บท
ตั้งค่า

2. ร่างใหม่

ท่ามกลางสายตาแขกเหรื่อมากมาย ร่างเล็กของคุณหนูสามกำลังไร้สติแต่ก็มีลมหายใจอยู่ หาได้ตายอย่างที่ได้ยินมาไม่ เพียงแต่ใบหน้านั้นซีดเผือดไม่ต่างจากคนที่หมดลมสิ้นใจไปแล้วจริงๆ

“ส่งนางมาให้กระหม่อมเถอะพ่ะย่ะค่ะ” เหวินโหรวเอ่ยพร้อมกับช้อนอุ้มเอาน้องสาวกลับเข้าเรือน โดยที่ทุกคนก็ยังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใต้เท้าว่านจึงรีบเดินเข้ามาคำนับผู้ที่ช่วยบุตรสาวตนเมื่อครู่อย่างนอบน้อม อีกฝ่ายทำเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น

“ให้ท่านอ๋องมาเจอเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ไม่ควรเลยจริงๆ”

“ช่างเถอะ เดิมทีข้าก็ตั้งใจจะมาดื่มเหล้ามงคลสกุลว่าน แล้วใครจะคิดว่างานมงคลจะกลายเป็นงานศพกันล่ะ แต่สุดท้ายคนที่ตายกลับไม่ตาย ถือว่าเป็นเรื่องดีนะใต้เท้า” จิ่งอ๋องตอบกลับด้วยเสียงเรียบ

เขาคือพระอนุชาของฮ่องเต้ที่เหลืออยู่เพียงพระองค์เดียว จึงเป็นที่เกรงกลัวในหมู่ขุนนางด้วยวัยสามสิบปี เพราะเป็นคนที่มีอำนาจมากในราชสำนัก จนมีข่าวลือว่าเขากำลังซ่องสุมคิดการกบฎ จึงทำให้หลายๆ สกุลไม่อยากคบหาด้วย เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นที่เพ่งเล็งไปด้วย

และที่มาในวันนี้เขาก็ตั้งใจจะผูกมิตรกับสกุลว่าน จึงมาร่วมยินดีเช่นขุนนางคนอื่นๆ เพราะใต้เท้าว่านถือว่ามีอำนาจทางการเมืองอยู่ไม่น้อย หากสามารถดึงมาอยู่ในกลุ่มก้อนของตนได้ ภายหน้าก็จะมีประโยชน์มาก

แต่ไม่คิดว่าจากเรื่องยินดี จะกลายเป็นเรื่องโศกเศร้าไปได้ นึกแล้วเขาก็สมเพชสตรีตัวน้อยผู้นี้ ที่โง่เขลายอมตายเพราะบุรุษผู้เดียว ทั้งที่ฝ่ายชายคงจะเข้าหอนอนกอดพี่สาวนางไปแล้ว นางช่างไร้หัวคิดสิ้นดี

“เรื่องนี้กระหม่อมเองก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้เช่นไร อิงอิงหมดลมหายใจไปนานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่จู่ๆ นางก็ฟื้นขึ้นมา เห็นทีคงต้องสืบสาวเอาความให้หนักพ่ะย่ะค่ะ”

ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาเอ่ยเสียงกดต่ำ ข่มอารมณ์ที่คุกรุ่นภายในเอาไว้ เพราะว่านเฉินไห่ไม่ปรารถนาให้อิงอิงฟื้นขึ้นมาอีกเช่นนี้ นางตายไปยังจะดีเสียกว่า

“หึ!..ช่างน่าสงสาร คนอยู่ก็ไม่ต้องการ นรกสวรรค์ก็ยังผลักเจ้าให้กลับมาอีก เจ้ามันคงไร้ค่ามากสินะว่านอิงอิง” จิ่งอ๋องเอ่ยหยันในใจ เมื่อได้ยินถ้อยคำเจ้าของจวน

“อะไรกันใต้เท้าว่าน บุตรสาวไม่ตายท่านไม่ดีใจหรอกหรือ ไยถึงเอ่ยเช่นนี้ได้ล่ะ” เสนาซ้ายเปล่งเสียงหยัน เพราะไม่ชอบใจนักที่สกุลว่านไปดองกับฝ่ายเสนาขวา

“หึ! เรื่องในครอบครัวข้าน้อย คงไม่ต้องให้ผู้อื่นเข้ามายุ่ง” อีกฝ่ายย้อนกลับมาทันที

ซานหลางยืนมองขุนนางทั้งสองถกเถียงกันไปมาก็ยิ้มเหยียดเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งเอ่ยขัดขึ้น “เอาน่าไหนๆ คนก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ใต้เท้าก็อย่าได้เอาความอีกเลย นางคงไม่อยากตายแล้วจึงได้มีชีวิตอีกครั้ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ขอตัวก่อนก็แล้วกัน ผ้าขาวก็เอาลงเสียนะดูแล้วมันหดหู่” เอ่ยจบร่างสูงสง่าก็เดินออกไปจากจวน

“เช่นนั้นข้าก็คงต้องขอตัวเช่นกัน” เสนาซ้ายหันมาเอ่ยกับเจ้าของจวน ก่อนจะคำนับกันพอเป็นพิธีแล้วเดินออกไป

“ไม่ได้ยินหรือ ดึงผ้าออกให้หมด ข้าจะเข้าไปชำระความกับมันเสียหน่อย” เสียงเดือดดาลเปล่งออกมา

ก่อนจะเดินตรงไปยังเรือนด้านหลัง ว่านเฉินไห่ยามนี้เกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก เพราะอับอายตั้งแต่บุตรสาวกินยาปลิดชีพตนเพราะบุรุษแล้ว แต่นางก็ยังฟื้นขึ้นมาท่ามกลางผู้คนให้ได้อับอายอีกครั้ง เขาเดินมาถึงห้องยังไม่ทันได้ผลักประตูเข้าไปด้วยซ้ำ มันก็เปิดออกมาเสียก่อน พร้อมกับร่างสูงของบุตรชาย ซึ่งยืนขวางไม่ให้เขาเข้า

“ท่านพ่อน้องหญิงหลับไปแล้ว เอาไว้ให้นางหายดีค่อยคุยเถอะ หรือท่านอยากให้นางตายไปอีกรอบ ครานี้คนคงได้โจษจันกันไม่หยุดเป็นแน่” เหวินโหรวเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าบิดานิ่ง ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับหงุดหงิด แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้เพราะมันจริงเช่นที่เหวินโหรวเอ่ย

ภายในห้องนอนของผู้ที่ตายแล้วฟื้น ยามนี้นางยังคงหลับสนิทเพราะร่างกายนั้นอ่อนเพลีย มีชิงหงคอยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง ตามคำสั่งของคุณชายเหวิน

“ดีจริงที่คุณหนูฟื้นแล้วเช่นนี้” นางเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะนั่งหลับอยู่ข้างเตียงนั่นเอง เพราะเป็นห่วงผู้เป็นนาย

เช้าของอีกวัน ว่านอิงอิงก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา นัยน์ตาสวยมองตามชายผ้าลงมาจนเห็นหัวของใครบางคน

“หึ! สรุปเรายังวนเวียนอยู่ในยุคนี้สินะ” เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาแผ่วเบา เมื่อมองเห็นการตบแต่งที่ยังคงคุ้นตาในความทรงจำตลอดสิบปีนี้

หัวของนางยามนี้กำลังหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืน มันเกิดขึ้นอีกเมืองซึ่งห่างไกลจากที่นี่มาก เรียกได้ว่าอยู่เขตชายแดนซึ่งห่างไปถึงหกร้อยลี้ [=300กิโลเมตร] ซึ่งเรื่องราวเกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน นั่นจึงเป็นเหตุนำพาให้วิญญาณของสตรีที่ถูกวางยาแล้วสังหารอย่างเลือดเย็น เข้ามาอยู่ในร่างนี้ทดแทนผู้ที่ไม่อยากมีลมหายใจต่อไปแล้วอย่างว่านอิงอิง

ทั้งคู่มีความเจ็บปวดและเสียใจไม่ต่างกันเลย แต่หนึ่งวิญญาณกลับอ่อนแอเกินไป จึงทำให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อโดยที่เจ้าของร่างก็ไม่ได้คัดค้านแม้แต่น้อย

“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามเสียงแหบ เพราะชิงหงเอาแต่ร้องไห้ จนยามนี้ขอบตาบวมเป่ง

“อืม” ตอบออกมาแค่นั้นเพื่อรอดูสถานการณ์ แม้จะนึกสงสารคนตรงหน้าก็เถอะ แต่ก็จำต้องทำเป็นนิ่งเสียก่อน

“พี่ดีใจที่คุณหนูไม่ตายนะเจ้าคะ” ชิงหงเอ่ยทั้งน้ำตา

“ขอบใจนะ ข้าอยากอาบน้ำล้างเนื้อตัว เตรียมให้ทีสิ” เอ่ยบอกออกไป พร้อมกับยิ้มบางๆ คนที่อยู่รับใช้มานานถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะผู้เป็นนายนั้นดูเปลี่ยนไป พูดจาห้วนไม่ไพเราะเช่นเคย

“ทำไมหรือ?” เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย

“คุณหนูไม่เหมือนเดิมเจ้าค่ะ” ตอบกลับเสียงเบา ทำให้ผู้เป็นนายยิ้มบางๆ ออกมา

“ข้าคงยังมึนอยู่ พี่อย่าถือสาเลย” เอ่ยจบก็ยิ้มอีก

ชิงหงจึงพยักหน้า ก่อนจะลุกออกไปตระเตรียมน้ำให้ผู้เป็นนายตามคำสั่ง คนบนเตียงจึงได้แต่ถอนหายใจ นัยน์ตาสวยมองไปรอบห้อง “ข้าวของเครื่องใช้ทำไมถึงดูเก่านัก คงไม่ใช่เพราะเจ้าไม่เป็นที่รักของคนในเรือนหรอกนะ หึ ดูท่าคงไม่อยากให้เจ้าฟื้นกลับมาล่ะสิ” ไป่อิงนึกในใจ เพราะภายในห้องแทบจะไม่มีของมีค่าเลย

“เตรียมน้ำพร้อมแล้วเจ้าค่ะคุณหนู” ชิงหงเดินเข้ามาประคองผู้เป็นนายให้ลุกขึ้น ก่อนจะพาไปยังห้องอาบน้ำด้านหลัง ซึ่งมีเพียงฉากกั้นเอาไว้เท่านั้น

“พี่ไปจัดการธุระของตัวเองเถอะ” เอ่ยบอกเสียงเรียบ อีกฝ่ายจึงมองหน้าเล็กน้อย เพราะปกตินางต้องอยู่จนผู้เป็นนายอาบเสร็จ เพราะไม่อาจให้แช่นานได้

“ไปเถอะข้าอยู่ได้ จะไม่ทำอะไรโง่ๆ อีกแล้ว” ไป่อิงมองอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มอ่อนออกมา

“เช่นนั้นพี่ออกไปเตรียมอาหารให้นะเจ้าคะ”

“แล้วแต่พี่เถอะ” ไป่อิงส่ายหัวในความดื้อรั้นของชิงหง

สาวใช้ออกไปแล้วเหลือเพียงร่างเล็กที่แช่อยู่ในถังน้ำเพียงลำพัง ช่วงเวลาที่เงียบสงบนี้มันทำให้นางหวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาตลอดสิบปีนี้

“ให้ข้าเกิดใหม่อีกครั้งเช่นนี้ ขออีกสักอย่างเถอะนะสวรรค์ ขอให้ข้ายังอยู่ในชาติภพเดียวกับคนผู้นั้นด้วยเถอะ” เสียงเย็นเปล่งออกมา พร้อมกับนัยน์ตาแดงก่ำ มือเล็กกำแน่นเมื่อนึกถึงวันที่ตนถูกสังหาร

ทั้งที่นางเป็นคนเก่งฉลาด แต่ใครจะคิดว่าบุรุษอันเป็นที่รักจะลงมือเลือดเย็นเพียงนี้ล่ะ แม้ตัวตนที่แท้จริงของร่างนี้จะมาจากศตวรรษที่ 25 ซึ่งเกิดใหม่ในร่างของไป่อิงตั้งแต่สิบปีก่อนก็เถอะ แต่พอได้มีรักคนเราก็มักจะตาบอดเชื่ออีกฝ่ายโดยง่าย ทั้งที่คิดว่ามีรักดีๆ แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังไม่วายถูกหักหลังจนได้ สุดท้ายก็สิ้นใจตายเพราะน้ำมือเขา

ไป่อิงเอ่ยขอในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะสมหวังหรือไม่ ตอนที่เส้าจื่อสังหารนางก็ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ ว่าจะได้มาอยู่ในร่างใหม่อีกครั้งเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจเชื่อได้เลยจริงๆ

ในขณะที่กำลังคิดเรื่องราวต่างๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามา สัมผัสแผ่วเบายามก้าวเดินทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคือสาวใช้ที่พึ่งออกไป ไป่อิงจึงหันมากวักน้ำล้างตัวต่อ

“พี่คือสาวใช้ของข้าหรือ” เอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ

“คุณหนูจำชิงหงไม่ได้หรือเจ้าคะ” เอ่ยถามออกไปในทันที พร้อมกับมองด้วยสายตาตัดพ้อเล็กน้อย ทำเอาคนที่นั่งอยู่ในถังถึงกับยิ้มแห้งเอ็นดู หากเป็นไป่อิงนางก็มีอายุยี่สิบแล้ว จึงมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเจ้าของร่างซึ่งมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี และสาวใช้อย่างชิงหง

“ถ้าข้าจะบอกว่าจำสิ่งใดไม่ได้เลยล่ะ พี่จะเชื่อหรือไม่” เอ่ยถามออกไปพร้อมกับมองหน้ารอฟังคำตอบ

“ยาที่คุณหนูกิน ทำให้ลืมทุกอย่างหรือเจ้าคะ”

ไป่อิงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ “อืม จะว่าเยี่ยงนั้นก็ได้ ไม่ดีหรือข้าจำสิ่งใดไม่ได้เช่นนี้”

“ดีสิเจ้าคะ บ่าวชื่อชิงหงเจ้าค่ะ อยู่กับคุณหนูมาตั้งแต่เจ็ดขวบ” สาวใช้รีบเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มดีใจ นางไม่อยากให้ผู้เป็นนายจดจำเรื่องของคุณชายจานซั่ว เพราะอาจจะทำให้เสียใจจนคิดสั้นอีก

“แล้วข้าเป็นใคร มีใครบ้างที่นี่” เมื่อได้โอกาสจึงเอ่ยถามทันที อีกฝ่ายก็เชื่อสนิทใจบอกเล่าทุกอย่างให้ฟัง จนยามนี้ไป่อิงรับรู้เรื่องราวสกุลว่านจนหมด

“ข้าชื่ออิงอิงงั้นหรือ ช่างบังเอิญยิ่งนัก” เมื่อได้ฟังนามเจ้าของร่าง คนที่มาจากยุคปัจุบัน และร่างที่ตายไปก่อนนี้ก็อดขันในโชคชะตาของตนไม่ได้

ยุคปัจจุบันนางนามว่า ลู่ไป่อิง พอมาเกิดใหม่เมื่อสิบปีก่อน ก็อยู่ในร่างของ จางไป่อิง พอตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ยังมีนามที่ตบท้ายว่า “อิง” อีก ไม่รู้เป็นเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตากันแน่

“ต่อไปพี่เรียกข้าว่า..ไป่อิง..นะ” 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel