บทที่ 5
ชายหนุ่มเดินไปยังลานจอดรถ เพื่อกลับไปพักผ่อนบ้าง เขาเฝ้าเพียงเพ็ญมาเกือบทั้งคืน และอาการเพ้อละเมอยามไม่รู้ตัวของพี่สาว ทำให้พศุตม์ตัดสินใจเด็ดขาดว่าเขาจะไปหาพี่เขย อาทิตย์จะต้อนรับเขาไหมนะ ชายหนุ่มถอนใจ มือควานไปที่กระเป๋ากางเกง และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ตอนนี้เขาต้องการเพื่อนสักคนที่จะไปกับเขาด้วย อย่างน้อยก็อุ่นใจ และพอจะให้เขาปรึกษาปัญหาคับอกได้บ้าง ชายหนุ่มนึกขำตัวเอง เมื่อเผลอมองใบหน้าเคร่งเครียดที่สะท้อนตอบกลับมาของเขาในกระจกส่องหลัง หลังจากที่เขาขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ นี่เขาหน้าตาดูแก่ราวกับคนอายุสามสิบก็ไม่ปาน มิตรแท้ที่จะช่วยเหลือเขาปรับความทุกข์ได้บ้างก็คงจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น...
“ว่าไงวะ มีอะไร?” ปลายสายตอบมาเสียงงัวเงีย พศุตม์มองนาฬิกาที่ข้อมือพลางย่นจมูก ก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป
“ป่านนี้ยังนอนอยู่หรือไง รุต?”
“อืม...”
เสียงหาวที่ดังต่อตอนท้าย ได้ยินชัดเจน ทำให้คนที่ฟังแทบยากจะขับรถ ไปหาเพื่อนสนิทของเขา แล้วเตะสักป๊าบ โทษฐาน มีความสุขกับการพักผ่อนนัก เขาสิแทบไม่ได้หลับนอนมาเกือบเดือนนี่แล้ว
“หมั่นไส้ว่ะ ไอ้เราแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน”
รุต หรือวิศรุตหัวเราะ หึ หึ เขาทรงตัวลุกขึ้นนั่ง และใช้มือขยี้ตา พลางเดินลุกขึ้นจากเตียงเพื่อตรงไปยังห้องน้ำ
“นอนดึกว่ะ อ่านหนังสือสอบมาราธอนหนักมาก ก็เลยนอนหลับข้ามวันเสียเลย ตอนสอบเสร็จ ฉลองให้ตัวเองเสียหน่อย นายเป็นไงบ้าง?”
“ก็เหนื่อย...”
พศุตม์ถอนใจเฮือก วิศรุตส่ายหน้า เขารับรู้เรื่องราวของเพื่อนสนิทมาโดยตลอด และเป็นคนช่วยควานหาเพียงเพ็ญจนเจอ ชายหนุ่มค่อนข้างจะเห็นใจเพื่อนรักมากกับปัญหาครอบครัวของพศุตม์
“แต่ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว สบายกันล่ะ ยังไงพวกเราก็จบ ภาระหมดไปเปราะหนึ่งจริงไหม พีท”
“จริงของนาย ว่างไหมวะ รุต มีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่า ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ ฉันต้องไปตามหาหลาน”
“ตามหาหลาน”
วิศรุตทวนคำ แล้วอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ จนปลายสายต้องเอ็ดเอา
“หัวเราะอะไรวะ ไอ้บ้า เครียดนะโว้ย พี่เพียงเพ้อถึงตะวันตลอดเลย สงสาร คงอยากจะเจอลูกสักครั้ง นายก็รู้ว่าพี่เพียงอาการหนักมาก...”
“ขอโทษเถอะพีท แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ เฮ้อ...นายน่าจะไปเป็นนักสืบนะ มีแต่เรื่องต้องตามหาคน”
“ก็ว่าอยู่ว่ะ ว่าจะไม่ทำแล้วโรงงานเซรามิค หึ หึ แต่คราวนี้ไม่ต้องตามหาหรอก ฉันรู้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งของหลานสาวดี”
“กี่ขวบแล้วลูกสาวพี่เพียง”
วิศรุตถาม เขาอยากจะชวนคุยให้พศุตม์หายเครียดมากกว่าจะถามเอาจริงจัง เขาเองรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับครอบครัวของพศุตม์ค่อนข้างมาก เพราะเพื่อนรักมาปรึกษาทุกเรื่องกับเขาโดยตลอด วิศรุตเองก็มีส่วนช่วยเหลืออย่างมากในการตามหาเพียงเพ็ญ
“สิบห้า” พศุตม์ถอนใจ
“เชื่อไหมว่า ฉันไม่เคยเห็นหน้าหลานสักครั้ง ใครจะกล้าโผล่หน้าไปวะ พี่เพียงทำเรื่องไว้เยอะมาก นี่ก็ไม่รู้ว่าพี่ทิตย์จะว่ายังไง ถ้าฉันโผล่ไปแล้วขอรับหลานมาเยี่ยมพี่เพียง”
“สิบห้าแล้วเหรอ?” วิศรุตทวนคำ
“ฉันนึกว่ายังเด็กอายุไม่กี่ขวบ แล้วนายจะทำยังไงล่ะ ถ้าฉันเป็นพี่เขยนาย ก็คงไม่อยากเห็นหน้านายนักหรอก ยิ่งปล่อยลูกสาวมาเยี่ยมแม่คงยากว่ะ”
“ถึงมาชวนนายไปยังไงล่ะ” พศุตม์เอนหลังพิงกับเบาะรถพลางหลับตา
“ไม่กล้าเจอหน้าพี่ทิตย์มากเท่าไหร่หรอก พี่สาวฉันทำเรื่องไว้มาก เฮ้อ...”
“ไปวันไหนล่ะ จะได้เตรียมตัว แล้วพี่เขยนายอยู่ที่ไหน”
“อยู่จังหวัดแพร่ ว่าจะไปพรุ่งนี้ พี่เพียงเพ้อถึงตะวันทั้งคืนเลย คงอยากเจอลูกมาก”
“ได้... ไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปรับนายที่บ้านนะ ยังไงก็พักผ่อนมากๆ”
ประโยคหลังเขาพูดเสียงแผ่วอย่างเป็นห่วง พศุตม์ยิ้มขณะที่บอกกับปลายสาย
“ขอบใจนายมาก”
“เพื่อนกันนี่ แล้วฉันกับนาย ยังไงเราก็ถูกจับเป็นเพื่อนกัน มาตั้งแต่เริ่มเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้จริงไหม ฉันก็จะเป็นเพื่อนนายต่อไปและตลอดไปว่ะ”
วิศรุตพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ พศุตม์ซาบซึ้งกับคำพูดของชายหนุ่มจนถึงกับหน้าแดง จริงสินะ วันรับน้องวันแรก เขาจำได้ว่าไม่ใคร่จะถูกชะตากับชายหนุ่มร่างสูง ค่อนข้างผอม ผิวขาวจัด ใส่แว่น คิ้วเข้ม ริมฝีปากบางอย่างวิศรุตนัก ชายหนุ่มเองก็ดูเหมือนจะมองเขาด้วยสายตาดุจเดียวกัน พศุตม์ท่าทางแข็งแรง ผิวสีแทน ใบหน้าคมสันหล่อเหลาและดูมีเสน่ห์ เหมือนรุ่นพี่จะรู้ว่าเขาและวิศรุตไม่ใคร่ชอบหน้ากัน เลยจับผูกข้อมือติดกัน ทำกิจกรรมรับน้องร่วมกันเสียเลย
การทำกิจกรรมไม่ใคร่ราบรื่นนัก เพราะสองหนุ่มมักจะขัดแย้งกันเอง รุ่นพี่เลยสั่งให้ต้องอยู่ด้วยกันตลอด เพื่อสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น ความไม่ชอบหน้าเริ่มกลายเป็นมิตรภาพ เมื่อวิศรุตช่วยเขาจากอันธพาลที่มารีดไถเงิน สายตาของพศุตม์มองชายหนุ่มท่าทางบอบบาง และขี้แหยอย่างวิศรุตเปลี่ยนไป เป็นยอมรับนับถือความกล้าของชายหนุ่ม และกาลต่อมาสองหนุ่ม ก็แทบจะเป็นเพื่อนตายของกันและกันไปเลยทีเดียว จากการช่วยเหลือกันในเหตุการณ์คับขันอีกหลายครั้ง ทำให้ยิ่งรักและนับถือน้ำใจกันมากยิ่งขึ้น
คิดถึงเพื่อนสนิทแล้วพศุตม์ก็อดอมยิ้มไม่ได้ วัยที่เปลี่ยนจากหนุ่มแรกรุ่นเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ทำให้วิศรุตตอนนี้ต่างจากแรกเห็นมากขึ้น ร่างกายผอมเพรียวเปลี่ยนไป เพราะการออกกำลังกายสม่ำเสมอ จากการชักชวนของพศุตม์ที่ชอบเล่นกีฬาเกือบทุกประเภท เลยลากพาวิศรุตไปด้วย เขาดูบึกบึนและคมสัน ดวงตาที่ซ่อนไว้หลังกรอบแว่นก็คมเข้มเป็นประกายพราวระยับ สะดุดสายตาของใครต่อใคร เมื่อเขากับวิรศุตเดินด้วยกันในคณะที่เรียนอยู่ ทำให้ดูเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้นเพราะต่างคนก็ดูหล่อเหลาไปคนละแบบ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจใคร วิศรุตคร่ำเคร่งกับการเรียนมากกว่าอย่างอื่น ส่วนพศุตม์ปัญหาทางบ้านที่มากมายก็ทำให้เขาแทบไม่มีเวลา จนบางคนกลับคิดไปว่าเขาและวิศรุตจะกลายเป็นคู่รักกันไปเสียแล้ว เพราะไม่ยอมสนใจผู้หญิงคนไหนเลย พศุตม์เผลอถอนใจเมื่อคิดถึงเรื่องของพรุ่งนี้ขึ้นมาอีกรอบ รอยยิ้มเริ่มจางหาย เขาจะต้องเจอกับอะไรในวันพรุ่งนี้กันนะ ชายหนุ่มไม่อยากเดาเลยว่า จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น หรือจะถูกขับไล่ออกมาจากบ้านของผู้เป็นพี่เขย แต่อย่างไรก็ต้องเสี่ยงกันดูสักครั้ง เขาเม้มปาก ขณะที่สตาร์ทรถและขับรถออกมาจากโรงพยาบาล...