บทที่ ๒. พินัยกรรมบ้าบอ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อทนายความประจำตระกูลได้อ่านพินัยกรรมของนายวินทร์จบ แน่นอนว่าเวธน์ไม่พอใจ เมื่อพินัยกรรมยกทุกอย่างให้กับหยาด ลูกสาวบุญธรรม ส่วนลูกในไส้อย่างเขาเป็นได้แค่ลูกจ้างของเด็กน้อยที่พ่อกับแม่รับมาเลี้ยงเท่านั้น เขาขบกรามแน่นแล้วมองจ้องใบหน้าสวยไร้เดียงสาของหยาดแล้วกำมือแน่นเข้าหากัน
บัดซบ!
กรอด!
“ทนายเดช”
“ครับ คุณเวธน์”
“ยังไงผมก็ต้องแต่งงานกับนังเด็กนี่ อยู่กินด้วยกันในระยะเวลาห้าปีและต้องมีลูกด้วยกันด้วย จะหนึ่งหรือสองคนก็ได้ใช่ไหมครับ”
“ครับ ตามพินัยกรรมที่คุณวินทร์เขียนไว้ และพอถึงห้าปี คุณอยากหย่าก็หย่าได้ แล้วตอนนั้นทุกอย่างจะเป็นของคุณ แต่คุณต้องมีลูกกับหนูหยาดด้วยหนึ่งคนในระยะเวลาห้าปีนี้” ทนายเดชเอ่ยอธิบายอีกครั้ง
หึหึ
เวธน์แค่นขำออกมาพร้อมยกยิ้มมุมปากแล้วก็เอ่ยตอบกลับทนายวัยกลางคนกลับ
“ดีจริงๆ นะครับทนายเดช พ่อผมแท้ๆ กลับรักลูกบุญธรรมมากกว่าลูกในไส้ ยกทุกอย่างให้เด็กหยาดหมด ส่วนลูกตัวเองเป็นเพียงลูกจ้างเท่านั้น...หึหึ ดีจริงๆ แล้วแม่ดาวจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ หรือแม่เห็นด้วยกับพินัยกรรมของพ่อ?”
“ผมทำตามหน้าที่ของผมครับคุณเวธน์” ทนายเดชเอ่ย
“แม่ก็เห็นด้วยกับพ่อนะ พ่อทำถูกแล้ว แม่คิดว่าดีเสียอีก ดีกว่าลูกไปคว้ายัยพนักงานขายรถนั่นมาเป็นสะใภ้ของแม่ ไปกันเถอะหนูหยาด” แสงดาวเอ่ยตอบลูกชายแล้วลุกขึ้นไปประคองลูกบุญธรรมของตนเองลุกขึ้นจะพากันออกจากห้องรับแขก
“ยังไงผมก็ต้องแต่งงานใช่ไหมทนายเดช ไม่ต้องจัดงานแต่งก็ได้ใช่ไหม ผมแค่จดทะเบียนสมรสก็ได้ใช่ไหม” เวธน์เอ่ยถามทนายวัยกลางคน
“ครับ ตามที่คุณสะดวก แต่ต้องมีทะเบียนสมรสครับ”
“อ้อ...งั้นได้ งั้นผมจะไปจดทะเบียนสมรสกับเด็กนี่วันนี้ให้มันจบๆ ส่วนงานแต่งงานไม่จำเป็น ผมไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเด็กนี่เป็นเมียผม” แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปหาแม่กับหยาดที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องรับแขกแล้วคว้าจับแขนเล็กกระชากดึงเข้ามาหาตนเอง
ว้าย!
“เบาๆ หน่อยตาเวธน์” แสงดาวบอกลูกชาย
“จับกระชากแค่นี้ทำเป็นร้อง มันเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ สำออย!” เห็นหน้าตาบิดเบี้ยวของหยาดแสดงสีหน้าเจ็บปวดที่ตนกระชากดึงแขนก็ยิ่งโมโห
“ปะ...เปล่าค่ะ” เธอบอกเขาเสียงแผ่วเบา
“นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก! พูดได้แล้วเหรอ งั้นก็ไปจดทะเบียนสมรสกันวันนี้ ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง มีเวลา” แล้วเขาก็กระชากดึงคนตัวเล็กลากออกไปจากห้องรับแขก
“ทนายเดช ขอบคุณนะที่ทำงานอย่างหนักเพื่อครอบครัวเรา”
“ยินดีครับคุณนาย ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ทนายเดชเอ่ยพร้อมลุกขึ้นและยกมือไหว้ลานายจ้างของตนเองก่อนจะจากไป
เฮ้อ!
“หัวใจจะวายตาย! คุณเนี่ยนะ ทำอะไรไม่ปรึกษาดาวสักคำ” แสงดาวเดินไปหยิบรูปสามีบนโต๊ะโชว์ในห้องรับแขกขึ้นมาคุยด้วย พร้อมอีกมือยกขึ้นทาบอกตัวเองลูบเบาๆ ไปมา
“นี่คุณก็รู้ว่าไอ้ลูกชายตัวดีของเราเป็นยังไง ปกติก็ไม่ชอบหนูหยาดอยู่แล้ว ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งเกลียดหนูหยาดไปใหญ่ เฮ้อ! คุณเนี่ยนะ แต่คุณก็ทำถูกแล้ว คนอย่างตาเวธน์ต้องมีคู่ชีวิตแบบหนูหยาด ลูกเราน่ะเป็นไฟ ส่วนหนูหยาดก็เป็นน้ำคอยดับไฟ ถ้าเอายัยอินท์นั่นเข้าบ้าน บ้านคงลุกเป็นไฟ หล่อนเป็นน้ำมันแล้วลูกเราเป็นไฟ บ้านได้ไฟไหม้ล่มจมแน่นอน” นางบ่นพึมพำร่ายยาวกับรูปสามีที่จากตนไปก่อน