บทที่ ๑. พินัยกรรมบ้าบอ
บัดซบ!
เสียงสบถห้วนแข็งดังลอดจากปากหนาแสดงถึงอารมณ์ของคนพูดได้ชัดเจนว่าไม่พอใจกับพินัยกรรมของพ่อที่ล่วงลับไปทิ้งไว้ให้หลังจากทนายความประจำตระกูลอ่านพินัยกรรมจบ
“แม่ พ่อทำแบบนี้กับผมได้ยังไงกัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว แล้วยังยัดเยียดยัดเด็กห่านี่ให้ผมอีก” ชายหนุ่มถามแม่พร้อมกับหันไปมองหญิงสาวที่พ่อตนยัดเยียดให้เป็นภรรยาของตน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปกระชากร่างเล็กให้ลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งให้ยืนขึ้นแล้วก็พูดต่อ
ว้าย!
“ปฏิเสธสิ นั่งอมน้ำลายอยู่ทำไมล่ะ” เขาตะโกนใส่หน้าของคนตัวเล็กที่สูงเพียงระดับอกของตนด้วยความเดือดดาลขุ่นเคืองไม่พอใจกับพินัยกรรมของพ่อตนเอง
“ปล่อยน้องก่อนตาเวธน์!” แสงดาวลุกขึ้นมาจับมือลูกชายที่จับแขนเล็กให้ปล่อยแล้วก็ผลักลูกชายออกห่างหยาด ฟ้าคราม วัย 24 ปี ลูกสาวของเพื่อนสนิทสามีที่ตนและสามีรับมาเลี้ยงหลังจากพ่อกับแม่ของหยาดเสียชีวิตไปตั้งแต่หกขวบด้วยอุบัติเหตุ และญาติของหยาดก็ไม่มีใครรับเลี้ยง ทั้งสองเห็นและเอ็นดูเด็กสาวมาตั้งแต่เด็กจึงรับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
“แม่จะให้ผมทำตามพินัยกรรมบ้าบอของพ่อรึไงแม่” เวธน์ เกิดทรัพย์ วัย 37 ปี ลูกชายคนเดียวของนายวินทร์กับนางแสงดาว เขาเป็นลูกชายและทายาทคนเดียวของโรงเลื่อยขายส่งในประเทศและต่างประเทศเป็นระยะเวลายาวนานมา 70 ปี สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงรุ่นพ่อเขาและตอนนี้พ่อก็จากไปได้สองอาทิตย์แล้ว ธุรกิจจึงตกเป็นของเขาโดยปริยาย
แต่ยังไม่ใช่ของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ทีเดียว ทุกอย่างจะเป็นของเขาได้ก็ต่อเมื่อแต่งงานอยู่กินกับหยาดและมีลูกด้วยกันในระยะเวลาห้าปี ทุกอย่างถึงจะถูกโอนเป็นชื่อของเขา หากไม่ทำตามพินัยกรรม ทุกอย่างจะตกเป็นของหยาด ลูกสาวบุญธรรมเพียงคนเดียว
“แต่ยังไงลูกก็ต้องทำตามพินัยกรรมของพ่อ ถ้าเวธน์ต้องการสมบัติของพ่อ” นางบอกลูกชายแล้วกอดลูกสาวบุญธรรมของตนเองแน่น
“แม่เห็นด้วยกับพ่อที่ยกทุกอย่างให้ยัยเด็กนี่ แทนที่จะเป็นลูกชายของตัวเอง ผมเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์ พ่อคิดอะไรอยู่ตอนเขียนพินัยกรรม ผมอยากรู้มาก ทำไมยอมยกทุกอย่างให้เด็กคนนี้ง่ายๆ แทนที่จะยกให้ลูกชายตัวเอง ผมเป็นลูกแท้ๆ หรือนังเด็กนี่กันแน่” ด้วยความโมโหเขาจึงชี้มือด่ากราดหยาดโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง
“เอาล่ะครับ ตอนนี้รบกวนคุณเวธน์และทุกคนนั่งลงก่อน ผมจะอ่านพินัยกรรมต่อ” ทนายเดชเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่จนอ่านพินัยกรรมไม่จบ
“ผมยังต้องฟังอีกเหรอทนายเดช ในเมื่อพินัยกรรมเอื้อต่อเด็กนี่ทุกอย่าง บ้าน รถ ที่ดิน ตึกแถว โรงเลื่อยและอย่างอื่นก็ยังยกให้นังเด็กนี่อีก แล้วผมเหลืออะไร ผมใช่ลูกของพ่อไหม หรือยัยเด็กนี่กันแน่” เวธน์ชี้มือใส่ตัวเองแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม
“เอาล่ะครับ ใจเย็นๆ กันก่อนนะครับ รอให้ผมอ่านพินัยกรรมจบก่อน คุณเวธน์ค่อยโมโห”
ทนายวัยกลางคนเอ่ยแล้วก็เริ่มอ่านพินัยกรรมที่เหลือต่อ