03 เขาคงไม่อยากเจอเรา
03 เขาคงไม่อยากเจอเรา
“กลับมาแล้วจ้า” เสียงใสแจ๋วของสาวน้อยนามว่า 'ทานตะวัน' ดังขึ้นทันทีที่กลับมาถึงบ้านหลังจากไปเยี่ยมบิดาที่โรงพยาบาลมา
เธอเป็นหญิงสาวร่างเล็กอายุ 22 ปีบริบูรณ์ที่ฉายแววความสวยตั้งแต่เด็กๆ แต่หญิงสาวกลับซ่อนความสวยงามเอาไว้ภายใต้ชุดเสื้อผ้าตัวโคร่ง ชอบสวมหมวกแก๊ปเวลาออกไปข้างนอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปกปิดความงดงามไว้ไม่อยู่ ดวงตากลมโตมีเสน่ห์น่าค้นหา แพขนตายาวเรียงซ้อนกันอย่างสวยงาม จมูกโด่งปลายเชิดนิดๆ ริมฝีปากเล็กเผยอขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติรับกับใบหน้ารูปไข่สมส่วน จัดว่าเป็นคนที่มีใบหน้าฟ้าประทาน ถึงเธอจะตัวเล็ก แต่ก็เล็กพริกขี้หนู เพราะทรวดทรงองเอวมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนโดยเฉพาะหน้าอกที่ใหญ่เกินเนื้อเกินตัว ทำให้เธอเลือกสวมเสื้อตัวใหญ่เพื่อปกปิดความนูนเด่นล่อตาล่อใจพวกผู้ชายในละแวกนี้
แต่พอเดินเข้ามาถึงในบ้านคิ้วสวยก็ต้องขมวดเขาหากัน เพราะเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านกระจัดกระจายไปทั่ว ก่อนที่หูจะแว่วได้ยินเสียงคนร้องได้ดังมาจากห้องน้ำ
“แม่!! เกิดอะไรขึ้น ทำไมบ้านของเราถึงเป็นแบบนี้!”
“ก็ไอ้เสี่ยอ้วนน่ะสิ มันส่งคนมาทำลายข้าวของในบ้าน ฮื้ออ...”
“เสี่ยอ้วน? อย่าบอกนะว่าแม่ติดหนี้บ่อนอีกแล้ว”
“ถ้ารู้แล้วจะถามอีกทำไม”
“ตะวันบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าอย่าไปที่นั่นอีก ทำไมแม่ไม่ฟังตะวัน”
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง! ฉันต้องไปเฝ้าพ่อแกที่โรงพยาบาลทุกวัน จะให้ฉันเอาเวลาที่ไหนไปทำงานหาเงิน ลำพังงานที่แกทำอยู่มันก็แทบไม่พอกินอยู่แล้ว”
“แต่แม่ก็ไม่ควรทำแบบนี้ รอบก่อนตะวันใช้หนี้ช่วยแม่จนหมดแล้วนะ”
“มึงจะโทษกูหรออีตะวัน ไปโทษพ่อมึงนู้นที่นอนป่วยเป็นผักเป็นปลา ทำงานก็ไม่ได้ แทนที่กูจะได้อยู่อย่างสุขสบาย ต้องมาอดมื้อกินมื้อเพราะพ่อมึง”
“แต่นั่นมันก็ไม่ได้แปลว่าแม่ต้องไปหวังรวยทางลัดที่บ่อนเลยนะคะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายพ่อ ตะวันก็เป็นคนดูแลเอง แม่แทบไม่ได้จ่ายอะไรเลย โอ้ยยย!!...”
เพี้ยะ!!
พูดยังไม่ทันขาดคำฝ่ามือหยาบของแก้วกัลยาก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าของลูกเลี้ยงอย่างแรงจนหน้าหัน ก่อนจะต่อว่าลูกเลี้ยงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ
“นี่มึงว่ากูไม่ทำอะไรเลยใช่ไหมอีตะวัน แล้วที่กูเอาบ้าน เอาที่ดินไปจำนองเพราะรักษาพ่อมึงล่ะ ไม่นึกถึงบุญคุณกูเลยใช่ไหม!!”
“เรื่องนั้นตะวันรู้ ฮึก! แต่ตะวันไม่อยากให้แม่ไปที่บ่อนอีก ฮื้อๆๆ”
“ก็กูไปมาแล้ว มันย้อนเวลากลับไปได้ไหมล่ะ ทางที่ดีมึงรีบไปหาเงินมาช่วยกูจ่ายหนี้เถอะ ก่อนที่มึงกับกูจะไม่มีที่ซุกหัวนอน!”
“ละ...แล้วแม่ติดหนี้อยู่เท่าไหร่”
“รวมๆก็เกือบห้าล้าน”
“ห้ะ!! หะ...ห้าล้าน!”
“เออ! ห้าล้าน มึงได้ยินชัดเจนเต็มสองหูแล้วใช่ไหม ทีนี้ก็ไปหาเงินมาใช้หนี้ช่วยกู”
“แล้วตะวันจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน ลำพังแค่เงินเดือนของตะวันก็หมื่นนิดๆเอง ทำไมแม่ถึงกู้มาเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ”
“ก็รวมดอกเบี้ยด้วยไง ใครมันจะไปคิดล่ะว่าจะเล่นเสียขนาดนี้” แก้วกัลยากอดอก จิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด
ภายในอีกสามวันถ้าหล่อนยังหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ เสี่ยอ้วนต้องส่งคนมาจัดการอีกแน่ๆ เพราะคนระดับเสี่ยอ้วน ไม่ปล่อยลูกหนี้ไปง่ายๆหรอก
ตอนนี้หล่อนเครียดจนหัวจะระเบิดแล้ว มีอยู่ทางเดียวที่จะช่วยได้นั่นก็คือ...ทานตะวัน!
“แล้วเราจะทำยังไงดี แม่ก็รู้ว่าเสี่ยอ้วนโหดร้ายแค่ไหน ฮื้อๆๆ” ทานตะวันยังจำภาพที่เสี่ยอ้วนมาทวงเงินที่บ้านได้อยู่เลย มันมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหายแถมยังพูดอีกว่าถ้าหาเงินมาคืนไม่ได้ มันจะจับเธอไปเป็นเมียขัดดอก
“มีอยู่ทางเดียวนั่นก็คือ....แก”
“ห้ะ! มะ...แม่ว่าไงนะ?”
“มีแต่แกเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้”
“ไม่นะแม่! ตะวันจะไม่มีทางไปเป็นเมียน้อยเสี่ยอ้วนเด็ดขาด ขอร้องล่ะ”
“กูก็ไม่ได้จะให้มึงไปเป็นเมียน้อยไอ้เสี่ยนั่น แต่มันยังมีอยู่อีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้มึงกับกูอยู่รอด”
“ทะ...ทางไหนจ้ะ”
“วันนี้กูไปหาไอ้เหนือเมฆมา”
กึก!
“เหนือเมฆ....” เธออุทานออกมาแผ่วเบา สะดุ้งกับชื่อที่ได้ยินเพราะไม่ได้ยินชื่อเหนือเมฆมานานมาก
หลายปีก่อนหลังจากที่เหนือเมฆย้ายไปอยู่ที่อื่น เธอก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยรับรู้ข่าวคราวว่าเขาอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เพราะเขาเองก็ไม่เคยติดต่อกลับมา เหมือนหายไปจากความทรงจำของกันและกัน
แต่เธอก็ยังรอเขาอยู่ ยังเก็บรูปถ่ายใบนั้นไว้ในสมุดได้อารี่ เพื่อรอคอยว่าสักวันจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
“ใช่! ฉันแอบตามสืบเรื่องมันมาสักพักแล้ว มันทำงานอยู่ที่บริษัทจางเหว่ยกรุ๊ป เป็นบริษัทของนายทุนใหญ่จากเมืองจีน”
“ละ...แล้วแม่รู้ได้ยังไงว่าพี่เหนืออยู่ที่นั่น” ชื่อของเหนือเมฆทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวสนั่นด้วยความดีใจ เหมือนสิ่งที่ขาดหายไปถูกเติมเต็มอีกครั้งเพียงเพราะรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
“ฉันก็รู้มาจากเสี่ยอ้วนนั่นแหละ เพราะเสี่ยอ้วนก็ไปกู้เงินที่นั่นเหมือนกัน ถึงได้รู้ว่าไอ้เหนือเมฆมันทำงานอยู่ที่จางเหว่ยกรุ๊ป”
“พี่เหนือ....อยู่ใกล้แค่นี้เอง” ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่แก้วกัลยาก็ดับฝันนั้นด้วยการใช้นิ้วจิ้มเข้าที่ขมับของเธอ
“ทำเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รู้ไหมไอ้เหนือเมฆมันแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเรา”
“อะไรนะคะ”
“พอไปได้ดีแล้วก็ลืมกำพืด วันนี้ฉันไปหามันยังถูกไล่ตะเพิดเลย”
“เป็นไม่ได้ พี่เหนือไม่ใช่คนแบบนั้น พี่เหนือต้องจำเราได้สิ”
“แต่มันเป็นคนแบบนั้น มันไม่ใช่ไอ้เหนือเมฆคนเดิมที่เราเคยรู้จัก คิดว่าทำงานที่บริษัทดีๆแล้วจะลบกำพืดตัวเองได้หรอ”
“มะ...แม่พูดจริงๆหรอจ้ะว่าพี่เหนือ...เอ่อ...เป็นแบบนั้นจริงๆ”
“ก็เออน่ะสิ! แล้วฉันจะไปโกหกแกทำไม”
เพียงเท่านั้นใบหน้าของทานตะวันก็ฉายแววเศร้าออกมา หรือคนที่แม่ไปเจอไม่ใช่เหนือเมฆพี่ชายแสนดีที่เคยอยู่ในความทรงจำ เพราะเธอมั่นใจว่าเหนือเมฆไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน
“แม่จำคนผิดหรือเปล่าจ้ะ”
“โอ้ยย!! อีตะวัน สมองกูไม่ได้ฝ่อจนจำไม่ได้นะว่าเป็นมัน ถึงจะไม่ได้เจอกันนานแต่กูก็จำมันได้ดี ไม่งั้นคงไม่บากหน้าไปหามันที่บริษัทหรอก”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คงไม่มีใครอยากยื่นมือมาช่วยเราหรอก เงินตั้งมากมายขนาดนั้น พี่เหนือคงช่วยเราไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ มันมีลูกน้องทั้งมือซ้ายมือขวา แสดงว่ามันต้องรวยสิ ทำงานที่บริษัทใหญ่โตขนาดนั้น เงินแค่ห้าล้านขนหน้าแข้งมันคงไม่ร่วงหรอก”
“แต่เราก็ไม่ควรไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นนะคะ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากเรา”
“แล้วแกจะปล่อยให้มันมาทวงหนี้เช้าเย็นแบบนี้หรอ เผื่อไอ้เสี่ยนั่นมันตัดนิ้วฉันล่ะ จะทำยังไง หรือแกอยากเป็นเมียน้อยมัน”
“ละ...แล้วแม่จะให้ฉันทำยังไง”
“ไปหามันกับฉัน”
“ว่าไงนะ!”
“แกต้องไปหามันกับฉัน เพราะฉันเชื่อว่ามันจำแกได้”
“ไม่เอา ตะวันไม่ไป แม่บอกว่าพี่เหนือไม่ใช่คนเดิมแล้ว ตะวันไม่ไปเด็ดขาด” ถึงจะอยากเจอเขามากแค่ไหนก็เถอะ ถ้าเขายังนึกถึงเธออยู่ ใกล้กันแค่นี้เขาคงมาหานานแล้ว
แต่ถ้าเหนือเมฆเลือกที่จะตัดเธอออกไปจากชีวิต นั่นก็แสดงว่าเขาคงไม่อยากรู้จักเธออีกแล้ว
“อย่าโง่สิอีตะวัน! พ่อมึงต้องผ่าตัดอีกรอบไม่ใช่หรอ แล้วมึงจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าหมอ คิดบ้างสิ!”
“ตะ...แต่ตะวันไม่กล้า พี่เหนือเขาคงไม่อยากเจอเรา”
“ไม่อยากเจอก็ต้องเจอ เพราะแกคือความหวังเดียว และฉันก็มีวิธีที่จะทำให้มันยอมช่วยเหลือพวกเรา!”