หากข้าร้าย ท่านพี่ชอบหรือไม่ (จีนโบราณ)
บทย่อ
คำโปรย เมื่ออ่อนโยนแสนดีสามีไม่ชอบมักหมางเมิน พูดจาหาได้รักษาน้ำใจของนางไม่ เช่นนั้นภรรยาผู้นี้จะร้ายให้ท่านดู เพราะนางร้ายกว่าที่ใคร ๆ คิดเสียอีก เรื่อง ถังเหมยหลินมิเคยได้รับความรักจากสามี และยินดีให้เขาสมรสกับสตรีที่รักปักใจ นางทำได้เพียงมองเงาของตนและเขาเท่านั้น แม้ว่าจะรู้สึกปวดใจทุกคราที่เห็นพวกเขาทั้งสองได้จับจูงมือเดินเคียงข้างกัน นางมองดูมือคู่นี้ด้วยหัวใจอันปวดร้าว ไม่มีครั้งใดเลยที่เขาจะกอบกุมมือนางเช่นนั้นบ้าง และไม่มีครั้งไหนเลยที่ถังเหมยหลินไม่รักเขา เพราะรักมากจึงไม่อาจ หักห้ามใจ ยังคงเฝ้าคะนึงหา แม้กลายเป็นเพียงรักข้างเดียว นางมิเสียดายที่ได้รัก ถึงแม้จะเป็นภรรยาที่ถูกสามีหมางเมิน หรือกลายเป็นสตรีไร้ค่าในสายตาของเขา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ยังยินดีจะมองดูเขาอยู่เยี่ยงนี้ มองดูเงาของเขาและนางได้ใกล้ชิดเคียงคู่กัน เพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว นางล้วนยินดี... ยินดีกับผีนะสิ!...หากข้าร้าย ท่านพี่ชอบหรือไม่
ตอนที่ 1 ถูกหมางเมิน
ตอนที่ 1 ถูกหมางเมิน
ค่ำคืนแต่งงานที่มีค่ามากกว่าทองพันช่าง กลับมลายหายไปสิ้น เมื่อผู้เป็นสามีได้เอ่ยถ้อยคำหนึ่งขึ้นมา ท่ามกลางแสงโคมไฟสลัว ๆ บรรยากาศพลันเงียบเหงาไปทันใด “โปรดจงจำเอาไว้ว่าเจ้า เป็นเพียงภรรยาในนาม มิได้มีเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้”
“เจ้าค่ะ หากท่านปรารถนาแต่งงานกับนาง ข้ามิได้กล่าวโทษ ขอเพียงแค่ท่านพอใจจะทำสิ่งใด ข้าล้วนยินดี” ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวกลับซ่อนรอยยิ้มซึ่งอาบไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ นางค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกด้วยมืออันสั่นเทาแล้วเบือนหน้าหนีพร้อมกับบาดน้ำตาให้เหือดหาย
ถังเหมยหลินเงยหน้าสบตากับเขา แล้วฝืนยิ้มขึ้นว่า “ท่านประสงค์สิ่งอื่นอีกหรือไม่” กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ มือนุ่มวางอยู่บนตัก เก็บซ่อนความโศกเศร้าเอาไว้ รู้สึกอ้างว้าง และโดดเดี่ยวเหลือเกิน
ชายหนุ่มสวมชุดสีแดงนั่งลงบนเก้าอี้ ทอดสายตาคมกริบมองดวงหน้าอันงดงาม เห็นดวงตาหม่นหมองก็อดสงสารไม่ได้ จึงเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มขึ้นว่า “ขอโทษด้วยที่ข้าไม่อาจ มอบความรักให้เจ้าได้”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจว่าท่านรักนางเพียงใด ท่านพี่สบายใจได้ หากท่านรับนางเข้ามา ข้าจะดีกับนางให้มาก” นางเอ่ยขึ้นด้วยความรักสุดหัวใจ เพื่อเขาแล้วแม้จะเจ็บปวดสักเพียงใด เพื่อเขาแล้วแม้จะต้องทุกข์ระทมเพียงใด นางก็ล้วนยินดี ขอแค่ได้มองเงาของเขาและตนเคียงคู่กัน เพียงเท่านี้ เพียงเท่านี้จริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พักเถิด ข้าจะไปนอนห้องหนังสือ” ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีแดงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ปล่อยให้เจ้าสาวนั่งเดียวดายอยู่บนเตียงตามลำพัง
หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นจากเตียง ทอดสายตามองไปยังอาหารคาวหวาน วางเอาไว้บนโต๊ะ สุราอีกหนึ่งกา เขาก็ไม่ได้ดื่มกับนาง อาหารมื้อนี้เขาก็เลือกจะปฏิเสธมัน นางหัวเราะเยาะ หยาดน้ำตาได้ไหลลงมาแล้ว
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเขย” อาชิงเปิดประตูเข้ามาด้วยความงงงวย นางนั่งอยู่นอกห้อง แต่กลับพบว่าท่านเขยเดินออกไปหน้าตาเฉย เมื่อมองไปยังอาหารยังคงอยู่เหมือนเดิม
“หิวหรือไม่ มา...มานั่งลงรับอาหารมื้อนี้ด้วยกัน” นางพยายามควบคุมสติแล้วเดินมาหยุดหน้าโต๊ะสำรับ มองดูอาหารมากมายด้วยหัวใจอันแตกสลาย สิบปีที่เฝ้ารักคะนึงหาเขามาตลอด แต่ใจเขากลับมอบให้สตรีอีกนาง
ดังนั้นแล้ว .... ถังเหมยหลินทำได้แค่...ทำใจยอมรับมันให้ได้ ในเมื่อสมรสครั้งนี้มิอาจปฏิเสธได้ ชะตากรรมอันแสนเจ็บปวดนี้ นางพร้อมจะยิ้มรับมันด้วยความขื่นขม
“แต่ว่านี่คืออาหารมงคลนะเจ้าคะ” อาชิงไม่กล้าจริง ๆ เห็นอาหารวางเรียงรายเยี่ยงนี้ก็หดหู่เสียใจยิ่ง ทั้งสงสารและเห็นใจคุณหนูผู้แสนอ่อนโยน ทำไมกันท่านเขยเลือกที่จะเย็นชากับฮูหยินของตนถึงเพียงนี้
“แล้วอย่างไร ในเมื่อในห้องนี้มีแค่ข้ากับเจ้า” ผู้กล่าวนั่งลงแล้วจับตะเกียบ ยกมือขึ้นตีลงที่เก้าอี้เบา ๆ เป็นเชิงบอกสาวใช้ให้รีบมานั่ง “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” นางกล่าวขึ้นอีกครา แล้วลงมือทานอาหารอย่างเงียบ ๆ
ส่วนชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง นั่งอยู่ในห้องหนังสือ เบื้องหน้ามีโต๊ะตัวใหญ่ ด้านบนมีตำรามากมาย รวมถึงรายงานเรื่องลับที่ซุกซ่อนเอาไว้ ทางด้านหลังบนชั้นวางหนังสือ เขาเอื้อมมือหยิบม้วนกระดาษซุกซ่อนอยู่ในกล่องไม้เล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ คลี่มันออกมาอ่าน
“ท่านราชครูขอรับ ฮูหยินเรียกอาชิงเข้าไปแล้ว” พ่อบ้านเฉิงกล่าวรายงาน เพราะได้รับหน้าที่อันสลักสำคัญยิ่งคือจับตาดูฮูหยินน้อยและสาวใช้นามว่าอาชิง
“อืม พรุ่งนี้เช้าแจ้งนางด้วยว่า ต้องไปยกน้ำชาให้ท่านแม่กับท่านพ่อ” ชายหนุ่มยังคงไม่ละสายตาจากกระดาษแผ่นเล็ก ๆ คิ้วของเขาขมวดมุ่นด้วยความหงุดหงิดใจนัก
“ขอรับ” ชายชราตอบกลับแล้วจึงหมุนกายกลับไปยังเรือนด้านหน้า
ทางด้านคุณหนูหวังกำลังดื่มสุราดับความกลัดกลุ้ม ว้าวุ่นใจยิ่งนัก คืนนี้เขาคงเข้าหอกับถังเหมยหลินแล้วเป็นแน่ มือเรียวหยิบจอกสุรา ใบหน้าสะสวยแดงก่ำ ท่วงท่าเอนเอียงซวนเซแทบจะล้มพับลงได้ทุกเมื่อ
ยามเมื่อหยัดกายลุกขึ้นยืน ในมือยังคงถือจอกสุราเอาไว้ “ดื่มให้กับความรักที่โง่งม ดื่มมันย้อมใจข้า แต่ทำไมยิ่งดื่มกลับยิ่งปวดร้าวนักเล่า”
“คุณหนูเจ้าคะ เลิกดื่มเถิดเจ้าค่ะ หากท่านราชครูทราบเข้าจะถูกตำหนิเอาได้นะเจ้าคะ” สาวใช้ตักเตือนด้วยความหวังดี พร้อมกับ ให้บ่าวรับใช้ไปแจ้งข่าวแก่ท่านราชครูว่ายามนี้คุณหนูกำลังดื่มสุราเพื่อดับทุกข์
“ตำหนิแล้วอย่างไร คืนนี้เขาคงกลายเป็นของสตรีผู้นั้นไปแล้ว คืนนี้เขากับนางคงแนบชิดกัน...คง...” นางร้องไห้ออกมาไม่หยุด พร่ำเพ้อรำพึงรำพันต่อว่าคนรักไม่หยุดหย่อน ค่ำคืนอันแสนหวานนี้ย่อมจบลงบนอย่างไร นางหรือจะไม่ทราบความ
“คำสัญญาของข้ากลายเป็นดั่งลมปากไปแล้วหรือ ไยเจ้าไม่เชื่อบ้างเล่า” ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน พบเห็นนางกำลังตำหนิเขาเยี่ยงนี้จิตใจก็ห่อเหี่ยวยิ่งนัก เขากระโดดลงมาจากหลังคาแล้วใช้ปลายเท้าแตะพื้นเบา ๆ ก็มาถึงยังเรือนนอนของนางแล้ว
“ข้าคิดว่าคืนนี้ท่านกับนาง” หวังเพ่ยอิงรีบก้าวเท้าเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น แนบใบหน้านวลลงแผงอกของเขา ความเปียกชื้นไหลซึมจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ เขายกมือขึ้นมาแล้วลูบไล้เส้นผมสลวยของนางอย่างอ่อนโยน
“ข้ากับนางล้วนไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด อิงเอ๋อร์เหตุใดจึงดื่มหนักเช่นนี้ รอข้านะ ข้าจะแต่งงานกับเจ้าในไม่ช้า ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน” ราชครูหนุ่มมองหญิงคนรักเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งเห็นใจและสงสาร
เขาได้ตกลงกับถังเหมยหลินเอาไว้แล้วว่า หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนจะแต่งงานกับหวังเพ่ยอิง นางตอบตกลงไม่แง่งอนหรือบ่ายเบี่ยง ดังนั้นเขาย่อมต้องให้เกียรตินางเช่นเดียวกัน
“ข้าเชื่อใจท่านได้ ใช่หรือไม่” หวังเพ่ยอิงยังคงอิงแอบแนบชิดกับเขา ด้วยหัวใจอันสั่นไหว
“ข้ากับนางร่วมคำนับฟ้าดิน เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง ส่วนเจ้า ข้าต้องแต่งเจ้าเข้ามาเป็นภรรยารอง เสียใจหรือไม่” เขาสอบถาม ตำแหน่งฮูหยินเอกอย่างไรก็ย่อมต้องเป็นถังเหมยหลิน
เพราะได้หมั้นหมายกับนางมาสิบปีแล้ว อีกทั้งมารดาและบิดาล้วนชื่นชอบนาง กิริยาอ่อนหวานเพียบพร้อม กระทั่งท่านน้าโม่ฮองเฮายังเอ็นดู เป็นเช่นนี้แล้ว เขาหรือจะกล้าขัดใจ
“ข้าไม่เสียใจ ขอแค่ท่านรักษาคำพูดก็พอ ข้าจะคอยท่านนะ” นางผละออกจากอ้อมกอดของท่านราชครู แล้วเขย่งปลายเท้าจุมพิตที่ริมฝีปากหยักอย่างอ่อนโยน ทำให้สาวใช้ตกตะลึงชะงักงันต้องรีบหันหลัง
เขาไม่ปฏิเสธการจุมพิตนี้ โต้ตอบนางด้วยความคุ้นเคย จากนั้นจึงผละริมฝีปากออกจากกลีบปากนุ่มของนาง แล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “อิงเอ๋อร์ เมามากแล้วเข้าไปนอนเสียเถิด”
“คืนนี้ท่านนอนกับข้าได้หรือไม่ ข้ากลัวว่าท่านจะกลับไปนอนกับนาง” นางออดอ้อนเสียงหวาน โอบกอดเขาอย่างยั่วยวน หวังว่าคืนนี้เขาจะนอนกุมมือกับนางจวบจนฟ้าสาง
“ชายหญิงยังไม่ได้แต่งงานกัน มิควรใกล้ชิดกันจนเกินงาม” เกรงว่าไม่อาจทำตามใจนางได้ หากรู้ถึงหูมารดาและท่านน้าฮองเฮาอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งตำแหน่งราชครูอาจถูกปลดก็ได้
“ก็ท่านกำลังจะแต่งงานกับข้า ไยต้องยึดธรรมเนียมคร่ำครึนั้นด้วย” หลังจากที่ท่านราชครูกลับไปแล้ว หวังเพ่ยอิงยังคงนั่งดื่มสุรา แล้วกำชับสาวใช้ให้ทำเรื่องบางอย่าง
“เจ้าค่ะคุณหนู หากปล่อยข่าวนี้ออกไป แล้วสืบทราบมาถึงพวกเราจะทำอย่างไรเจ้าคะ” สาวใช้ขมวดคิ้ว เกรงว่าอาจถูกจับได้แล้วจะได้รับโทษโบย ปล่อยข่าวทำร้ายชื่อเสียงฮูหยินของท่านราชครู
เบื้องหลังของคุณหนูถังเป็นผู้ใดกัน ใครเล่าจะไม่รู้ บุตรสาวคนเล็กของใต้เท้าถังเจ้ากรมกลาโหม คุณชายใหญ่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ คุณหนูรองยังมีตำแหน่งท่านหญิงพระราชทานอีก
เช่นนี้แล้วโทษจะหนักหนาเพียงใดหากมีข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ออกจากปากของนาง และผู้บงการก็คือนายสาวซึ่งเป็นคนรักของท่านราชครู เพียงคิดก็รู้สึกถึงหายนะ จะมาในไม่ช้า
หวังเพ่ยอิงยืนกรานหนักแน่น “จะทำอย่างไร นางก็กลายเป็นฮูหยินที่ถูกสามีทอดทิ้งในวันแต่งงานอย่างไรเล่า ช่างสาแก่ใจข้านัก ถังเหมยหลินอย่าคิดว่าเจ้าจะชนะข้าได้นะ ข้าไม่มีวันยอม!”