คุณผีหล่อ : 3
"อีกแล้วเหรอลูก หนูเก็บไว้ใช้เถอะค่ะ ที่บ้านยังพอมีเหลือใช้อีกหลายเดือน"
ครั้งนี้ครูแก้วปฎิเสธเสียงแข็งไม่ยอมรับเงินฉัน แต่เซียมซีคนนี้มีวิธี...
"รับไว้เถอะนะคะ ครูแก้วพอใช้จ่ายส่วนของใช้ส่วนรวม ค่าน้ำค่าไฟ แต่ถ้าน้อง ๆ เกิดงอแง อยากดินนู่นกินนี่ขึ้นมา ครูแก้วต้องควักของส่วนรวมนั้นมาใช้นะคะ ถือว่าหนูให้เด็ก ๆ แล้วกันค่ะ"
"เรานี่นะช่างเจรจาหว่านล้อมจริง ๆ"
เป็นไงไม้อ้อนนี้ของฉัน ใช้เด็ก ๆ ที่บ้านเด็กกำพร้ามาเป็นข้ออ้าง คนใจดี ใจบุญ มีเมตตาอย่างครูแก้วปฏิเสธไม่ลงล้านเปอร์เซ็น!
"แล้วนี่เด็ก ๆ นั่งสมาธิกันอยู่เหรอคะ"
ช่วงเจ็ดถึงแปดโมงที่นี่จะให้เด็ก ๆ นั่งฟังธรรมผ่านวิดีโอแล้วนั่งสมาธิเพื่อฝึกจิตน่ะ
"ใช่จ้ะ อยู่กับครูออย"
ฉันพยักหน้าเข้าใจ
ครูออยเป็นครูผู้ช่วยของที่นี่ เพิ่งมาทำงานได้สี่ปี เธออายุแก่กว่าฉันสักสี่ปีได้มั้ง
ทั้ง ๆ ที่ที่นี่ไม่มีเงินเดือน คนที่น่าจะรุ่งในอาชีพการงานในวัยแบบนั้นกลับเลือกมาอยู่ที่นี่ ทั้งกันดาร ทั้งลำบาก แต่คงเพราะจิตใจดีรักเด็กแหละถึงยอมอยู่แบบนี้ตั้งสี่ปีได้
"น้องนิ่มถามหาเราทุกวัน"
ฉันเข้าใจเลย เพราะน้องนิ่มเปรียบเสมือนลูกฉันคนหนึ่งก็ว่าได้
ที่บอกว่าเปรียบเสมือนลูกเพราะฉันเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ตัวยังแดงอยู่เลย
ตอนนั้นฉันอายุสิบเอ็ด มีคนเขาเด็กมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเด็กกำพร้า ฉันเจอเธอคนแรกเลยรีบพาเข้ามาหลบฝน
ตอนนั้นตัวเธอแดงและนุ่มนิ่ม ฉันเลยตั้งชื่อว่าน้องนิ่มและเป็นคนเลี้ยงเธอมาจนตอนนี้น่าจะสิบขวบได้
"จะเข้าไปนั่งสมาธิกับน้อง ๆ กันไหม"
ฉันพยักหน้าเพราะคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ทว่ามือถือกลับสั่นครืนขึ้นมาเสียก่อน
"ครูแก้วเข้าไปก่อนนะคะ หนูขอคุยธุระกับเพื่อนก่อน"
"ได้จ้ะ จะให้ครูบอกเด็ก ๆ เลยไหม หรือเราจะเซอร์ไพรซ์ดี"
"เดี๋ยวแก้วเซอร์ไพรซ์ดีกว่าค่ะ"
ยกถุงขนมที่ซื้อติดมือมาสามถุงชูสำทับคำพูด เด็ก ๆ สิบกว่าคนคงดีใจที่ได้เห็นขนมพวกนี้
"งั้นตามสบายนะ"
ฉันค้อมหัวให้ครูแก้ว หันมารับสายเพื่อนที่ยังคงสั่นอยู่
"ว่าไงแก"
'ต้นตาล' คือเพื่อนสนิทและเป็นคนที่แชร์ค่าห้องที่ฉันอยู่
[เป็นไงบ้างทางนั้น]
เธอถามเสียงระรื่น แบบนี้แสดงว่าสถานการณ์ทางบ้านคงดีขึ้นแล้ว
"ตอนนี้ซีอยู่บ้านน่ะ"
แค่บอกว่าบ้านเพื่อนฉันก็รู้ว่าหมายถึงบ้านเด็กกำพร้า
[ว้า... อยากไปบ้างจัง อยากเจอเด็ก ๆ ที่นั่น]
"ไว้เคลียร์ธุระที่บ้านเสร็จจะพามานะ เออ! แล้วแม่ตาลเป็นไงบ้าง"
แม่เพื่อนฉันประสบอุบัติเหตุจนขาหักเดินไม่ได้ชั่วคราวน่ะ ต้องบำบัดกันอีกนาน เพื่อนฉันเป็นลูกสาวคนเดียวเลยยอมดรอปเรียนเพื่อกลับไปดูแลท่าน
[ก็เหมือนเดิมแหละแก แต่สภาพจิตใจท่านดีขึ้นมากแค่นี้ฉันก็เบาใจแล้ว]
"สู้ ๆ นะ มีอะไรให้ช่วยบอกได้เสมอ ว่าแต่โทร.มาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า"
[จะโทร.มาบอกว่าโอนค่าห้องส่วนของฉันให้แล้วนะ]
หืม... ค่าห้อง?
"ค่าห้องอะไร แกไม่อยู่ตั้งเดือนนึงแล้วนะไม่ต้องจ่ายแล้ว"
รีบกดดูข้อความ มีเงินเข้าจริง ๆ ด้วย แถมยังจำนวนพอดีกับทุกเดือนที่เราแชร์กันอีก
[ข้าวของฉันยังอยู่ที่นั่น ถือว่าเป็นค่าฝากของแล้วกัน]
"แต่แก..."
[เอาน่า ไม่ต้องคิดมาก แกจะได้มีเงินเหลือไว้ส่งบ้านแกด้วย]
ฮือ ๆ มีเพื่อนดีน้ำตาจะไหล แบบนี้ไม่เรียกเอาเปรียบเพื่อนใช่ไหมอะ?
"ขอบใจนะ แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ฉันมีเลย"
ต้องบอกว่ามีแค่ต้นตาลคนเดียวนี่แหละที่ยอมคบกับเด็กกำพร้าแบบฉัน
จนก็จน แต่ได้เรียนที่ดี ๆ เพราะมีทุนมาหล่นทับ
[รักแกนะ ถ้ามีอะไรก็โทร.มาหาได้ตลอด เรื่องเงินก็โทร.มาได้ ฉันยินดีช่วยเสมอ]
"รักแกเหมือนกัน ขอให้แม่หายไว ๆ แล้วกลับมาอยู่เป็นเพื่อนซีนะ"
[ขอบใจจ้า แค่นี้ก่อนนะไปดูแม่ก่อน]
"อืม บายจ้ะ"
สายถูกตัดไปแล้ว...
แม้จะมีเพื่อนน้อย แต่ก็มีเพื่อนแบบคุณภาพ แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้วละ
"พี่เซียมซี"
เสียงเล็ก ๆ ของน้องนิ่มเรียกฉันพร้อมวิ่งเข้ามากอด
"ไม่เจอกันนาน สูงขึ้นเยอะเลยนะคะ"
น้องนิ่มฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าหงึก ๆ
"น้องนิ่มอยากโตเร็ว ๆ จะได้ออกไปทำงานหาเงินช่วยพี่ซีค่ะ"
โอ้ย...เด็กน้อเด็ก เพิ่งจะสิบขวบแต่รู้จักกตัญญูแล้ว
"น้องนิ่มอยู่ที่นี่ก็ช่วยพี่ซีได้นะคะ"
คนฟังทำหน้างง ฉันเลยยิ้มให้พร้อมเฉลย
"ก็ช่วยครูแก้วกับครูออยดูแลน้อง ๆ ไงคะ"
"อ๋อ น้องนิ่มช่วยทุกวันค่ะ ตอนนี้ก็ช่วยครูออยทำกับข้าวด้วย"
"ทำกับข้าว เก่งจังค่ะ พี่ซียังต้มเป็นแค่มาม่าเลย"
ที่จริงฉันทำได้หมดแหละอาหาร แต่อยากพูดให้กำลังใจน้องนิ่มว่าเธอเก่งกว่าจะได้มีกำลังใจ
"พี่ซีอยู่นานมั้ยคะ เดี๋ยวตอนเที่ยงเราจะทำเมนูข้าวผัดทานกัน"
"ว้า... น่าเสียดายจัง พี่ซีต้องไปทำงานกะเที่ยงด้วยสิ"
"เหรอคะ" เสียงเด็กน้อยสลดลง
"ไว้วันหลังพี่ซีจะมาชิมฝีมือน้องนิ่มให้ได้ ตกลงมั้ยจ๊ะ"
"จริงนะคะ พี่ซีไม่โกหกหนูนะ"
รีบยกมือลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดู
"พี่ซีไม่โกหกค่ะ"
"เย่ ๆ น้องนิ่มจะทำสุดฝีมือเลยค่ะ"
เห็นรอยยิ้มเธอแล้วฉันมีความสุขที่สุด