เรื่อง อย่าใส่ความกันนะ”
ตั้งใจจะใส่อารมณ์เกรี้ยวกราด แต่ทำไมเสียงของเธอถึงเบาหวิวแถมยังสั่นๆ เมื่อก้มมองมือของตัวเอง หญิงสาวจึงได้รู้สาเหตุที่ทำให้สติของเธอกระเจิง
เขาจับมือของเธอไปลูบคลำกดย้ำอยู่บนท่อนลำอันนั้น มันแข็งตึง นุ่มแน่น และร้อนผ่าว ผิวสัมผัสเหมือนสิ่งมีชีวิต เพราะมันตอบรับการสัมผัสของเธอ แม้มีเนื้อผ้ากั้นไว้ แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนได้สัมผัสแนบเนื้ออย่างจัง
“ขอทีหนึ่ง แล้วจะพาออกไปเที่ยว”
“ไม่เอา”
“น่า ไม่นาน”
“งื้อ...”
นั่นเป็นเสียงของเธอ เมื่อเขาลุกจากเก้าอี้แล้วกอดรัดเธอไว้ ก่อนจะประกบริมฝีปากอย่างทันท่วงที
สติของปรียาภากำลังบินหาย เธอถูกอุ้มจนลอยจากพื้น เธอโอบกอดรอบคอแข็งแรงเอาไว้เพราะกลัวตัวเองจะตกลงมา
แค่ชั่วลมหายใจเดียว ไม่ทันได้คิดอะไร แผ่นหลังบางก็สัมผัสกับที่นอนนุ่ม เตียงนอนหลังเดิมที่เธอกับเขาโรมรันกันมาทั้งคืนซึ่งยังปรากฎคราบความใคร่ให้เห็นเป็นบางจุด หญิงสาวเมินหน้าหนี มันจึงเป็นจังหวะให้เขาปล้ำถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกจากร่างของเธอได้อย่างง่ายดาย
พัสกรจับเธอนอนพาดกับขอบเตียง ร่างกายของเขาเปลือยเปล่า ปรียาภาไม่รู้ว่าเขาถอดเสื้อผ้าตั้งแต่ตอนไหน กายกำยำสูงใหญ่ประดับด้วยมัดกล้ามอย่างที่ทำให้เธอต้องห่อกายหนี เพราะรู้ดีว่าเขาแข็งแกร่งและทรงพลังมากขนาดไหน
ท่อนขาอวบงามที่พยายามหนีบหนีถูกแหวกออกกว้าง ก่อนกายใหญ่จะแทรกเข้าตรงกลาง เรียวนิ้วแข็งแรงลากไล้กลีบกุหลาบงาม สัมผัสแตะต้องราวกับเป็นเจ้าของ จู่โจมและจาบจ้วง ก่อนเรียวนิ้วแข็งแรงจะแทรกลึกเข้าไปในช่องทางรัก
นิ้วกลางนำทางเข้าไปในช่องอุ่นนุ่มและคับแคบ เคลื่อนเข้าเคลื่อนออกแค่ไม่กี่ครั้ง ช่องทางรักก็ชุ่มชื้นด้วยหยาดน้ำที่ชโลมไหล นิ้วชี้จึงตามเบียดแทรกตามลงไป ก่อนที่มันจะขยับรัวเร็วจนสะโพกผายงามต้องร่อนตาม
“อ๊า...อ๊ะ...อ้ะ...ซี๊ด...”
อกอวบตั้งเต้าขยายใหญ่ ยอดอกสีเข้มแข็งเป็นไตชูชันอย่างเชิญชวน ปรียาภาบิดกายหนี เธอรู้สึกอาย แค่เขาสัมผัสนิดเดียว อารมณ์ของเธอก็พร้อมที่จะเตลิดไปกับเขา
“ของจริงแล้วนะ”
เสียงห้าวพร่ากระซิบข้างหู ก่อนที่ความใหญ่โตและร้อนผ่าวชำแรกเข้ามาสู่กลางกาย มันหนักแน่นและทรงพลัง ดิ่งลึกเข้ามาจนเธอรู้สึกคับตึงไปทั้งกาย
“งื้อ...เจ็บ”
เธอประท้วง ดวงตาหวานปรือมองเขา หากไม่รู้หรอกว่ามันกลับเป็นสายตาเชิญชวน พัสกรกลั้นลมหายใจ เขาถอดถอนท่อนลำยาวใหญ่ออกมาเพื่อให้เธอผ่อนคลาย หากแค่ครึ่งทาง ก่อนจะอัดลึกลงไป และขยับเข้าออกซ้ำๆ เหมือนไม่รู้จักพอ
เรียวลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปาก ชายหนุ่มมองดวงหน้าหวานที่เป็นสีเรื่อด้วยอารมณ์ใคร่ที่ถูกเขาจุดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเธอพรั่งพร้อม เขาจึงโหมแรงอัดใส่กายสาวอย่างไม่ยั้ง
