บท
ตั้งค่า

วันแรกที่เจอกัน

รวงข้าว....

วันนี้เด็กๆตื่นเช้ากันเป็นพิเศษโดยที่ฉันไม่ต้องไปปลุกเลยค่ะ ขณะที่ฉันกำลังล็อคประตูบ้านอยู่เพื่อจะออกไปส่งเด็กๆที่โรงเรียน ก็เห็นทั้งสองคนหยิบรูปของดีเดย์ออกมาดูกันอย่างมีความสุข

ฉัยเลยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายเพื่อถ่ายรูปพวกแกและอัพลงไอจี

หลังจากส่งเด็กๆเรียบร้อยฉันก็รีบกลับมาบ้าน เพื่อทำความสะอาดบ้านซักผ้าถูบ้านรดน้ำต้นไม้ ให้เสร็จก่อนจะไปรับลูกอีกทีตอนบ่ายโมง

ฉันเข้าไปในห้องของลูกสาวทั้ง2คน เดินไปจัดเก็บข้าวของบนโต๊ะเขียนหนังสือ ก็ไปเจอกับรูปที่พวกแกวาด และคงจะเพิ่งวาดเมื่อวานนี้ เพราะในรูปวาดนั้นมีกันอยู่4คน และได้เขียนชื่อเอาไว้ด้วยว่าใครชื่ออะไร

?พ่อเดย์ ?พี่เดมี่? น้องเดลี่ ?แม่ข้าว

น้ำตาฉันไหลออกมาไม่รู้ตัว ฉันมองภาพนั้นอยู่นานเลยค่ะ และหวนคิดไปถึงวันแรกที่เจอกับเขา

ฉันในตอนนั้นเรียนอยู่มหาลัยค่ะอยู่ปี4

ฉันเป็นเด็กที่พ่อกับแม่นำมาทิ้งไว้ที่สถานกำพร้าตั้งแต่ฉันเกิด ฉันเติบโตมาโดยมีแม่ครูคอยอบรมสั่งสอน ฉันได้ทุนเรียนฟรีทุกปีตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมปลายเพราะผลการเรียนดีมาตลอด และฉันก็ยังได้ทุนเรียนมหาลัยชื่อดังอีกฉันดีใจมาก

พอขึ้นปี1เทอม2 ฉันก็เลยขอแม่ครูออกไปอยู่ข้างนอก ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่สำนึกบุญคุณแม่ครูหรอกนะคะ จากเมื่อก่อนมีแค่ไม่กี่สิบคนแต่ตอนนี้เกือบร้อยคนค่ะ สถานที่ก็เริ่มไม่เพียงพอต่อจำนวนเด็กที่เพิ่มขึ้น น้องๆตัวเล็กๆก็ต้องนอนเบียดกันทุกวัน ปะปนกันไปหมด ผ้าห่มก็แทบจะไม่เพียงพอต้องแบ่งกันห่ม ฉันจึงคิดว่าถ้าออกไปอยู่ข้างนอกคงจะดีกว่านี้ ให้น้องๆผู้หญิงได้มาใช้ห้องที่ฉันเคยอยู่ มันคงจะดี

ฉันลืมเล่าค่ะ รายได้หลักของที่นี่คือทุกคนต้องช่วยกันทำงานนะคะ ทั้งปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่เพื่อเก็บไข่ไปขาย ทุกวันจะมีแม่ค้ามารับไปขายอีกที แม่ครูจะไม่ขอรับบริจาคเงินจากคนข้างนอกเลยค่ะ แม่ครูบอกว่าคนเราต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ไม่ใช่ไม่มีใครมาบริจาคนะคะก็มีบ้างค่ะ คือมาด้วยใจที่รักเด็กจริงๆ มาเลี้ยงอาหารกลางวันบ้างมามอบของใช้เครื่องนุ่งห่ม บางคนก็มอบสมุดดินสอปากกา ให้เด็กๆที่นี่ แต่ถ้าใครจะเอาเงินมาให้แม่ครูๆจะไม่รับเงินเลยค่ะ แต่หากจะมอบทุนการศึกษาให้เด็กอันนี้แม่ครูไม่ว่า เพราะมันเป็นอนาคตของเด็กเอง แม่ครูเคยพูดให้ฉันฟังว่าไม่อยากให้คนนอกหรือใครก็ตามมาตราหน้าได้ว่าเอาความสงสารเด็กมาหากิน แม่ครูจึงไม่เคยรับเงินจากใครเลยแม้แต่บาทเดียว เงินที่ใช้จ่ายเลี้ยงดูเด็กที่นี่จึงมาจากการขายพืชผักที่ปลูกกันเองกับไข่ไก่ที่ช่วยกันเลี้ยงดูเท่านั้น

พอฉันออกมาอยู่ข้างนอกก็ทำงานทุกอย่างที่ทำได้ ทำตั้งแต่ ล้างจานร้านอาหาร เป็นพนักงานเสริฟ ส่งอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ฉันรับทำหมดค่ะ ขนาดฉันอยู่มหาลัยฉันก็ยังหารายได้เสริมโดยการรับจ้างล้างจานในช่วงพักทานข้าว แลกกับเงิน200บาท มันอาจจะฟังดูตลกนะคะ แต่ฉันทำมันจริงๆ ฉันไม่เคยอายเลยที่ต้องมายืนล้างจานในขณะที่คนอื่นๆเขาพักกัน ฉันทำแบบนี้ตั้งแต่ปี1จนถึงปี4 มันคงเป็นภาพที่ทุกคนชินตากันแล้วล่ะค่ะ ที่จะเห็นฉันมายืนล้างจานล้างแก้วอยู่ข้างหลังโรงอาหารของคณะที่ฉันเรียน อะไรที่ได้เงินฉันทำหมดค่ะ ขอแค่เป็นอาชีพสุจริต เพราะฉันต้องหาเงินจ่ายค่าเช่าห้อง จ่ายค่าน้ำค่าไฟอีก และฉันจะเก็บเงินในส่วนหนึ่งเอาไว้ไปช่วยเหลือแม่ครูที่บ้านเด็กกำพร้าที่ฉันเติบโตมา

หลังจากล้างจานเสร็จฉันก็รีบเดินไปที่ห้องเรียนทันที เพราะใกล้เวลาที่อาจารย์จะเข้าสอนแล้ว

พอเข้าไปในห้องก็ปรากฏว่าโต๊ะของฉันมีผู้ชายคนนึงนั่งอยู่ เขาคือดีเดย์ค่ะ ทำไมฉันถึงรู้จักงั้นเหรอคะ เพราะเขาคือคนที่ฉันแอบชอบยังไงล่ะ เขาเป็นเพื่อนกับเซย์เพื่อนร่วมคณะของฉันเอง ฉันกับเซย์นั่งข้างกันตลอดค่ะ และเวลาเซย์คุยโทรศัพท์กับเพื่อนของเขาฉันก็มักจะได้ยินเสมอ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าได้รู้จักดีเดย์ไปด้วย และเรื่องส่วนมากที่คุยกันก็คือเรื่องสาวๆนี่แล่ะค่ะ มันทำให้ฉันรู้ว่าแก๊งค์เขามีกัน3คน คือ เซย์ ดีเดย์ แล้วก็หมอก ดีเดย์กับหมอกเรียนอยู่อีกคณะหนึ่งค่ะ ฉันเคยเจอดีเดย์มาก่อนค่ะแต่เขาคงจะจำฉันไม่ได้

ตอนนั้นฉันอยู่ปี3ค่ะ ฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่ร้านกาแฟข้างมหาลัย เขาเดินเข้ามาสั่งกาแฟกับฉัน เขามาพร้อมกับสาวสวยคนนึงทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมาก คงจะเป็นแฟนกันมั้งฉันคิดแบบนั้นนะคะในตอนนั้นเพราะดูเขาเล่นกันหยอกล้อกันเหมือนแฟนกันจริงๆ สักพักมีผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาในร้านด้วยความไม่พอใจ ซึ่งฉันรู้จักดีเลยล่ะ เธอชื่อกันตาค่ะ เคยอยู่ด้วยกันกับฉันที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พูดง่ายๆก็คือเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันค่ะ เธอออกมาอยู่ข้างนอกก่อนที่ฉันจะออกมาอีกค่ะ เธอให้เหตุผลกับแม่ครูว่าจะไปอยู่กับเพื่อนๆอยากหาคนแชร์ค่าห้อง แม่ครูก็เลยอนุญาติให้เธอไป แต่เราไม่ได้สนิทกันหรอกนะคะ เพราะกันตามักจะพูดจากระแนะกระแหนฉันเป็นประจำ หาว่าฉันชอบทำตัวเป็นคนดีให้แม่ครูเอ็นดูสงสาร เธอยังกล่าวหาว่าฉันไปขอให้แม่ครูช่วยไปขอทุนให้ฉันเรียนมหาลัย ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด ซึ่งฉันก็ไม่อยากตอบโต้อะไร เพราะไม่อยากมีเรื่อง

กันตาเดินไปที่โต๊ะของดีเดย์และทำสิ่งที่ฉันและทุกคนในร้านตกใจ คือเธอยกกาแฟที่ฉันเพิ่งนำไปเสริฟให้สาดเข้าไปที่ตัวของผู้หญิงที่มากับดีเดย์

"เธอทำอะไรของเธอ ห๊า!! "

"แล้วนังนี่มันเป็นใคร ทำไมเดย์ต้องมากับมัน อ๋อ ที่ตาติดต่อเดย์ไม่ได้ก็เพราะนังผู้หญิงคนนี้ใช่มั้ย บอกมาสิ ทำไมเดย์ทำกับตาแบบนี้ เราเป็นแฟนกันนะ แต่เดย์กลับไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง ตาไม่ยอม ตาจะตบมัน"

"ฉันกับเธอเราไม่ได้เป็นอะไรกัน และเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรผู้หญิงคนนี้ เพราะถ้าเธอแตะต้องแม้แต่ปลายก้อยฉันไม่เอาเธอไว้แน่"

"ทำไม!!! รักมันมาก หลงมันมากใช่มั้ยถึงแตะต้องไม่ได้"

"เอออใช่ รักมาก แล้วเธอจะทำไม"

"กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดด ไม่จริง ตาไม่ยอม ตาจะตบมัน"

กันตาจะพุ่งเข้าไปตบผู้หญิงคนที่มากับดีเดย์แต่ดีที่เพื่อนของกันตาวิ่งเข้ามาและห้ามเอาไว้ได้ทัน

"เฮ้ยมึงหยุดบ้าได้แล้วอีตา"

"กูไม่หยุด กูจะตบอีผู้หญิงหน้าด้านที่มันบังอาจมาแย่งผัวกู"

"ฉันเนี้ยะนะผัวเธอ ผัวคนที่เท่าไหร่ล่ะ บอกมาสิ หรือมือเท้าทีมีมันนับพอ"

สะอึกไปเลยค่ะกันตา อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้คนที่อายคงจะเป็นกันตา

"กูว่ามึงกลับเหอะ มึงไม่อายแต่กูอายนะอีตา" เพื่อนของกันตาพยายามชวนกันตากลับแต่เหมือนจะไม่ได้ผล

"กูไม่กลับและกูก็ไม่อายด้วย กูจะต้องได้ตบอีคนนี้ก่อน"

"อีคนนี้ งั้นเหรอ??? เธอรู้มั้ยว่าผู้หญิงที่เธอด่าอยู่นี่เป็นใคร"

"ก็คนที่มันมาแย่งเดย์ไปจากตาไง!!!! "

"ฉันจะบอกเธอให้นะ ผู้หญิงคนนี้ที่เธอสาดกาแฟใส่แถมยังมายืนด่าอยู่นี่คือพี่สาวของฉัน และที่ฉันบอก ฉันไม่ได้กลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดแต่ฉันบอกเพราะฉันไม่อยากให้พีสาวของฉันเสียหายเพราะผู้หญิงไร้ยางอายแบบเธอ!!!

"พะ พะ พี่สาว"

"พอเหอะเดย์ เดียร์ว่าเรากลับกันเหอะนะเดย์ไม่อายแต่เดียร์อาย " ดีเดย์ถอนหายใจอย่างแรงมากเพื่อระงับความโกรธ ก่อนจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตให้พี่สาวใช้คลุมทับเสื้อนักศึกษาที่เปียกตอนนี้มันเต็มไปด้วยคราบกาแฟ ความจริงเขาควรจะถอดให้ตั้งแต่พี่สาวเขาโดนสาดละนะ เธอคิดในใจ ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel