บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

เขาเคลียริมฝีปากอยู่ตรงขมับ เลื่อนไล้ไปตามเรือนผมที่สลวยงามเหมือนใยไหม

“นั่นมันเป็นอดีตนะ คุณควรจะลืมมันได้แล้ว”

“ฉันลืมไม่ได้หรอกค่ะ” เธอส่ายศีรษะอยู่ไปมา “ฉันอดนึกถึงการที่ฉันกับเบลคต้องเป็นปากเสียงกันก่อนที่เขาจะเดินทางไปใต้ไม่ได้” ดิน่าถอนใจออกมาเบาๆ “เขาอยากให้ฉันไปส่งเขาที่สนามบิน แต่ฉันปฏิเสธ” อีกครั้งหนึ่งที่เธอทอดถอนใจออกมา ทั้งโกรธเคืองและเสียใจในการกระทำของตนเอง “เรามักจะทะเลาะกันด้วยเรื่องที่มันไร้สาระอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อมาคิดดูตอนนี้แล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเขลาเสียจริงๆ ”

“คนหัวแข็งมาพบกับคนหัวแข็งมันก็เป็นอย่างนี้ละ” เชทจ้องลึกลงไปในดวงตาที่ฉายแววเศร้าเสียใจคู่นั้น “ผมก็คงเหมือนเบลคนั่นแหละ คือชอบผู้หญิงใจแข็ง”

คำพูดล้อๆ ประโยคนั้น ทำให้เขาได้เห็นรอยยิ้มจากเธอ

“สงสัยว่าฉันจะต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะนี่”

ดวงตาของเชทเป็นประกายเรืองโรจน์ขึ้น แววเล่นหัวหายไป

“และผมก็รักคุณเพราะความเป็นคนใจแข็งนั่นเองดิน่า” เขาโอบแผ่นหลังเล็กๆ ของเธอไว้ “แล้วผมก็รักในความเป็นผู้หญิงของคุณด้วย”

เขาโน้มศีรษะประทับจุมพิตลงอย่างดูดดื่ม และเธอก็สนองตอบจุมพิตนั้นในลักษณะเดียวกัน เชทไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเธอมากไปกว่าที่เธอเต็มใจจะให้ ซึ่งความเข้าใจที่เขามีต่อเธอนั้นทำให้เธอพึงใจในตัวเขายิ่งนักและหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ดิน่าก็ซุกร่างอยู่ในอ้อมแขนนั้น แนบแก้มลงกับไหล่ รอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้า

“รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังล่ะ” เขาไล้ปลายนิ้วอยู่บนโหนกแก้ม

“อือ...”

“คุณคิดอะไรอยู่นะตอนที่ผมเข้ามา”

เธอลูบไล้ฝ่ามืออยู่กับอกเสื้อของเขา

“ไม่รู้สิ คงกำลังตั้งความปรารถนาอยู่ละมั้ง”

“ตั้งความปรารถนาเรื่องอะไร”

ดิน่าอึ้งไป เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมีความปรารถนาเรื่องอะไรเหมือนกัน แต่ในที่สุดก็ตอบเขาว่า

“คือ ที่จริงเรายังไม่ควรจะบอกให้ใครรู้เกี่ยวกับเรื่องการหมั้นครั้งนี้เลย ควรจะเก็บไว้เป็นความลับสักระยะหนึ่งก่อน แล้วฉันก็ไม่อยากให้มีการเลี้ยงฉลองการหมั้นในครั้งนี้ด้วย

“ก็ไม่ได้มีใครอื่นอีกนี่นา มีแต่เฉพาะคนในครอบครัวกับเพื่อนสนิทบางคนเท่านั้น ยังไม่ได้ประกาศเป็นทางการสักหน่อย” เชทตอบ

“ฉันรู้” ปรกติแล้ว ดิน่าไม่เคยมีความยุ่งยากลำบากใจเลยที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา แต่กระนั้น ความไม่แน่ใจในความคิดของตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจที่จะพูด

มันมีอะไรบางอย่างที่รบกวนจิตใจของเธออยู่ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรเท่านั้น มันก็ไม่เชิงว่าเธอมิได้รอจนถึงเวลาอันสมควรก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานใหม่อีกครั้ง เพราะเวลาก็ล่วงเลยมาตั้ง 2 ปีครึ่งแล้ว นับแต่วันที่เบลคหายตัวไป และก็เกือบปีแล้วที่ทางการของอเมริกาใต้ได้แจ้งให้เธอทราบว่า ได้มีการค้นพบซากปรักหักพังของเครื่องบิน ซึ่งไม่มีใครเหลือรอดชีวิตมาเลย

และมันก็ไม่เชิงว่าเธอจะไม่รักเชทเสียทีเดียว หรือรักเขาเช่นที่เธอเคยรักเบลคมาแล้ว ความรักในครั้งนี้ของ เธอดูจะเป็นความรู้สึกทางอารมณ์ที่อ่อนโยนนุ่มนวล และลึกซึ้งกว่าเสียด้วยซ้ำ

“ที่รัก” รอยยิ้มของเชทบอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีความอดทนอย่างมาก “ถึงยังไงเราก็จะปิดบังเรื่องการหมั้นหมายไว้ไม่ให้พวกญาติๆ หรือเพื่อนสนิทรู้น่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะคุณจะต้องรู้ว่า คนพวกนี้เขาก็ต้องการเวลาที่จะทำใจให้ยอมรับว่าคุณน่ะไม่ใช่มิสซิส แชนดเลอร์อีกต่อไปอยู่เหมือนกันนะ”

“มันก็จริงอยู่หรอก” ดิน่าตอบอย่างยอมรับ การรับรู้หรือทำใจดังกล่าวไม่ใช่จะมาเปลี่ยนแปลง หรือก่อให้เกิดขึ้นเพียงชั่วแค่ข้ามคืน

เสียงประตูห้องสมุดเปิดออก ผู้หญิงสูงอายุในชุดสีดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น รอยยิ้มอย่างเอ็นดูฉาบอยู่บนริมฝีปาก เมื่อมองเห็นภาพดิน่ากับเชทที่อยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ซึ่งทำให้ดิน่ายืนตัวแข็งไปชั่วขณะ และแล้วก็บังคับใจตัวเองให้ผ่อนคลายความตึงเครียดลง

“นั่นไง เรากำลังแปลกใจกันอยู่ทีเดียวว่าเธอสองคนหายไปไหน” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้น “ถึงเวลาที่ควรจะต้องกลับออกไปร่วมวงกับเขาข้างนอกนั่นแล้วนะ เขากำลังจะดื่มอวยพรให้เธอสองคนกันอยู่แล้ว”

“เดี๋ยวจะออกไปค่ะ คุณแม่แชนดเลอร์” ดิน่าตอบผู้หญิงคนนั้นซึ่งเป็นมารดาของเบลค หรืออีกนัยหนึ่งคือมารดาสามีของเธอนั่นเอง

“ถ้าเธอสองคนไม่ออกไป ฉันเกรงว่าพวกนั้นเขาจะต้องแห่กันเข้ามาในนี้ ซึ่งคงจะไม่มีที่ให้เขานั่งกันพอ หรอก”

“เดี๋ยวเราออกไปครับ คุณแม่แชนดเลอร์” เชทเสริมในคำพูดของดิน่า ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็พยักหน้ารับพร้อมกับปิดประตูลงและเชทก็หันมามองดิน่า “คุณคิดว่าจะมีทางพูดอะไรให้คุณแม่แชนดเลอร์แต่งสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำนี้บ้างไหมนะ”

“ฉันไม่ค่อยแน่ใจหรอก” เธอเบี่ยงกายออกจากวงแขนของเขา รอยยิ้มเยาะๆ ฉาบอยู่บนเรียวปาก “นอร์ม่าแชนดเลอร์ ต้องการจะเป็นตัวแทนของความเศร้า”

เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ดิน่าแต่งงานกับเบลคสามีของเธอคือ คีล แชนดเลอร์ ก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยโรคหัวใจ และนอร์ม่าก็สั่งซื้อแต่เฉพาะเสื้อผ้าชุดสีดำมาสวมใส่เพื่อไว้ทุกข์ให้กับสามี เธอเกือบจะออกทุกข์อยู่แล้ว ตอนที่ได้รับข่าวว่าเครื่องบินของเบลคหายสาบสูญไป และนอร์ม่าก็ตัดสินใจแต่งชุดดำติดต่อกันมาโดยตลอดไม่ทันที่จะได้รับข่าวอย่างเป็นทางการว่าลูกชายของเธอได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยซ้ำ

“ที่จริงเขาก็เห็นด้วยกับการแต่งงานของเรานะ คุณก็รู้ใช่ไหม” เชทถาม

“ค่ะ เขาเห็นด้วย“ ดิน่าตอบ “เพื่อเห็นแก่การดำเนินงานของบริษัท” และกับความจริงที่ว่ามันควรจะมีแม่หม้ายแชนดเลอร์เพียงคนเดียวไม่ใช่สองคน แต่ดิน่าไม่ได้กล่าวออกมาเป็นคำพูด เธอรู้ว่าถ้าพูดออกไปเช่นนั้นแล้วมันคล้ายกับจะไร้ความปรานีต่อแม่ของสามี ในเมื่อนอร์ม่าก็มีความรักใคร่ในตัวเธออยู่ไม่น้อย

“คุณแม่แชนดเลอร์ไม่ยอมเชื่อเลยนะว่าคุณสามารถบริหารงานของบริษัทได้ทั้งที่คุณก็ทำมาโดยตลอด” เชทส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจ

“แต่ฉันก็คงทำได้ไม่ตลอดหรอกค่ะ ถ้าไม่มีคุณ” ดิน่าพูดตามความจริง แต่ไม่ถึงกับเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกในบุญคุณมากมายอะไรนัก

“ผมก็อยู่เคียงข้างคุณอยู่แล้ว” เขาโอบแขนลงรอบเอวเมื่อเธอจะออกเดินไปทางประตู “เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คุณคงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

ขณะที่เชทเอื้อมไปเปิดประตูห้องสมุดให้นั้น แวบหนึ่งมีความทรงจำผ่านเข้ามาในดวงความคิดของดิน่าเมื่อคิดไปถึงว่าตอนที่นอร์ม่า แชนดเลอร์ เปิดประตูห้องนี้เข้ามาในครู่ก่อนนั้น เธอให้สงสัยใคร่จะรู้ว่ามารดาของสามีจะมีความคิดเช่นที่เธอกำลังคิดอยู่ในขณะนี้หรือไม่

เพราะครั้งหนึ่งเมื่อมิสซิสแชนดเลอร์เปิดประตูห้องสมุดเข้ามา เธอเคยได้เห็นภาพดิน่าที่กำลังนั่งอยู่บนตักของเบลค ซึ่งรวบร่างเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแสนรัก แต่ครั้งนี้เธออยู่ในอ้อมแขนของเชทแทนที่จะเป็นเบลค และเธอกใคร่รู้ต่อไปอีกด้วยว่า มารดาของสามีจะมองเห็นในความแตกต่างระหว่างบุรุษทั้งสองเช่นที่เธอมองเห็นอยู่ในเวลานี้หรือไม่

ในระยะเวลา 2-3 เดือน ภายหลังจากไม่แน่ใจในโชคชะตาของเบลคได้ผ่านพ้นพ้นไป และมีเวลาพอที่จะมองย้อนไปดูภาพของเหตุการณ์ที่ผ่านมา ดิน่าพยายามจะมองให้เห็นภาพที่ว่า ระยะเวลา 2 ปีครึ่งที่ผ่านไปนั้นจะเป็นอย่างไรถ้าเบลคยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตสมรสระหว่างเธอกับเขาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถึงช่วงเวลาจะผ่านไปนานกว่านี้ สภาพความขัดแย้งระหว่างกันก็คงจะต้องเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป

ตรงจุดนี้เองที่ทำให้เชทเป็นบุคคลที่มีค่าสำหรับเธอและช่วงเวลาที่ดิน่าทำงานร่วมกับเขา ก็มักจะเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าพอใจ ภายใต้อิทธิพลการสนับสนุนของเขาเธอได้พบว่าตัวเองมีความสามารถเชี่ยวชาญ และเต็มไปด้วยศักยภาพที่เธอมิได้รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองมีสิ่งนี้อยู่ สติปัญญาของเธอถูกนำออกมาใช้อย่างถูกทาง และเป็นเป็นไปในรูปแบบของการสร้างสรรค์ ซึ่งทำให้เธอได้ความรู้เพิ่มขึ้นแทนที่จะใช้ความรู้นั้นมาลับฝีปากไว้ทะเลาะทุ่มเถียงกับเบลค

นับแต่วันที่เบลคหายสาบสูญไป ดิน่ากลายเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น สามารถจะตัดสินใจในทุกสิ่งทุกอย่างได้ด้วยตนเอง และเธอก็ยกเครดิตในความเปลี่ยนแปลงของตัวเองไปในทางที่ดีนี้ให้กับเชท

ความหม่นหมางในใจมลายไปเมื่อเธอกับเชทเดินออกไปร่วมกลุ่มกับแขกที่มาในงานเลี้ยง ซึ่งจัดขึ้นในห้องโถงกลางของตัวบ้าน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำใจให้สนุกกับงานเลี้ยงฉลองการหมั้น ไม่ว่าจะด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel