ตอนที่2 หนูไม่มีทางไป
อาทิตย์กลับเข้ามาในบ้านในเวลาเกือบสองทุ่ม กลางโถงกว้างเมื่อตอนกลางวันมีคนงานอยู่พลุกพล่าน หากเวลานี้กลับเงียบสงัดไร้ใครสักคนที่ยังคงอยู่
แสงไฟส่องสว่างจากโคมไฟประดับหรูตรงเพดานสูงนั้นทำให้เขามองเห็นรอบตัวได้ชัดเจน สายตาทอดไปยังทิศทางด้านในใกล้กับห้องครัว แล้วจับตามองนิ่ง
‘คนพวกนั้นทำอะไรกัน แล้วนั่นคนงานบ้านแกทุกคนเลยหรือ’
แม่ถามขึ้นทันทีเมื่อเขาทำหน้าที่สารถีพาออกจากบ้านในช่วงบ่าย
‘ใช่มั้งครับ’
‘ใช่มั้ง? หมายความว่ายังไง แกจำคนงานในบ้านไม่ได้หรือไง แล้วอย่างนี้ปล่อยให้ใครต่อใครเข้ามาในบ้านได้ง่ายๆ งั้นหรือ’
‘ไม่ขนาดนั้นหรอกแม่ ถึงจำชื่อไม่ได้แต่ก็พอคุ้นหน้า ใครแปลกหน้าเข้ามาผมก็รู้’
‘ถ้าอย่างนั้นพวกที่จับกลุ่มนั่งเจียนใบตองอยู่ในบ้าน แกก็คุ้นหน้าทุกคนสินะ’
เขารู้ว่าแม่พยายามเลียบเคียงถามถึงบางคนที่นั่งรวมอยู่ในกลุ่มนั้น เขาเองก็เพิ่งสังเกตเห็นเธอตอนที่แม่พุ่งไปหานั่นละ
ดวงตาคมปรายมองไปทางด้านใน ก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ตรงไปหาอย่างเห็นเป้าหมาย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหนักๆ สามครั้ง จิณณาผุดลุกขึ้นนั่งหลังจากนอนเกร็งตัวอยู่นานนับสิบนาทีตั้งแต่ได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดแล้ว
โรงรถอยู่ใกล้กับห้องพักของคนงาน โดยเฉพาะห้องที่เธอมาอาศัยอยู่กว่าสัปดาห์ก็อยู่ด้านนอกและใกล้ที่สุด จึงย่อมได้ยินชัดเจนกว่าห้องอื่นๆ
“ออกมาคุยกันหน่อย”
เสียงห้าวคุ้นหูแทรกเข้ามาให้ได้ยิน จิณณาเกิดอาการละล้าละลัง เธอก้มมองเสื้อผ้าที่สวมนอนแล้วปรายตามองบานประตู หัวใจสาวเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อนึกว่าอีกฝั่งของบานประตูกั้นนั้น เจ้าของบ้านที่เธอพยายามหลบหน้ามาหลายวันกำลังยืนอยู่
“จิณณา ตื่นอยู่ไหม”
“ค่ะ”
หญิงสาวรีบขานรับเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นกว่าเดิม เพราะเกรงว่าห้องข้างๆ จะได้ยินเสียงของเขาด้วย
เรือนร่างกลมกลึงในชุดนอนเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขายาวเนื้อผ้านุ่มรีบพุ่งไปยังประตู บังคับตัวเองอย่างหนักเพื่อจะเปล่งเสียงบอกเขา
“ห้านาที ฉัน...จะออกไปพบคุณค่ะ”
หล่อนทำได้ไม่ดีนัก น้ำเสียงตะกุกตะกักที่เปล่งออกไปนั้นเจือความประหม่าอย่างปิดไม่มิด
เสียงฝีเท้าจากด้านนอกเคลื่อนห่างออกไปแล้ว หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีก้มมองความเรียบร้อยของตัวเอง เสื้อผ้าที่สวมใสก็ทะมัดทะแมงดีอยู่หรอก แต่การจะให้ออกไปพบเขา...ผู้ชายที่ดูน่ากลัวคนนั้น โดยไม่มีป้าแววแม่ครัวที่เธอสนิทสนมมากที่สุดในบ้านหลังนี้ จิณณาก็ไม่สบายใจเอาเสียเลย แถมตอนนี้ก็เป็นเวลากลางคืนอีกด้วย
แต่ก็นั่นแหละ ตราบใดที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ หล่อนก็ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านเข้าสักวัน
ลูกบิดประตูค่อยๆ หมุนคลายออก แล้วบานประตูห้องพักคนงานก็แง้มเปิด จิณณาจึงเร้นกายออกมา ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอกลั้นลมหายใจเพราะพยายามทำตัวเองให้เล็กจิ๋วที่สุด
หญิงสาวทำท่าจะก้าวไปตรงโซฟายาวที่ตั้งอยู่ เพราะคิดว่าเขาจะรอคุยอยู่ตรงนั้น หากต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเข้มดังอยู่ใกล้ๆ
“ตามฉันมา”
อาทิตย์มองแม่สาวผิวขาวผ่องหุ่นอวบอิ่มที่ทำท่าตกใจกลัวเมื่อเห็นว่าเขายืนอยู่ไม่ห่าง เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าความหงุดหงิดที่วิ่งเข้ามาหานั้น เกิดเพราะสาเหตุอะไรกันแน่
“คะ...คุณอยู่ตรงนี้หรือคะ”
คำถามตะกุกตะกักนั้น ทำให้คนถูกถามตวัดสายตามองอย่างหมั่นไส้โดยไม่ปิดอารมณ์สักนิด ก่อนเขาจะก้าวนำออกมา โดยไม่ทันเห็นว่าคนข้างหลังถึงกับทำคอย่น ขยับปากบ่นอุบโดยไม่มีเสียงเล็ดลอด
อาทิตย์เดินตรงไปยังโซฟาที่จิณณาหมายตาว่าเขารออยู่ตั้งแต่แรก เมื่อเขาหย่อนกายนั่งลง เจ้าหล่อนก็ขยับเท้าไปยืนอยู่เบื้องหน้าแล้วประสานมือพลางก้มหน้าอย่างรอรับฟัง
“นั่งสิ”
จนเสียงสั่งดังขึ้นนั่นแหละ จิณณาถึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา หากต้องหลบตาสายพลัน แล้วเดินตัวลืบไปนั่งบนเก้าอี้ที่หล่อนคิดดีแล้วว่ามีระยะห่างเหมาะสมพอ
“เธอคิดจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน”
“จิณ เอ่อ...หนูกำลังรองาน คิดว่าไม่เกินเดือนนี้ค่ะ”
“งานสำหรับเธอหาง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”
“คะ?”
“ฉันเห็นว่าช่วงนี้เด็กจบใหม่ตกงานกันเยอะ แล้วคิดยังไงถึงไม่ทำงานที่กรุงเทพฯ”
“หนูถูกให้ออกจากงานค่ะ บริษัทต้องการลดคนทำงาน หนูไม่มีรายได้ เลยคิดว่ากลับมาตั้งหลักที่นี่ดีกว่า”
“เธอหมายถึงตั้งหลักที่บ้านของฉันงั้นหรือ”
อาทิตย์เลิกคิ้วถาม จิณณาเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจหล่อนผิด จึงรีบแก้ไขความเข้าใจเสียใหม่ด้วยเสียงรัวเร็ว