ตอนที่ 4 ข้ารู้ดีใจท่านมอบให้ใคร
ตอนที่ 4 ข้ารู้ดีใจท่านมอบให้ใคร
ท่านราชครูเดินออกมาจากด้านใน ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาว่าร้าย เขาจึงชักสีหน้าอย่างหงุดหงิดใจ เมื่อครู่ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งการพ่อบ้านเฉิงแล้วว่าควรทำเยี่ยงไร ชายชรานั้นเข้าใจอย่างง่ายดาย ออกมาก็พบว่าคุณชายใหญ่ หรือท่านราชครูยังไม่เข้าวังหลวง เห็นยืนมองเหล่าสาวใช้กำลังแอบจับกลุ่มพูดจาเสียดสีฮูหยินน้อย
“คุณชายใหญ่ จะเข้าวังเลยหรือไม่ขอรับ” ชายชราแสร้งสอบถาม เห็นยืนนิ่งอยู่นาน อยากรู้เสียจริงว่าจะทำอันใดต่อไป จะรักษาชื่อเสียงฮูหยินน้อย หรือว่าจะปล่อยผ่านทำเป็นหูทวนลมกันเล่า
“ผู้ใดกล่าวว่าร้ายนาง จัดการลงโทษ แล้วขับออกเสีย” ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ก็รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างชอบกล ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางด้วย
“ขอรับ” พ่อบ้านเฉิงรู้สึกเอ็นดูคุณชายใหญ่ขึ้นมาทันใด แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ใจร้ายกับฮูหยินน้อยไปสักทีเดียว อาจเป็นเพราะว่าต้องการเพียงแค่รักษาน้ำใจของหวังเพ่ยอิง และก็ต้องรักษาหน้าของฮูหยินน้อยที่ถูกตกแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามประเพณีอันชอบธรรมอีกด้วย
หากให้คุณหนูหวังแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินรอง คงต้องเข้าประตูข้างเสียแล้ว ด้วยเพราะตำแหน่งต่ำกว่าฮูหยินเอก ซ้ำยังต้องเป็นรองเยี่ยงนี้ ในไม่ช้านี้คงมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นแน่
ถังเหมยหลินจับจูงมือเสี่ยวเปาเดินออกมาจากเรือนของแม่สามี เสี่ยวเปาเป็นเด็กรู้ความยิ่งนัก รู้ว่ายามนี้เหล่าสาวใช้กำลังมีเรื่องพูดคุยอย่างสนุกปาก
แม้เขาออกปากห้าม แต่พวกนางก็หาได้ฟังถ้อยคำที่เขาได้เอื้อนเอ่ยไม่ ก็ใช่นะสิ เขาเป็นบุตรชายของคุณชายรอง มารดาเขาเป็นแค่อนุเท่านั้น จะยิ่งใหญ่กว่าเจ้านายคนอื่นได้อย่างไรกัน
ยังนับว่าโชคดีที่ท่านย่าเมตตา ท่านปู่ตามใจ รวมถึงท่านลุงที่เหมือนไม่สนใจ แต่กลับเจ้ากี้เจ้าการเสียยิ่งกว่าบิดาของเขาเสียอีก
เมื่อนึกถึงบิดา สิบกว่าวันมานี้ ท่านพ่อไม่กลับบ้านเลย เขาต้องนอนคนเดียว รู้สึกหงอยเหงายิ่งนัก คิดว่าคืนนี้คงต้องมาขอนอนห้องท่านป้าสะใภ้กระมัง อาจทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นได้บ้าง
“เสี่ยวเปา มัวเหม่อลอยอันใดกัน” นางจับจูงมือก็สังเกตเห็นว่าหลานชายตัวเล็กสีหน้าสลด ราวกับว่ากำลังเสียใจเรื่องอันใดอยู่ ด้วยความเป็นห่วงจึงสอบถามความ
“ข้าคิดถึงท่านพ่อขอรับ สิบกว่าวันแล้วไม่ได้กลับบ้านเลย” ตำแหน่งบิดาคือหัวหน้าองครักษ์ ต้องทำงานหนักไม่กลับบ้านอย่างนั้นเลยหรือ เขามีบิดาแต่ไร้มารดาอุ้มชู อีกทั้งค่ำคืนก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ท่านพ่อจะรู้หรือไม่ว่าเขานั้นหนาวเหน็บอ้างว้างเพียงใด
“คุณชายรองเป็นถึงหัวหน้าราชองครักษ์ ตำแหน่งสูงส่งย่อมมีความสลักสำคัญมาก เอาไว้เสี่ยวเปาเติบโตขึ้นจะรู้เองว่า องครักษ์นั้นเป็นไม่ได้ง่ายดายนัก สองบ่าล้วนแบกรับความรับผิดชอบอันหนักหนา ขอให้เสี่ยวเปาอย่างได้คิดน้อยใจ หากท่านพ่อเจ้าไม่กลับ ก็อยู่กับข้าก็ได้ ดีหรือไม่”
เห็นสีหน้าเศร้าก็ยิ่งสงสาร เด็กหนอเด็กช่างไร้เดียงสายิ่งนัก คงเหงาน่าดู เพราะในจวนนี้มิได้มีเด็กอายุไล่เลี่ยกันเลยก็ว่าได้ ใครเล่าจะมาสนใจไยดีคุณชายน้อยผู้น่าสงสารคนนี้กัน
เหตุใดนางจึงไม่เห็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของเสี่ยวเปา เอาไว้ต้องสอบถามแม่สามีสักครา ปกติแล้วคุณชายย่อมต้องมีบ่าวรับใช้ข้างกาย
แต่เพราะเหตุใดเสี่ยวเปาจึงมักเดินไปโดยมิมีผู้ใดติดตามดูแลกัน หากเกิดอันตรายขึ้นจะทำอย่างไร เห็นทีว่าเรื่องนี้มิอาจนิ่งนอนใจได้
“ฮูหยินเจ้าคะ ส่วนผสมขนมจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ คุณชายน้อยรับรองวันนี้อิ่มจนพุงกางแน่ ๆ” อาชิงตื่นแต่เช้าตรู่ ออกไปซื้อวัตถุดิบเพื่อให้เจ้านายทำขนมให้เสี่ยวเปา คุณชายน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดู รู้สึกจวนนี้น่าอยู่ขึ้นมากกว่ามีท่านราชครูอยู่ด้วยเสียอีก
อีกทั้งท่านเขยยังมักวางท่าเมินเฉยนายสาวของนางเช่นนี้ไม่เหมาะสมนัก อาชิงกลับเข้าจวนทางประตูหลัง เห็นว่ามีเรือนอีกหลังกำลังทยอยตกแต่ง คงกำลังต้อนรับฮูหยินรองเข้ามาเป็นแน่ จิตใจของท่านราชครูทำด้วยอันใดกัน เหตุใดจึงเหยียดหยามตระกูลถังเยี่ยงนี้
เสี่ยวเปายิ้มกว้างอวดฟันขาวทีเดียว “ท่านป้าขอรับ ข้าขอมากหน่อยได้หรือไม่ อยากเก็บเอาไว้ให้ท่านพ่อขอรับ”
เขายังมีน้ำใจคิดถึงบิดา แม้ว่าจะไม่กลับบ้านมาหาเขา แต่ก็ยังเฝ้ารออยู่เสมอ แล้วยังน้อยใจท่านพ่อนัก ไม่ส่งข่าวมาให้เขารู้บ้าง ว่าทำไมกันจึงไม่กลับบ้าน หวงตี้ผู้นั้นสำคัญกว่าลูกชายของตัวเองหรืออย่างไร
เสี่ยวเปาอยากเห็นหน้าสักครั้ง อยากถามเหลือเกินว่า ทำไมถึงใช้งานบิดาของเขาหนักเยี่ยงนี้ มิให้กลับมาดูแลลูกที่อยู่บ้านบ้าง จู่ ๆ สีหน้าก็สลดลงเพราะน้อยใจ ดวงตาคมกริบกำลังเอ่อคลออย่างฉับพลัน ทำให้ถังเหมยหลินต้องรีบนั่งยองยกมือขึ้นมาแล้วกุมแก้มนุ่มนิ่มเอาไว้
“เสี่ยวเปาไม่ต้องน้อยใจนะ อยู่กับข้า ข้าจะดูแลเจ้าเองดีหรือไม่” การกระทำของหญิงสาว ล้วนอยู่ในสายตาของผู้เป็นสามี
เมื่อเขาเดินกลับเข้ามาในจวนอีกครั้ง และได้พบกับท่าทางแสนอ่อนโยนที่นางปฏิบัติต่อหลานชายผู้น่าสงสาร แววตาของนางช่างอบอุ่นและห่วงใยหลานชายมันแสดงออกมาว่านางมีแต่ความจริงใจไม่เสแสร้งแกล้งทำ
“เสี่ยวเปาเป็นอะไร คิดถึงพ่อเจ้าอีกแล้วรึ” โจวหย่งเล่ออดไม่ได้ย่อมต้องสอบถาม พร้อมกับยื่นมือให้ภรรยาสาวได้จับลุกยืนขึ้น
ถังเหมยหลินแปลกใจนัก จู่ ๆ เขาก็ยื่นมือให้นางจับ นางก็เลยยื่นมือแล้วเขาจึงดึงนางให้ลุกขึ้นยืน หัวใจดวงน้อย ๆ นี้หวั่นไหวอีกแล้ว ใจเต้นระรัวอีกแล้ว ยากจะข่มใจไม่ให้เต้นตึกตักช่างยากยิ่งนัก
“ขอรับท่านลุง ท่านพ่อไม่กลับบ้าน ข้าก็คิดถึงนะสิ มีแต่ท่านพ่อที่ไม่สนใจลูกคนนี้” ถ้อยคำตัดพ้อต่อว่า หากบิดาได้ยินแล้วเสียใจเขาจะดีใจมาก เขากำลังประชดประชันบิดา ที่ทำให้เด็กน้อยตาดำ ๆ คนหนึ่งเฝ้าคอยการกลับมาอยู่ทุกวี่วัน
การรอคอยมันช่างยาวนานและทรมานยิ่งนัก แม้จะอายุเพิ่งจะย่างเข้าหกหนาว แต่เขาก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กอยู่ บิดาก็ช่างใจร้ายนัก “ลืมข้าไปแล้วก็ได้” คำพูดประโยคสุดท้ายเอ่ยเสียงแผ่ว ๆ บางเบายิ่งนัก
“ใครคิดจะลืมเสี่ยวเปากัน ช่างน้อยใจเสียจริง พวกเราไปทำขนมกันเถิดนะ อย่ารบกวนท่านลุงเลย” นางเข้าใจว่าช่วงนี้เขาต้องรีบจัดการตกแต่งเรือนอีกหลัง เพื่อให้คนรักเข้ามาพำนักอยู่ในฐานะภรรยารอง แม้ว่าโม่ซื่อจะเพิกเฉย คล้ายไม่ยินดี แต่ก็ไม่อาจทัดทานบุตรชายได้ จึงจำใจปล่อยให้ท่านราชครูจัดการทุกสิ่งอย่างเอง
“หากท่านขาดสิ่งใด ให้พ่อบ้านเฉิงแจ้งข้าได้นะเจ้าคะ ข้ายินดีเจ้าค่ะ” นางยินดีให้เขามีความสุขบนความทุกข์ของนาง ขอได้มองเขา มองเงาของนางกับเขาได้ยืนเคียงใกล้ชิดกันเยี่ยงนี้ก็พึงพอใจแล้ว
“อาชิงพาเสี่ยวเปาไปก่อน ข้าอยากคุยกับนางตามลำพัง” เขาออกปากไล่สาวใช้เพราะต้องการพูดคุยเป็นส่วนตัว
อาชิงรู้งานดี จึงจับจูงมือคุณชายน้อยเดินออกไป ปล่อยให้นายสาวเผชิญชะตากรรมอันแสนรันทดเพียงลำพัง จิตใจของอาชิงไม่สงบนัก หวาดกลัวว่าท่านราชครูจะพูดจาหักหาญน้ำใจคุณหนูของนางอีก ครั้นจะดื้อดึงไม่ยอมฟังความ เกรงว่าท่านเขยจะต่อว่านายสาวของนางอีกเช่นเคย
“ท่านมีธุระอันใดจะคุยกับข้าหรือเจ้าคะ” เขาดูแปลกไป แต่ก็แฝงไปด้วยอันตรายไม่น้อย เพราะสายตาที่จ้องมองมาอย่างเคลือบแคลงสงสัย นางจะทำอย่างไรให้เขาเชื่อใจและมั่นใจว่า นางยินดียอมรับสตรีอีกคนของเขา หรือมากกว่านั้นหากเขาต้องการ ขอเพียงแค่ให้เขามีความสุข นางก็ล้วนยินดี
“เจ้าพูดออกมาจากใจจริง หรือกำลังแสดงละครตบตาข้ากันแน่” เขายังไม่ไว้วางใจในตัวนาง น้ำเสียงจึงแข็งกระด้างเยี่ยงนี้
ถ้อยคำนี้ได้ออกมาจากปากเขา ทำให้ถังเหมยหลินเจ็บแปลบเข้าให้อย่างจัง นางฝืนยิ้ม แต่เป็นยิ้มอันแสนชอกช้ำใจ “เหตุใดท่านจึงมองข้าในแง่ร้าย ข้ากระทำสิ่งใดให้ท่านไม่พอใจ หรือทำให้ท่านลำบากใจอย่างนั้นนะรึ
สิบปีที่ข้ากับท่านเป็นคู่หมั้น ข้ามิเคยตามราวี หรือประกาศตัวแสดงเป็นเจ้าของท่านสักครา ยามนี้ได้แต่งงานกับท่าน ข้าก็ขอแค่ให้ท่านเหลียวมองข้าบ้าง โปรดหยุดวาจาถากถางเชือดเฉือนใจข้า
ข้ารู้ว่าท่านไม่มีทางเหลียวมองมาที่ข้า แต่ข้าขอเพียงแค่... ได้อยู่ใกล้ ๆ ท่าน แบบนี้ เพียงเท่านี้ที่ต้องการ ขอร้องอย่าได้พูดตอกย้ำอีกเลย เพราะข้ารู้ดีว่า ใจท่านมอบให้ใคร” กล่าวจบนางก็รีบหันหลังพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตา ที่จู่ ๆ มันก็ไหลลงมาเสียอย่างนั้น
นางเดินไปแล้ว เขารู้สึกผิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน จะกล่าวขอโทษ แต่นางก็เดินไปแล้ว จึงทำได้เพียงขอโทษนางผ่านสายลม วานให้นำพาถ้อยคำนี้มอบให้แก่นางด้วย “ข้า...ขอโทษ”