บทที่ 2
ประโยคนั้นทำให้ทานตะวันเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูกระถางทิวลิปนี้เป็นอย่างดี รอวันที่มันจะแทงยอดขึ้นมาอวดสีเขียวของความมีชีวิตให้เธอเห็น แต่จนแล้วจนรอด สองอาทิตย์ผ่านไป มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียที ทั้งๆ ที่ทานตะวันเฝ้าดูแลมันเป็นอย่างดี
“ป้าขอให้มันงอกออกมาและบานเหมือนที่คุณหนูตั้งใจนะคะ หวังว่ามันคงแตกยอดเร็วๆ นี้” นิ่
มอวยพร ทานตะวันยิ้มสดใสให้กับหญิงวัยกลางคน พร้อมกับขอตัวเดินไปยังเรือนกระจก นิ่มมองตามแล้วส่ายหน้า พลางบ่นพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว
“คุณหนูตะวัน ทำไมหน้าเหมือนคุณเพียงมากขนาดนี้กันนะ ถ้าไม่เหมือนก็คงจะดี เฮ้อ...เผื่อนายจะได้เอ็นดูบ้าง”
...............................................................................................................................................................
ทานตะวันลูบคลำกระถางที่ทำจากดินเผาไปมา นัยน์ตาดำขลับมองไปยังดินที่อยู่บนกระถางอย่างกลุ้มใจ มันปราศจากร่องรอยของสิ่งมีชีวิตตามเคย ทิวลิปเป็นพืชที่ใช้หัวเพาะ ตามระยะเวลาแล้ว มันน่าจะมียอดให้เธอได้ชื่นใจแล้ว แต่ทำไมมันถึงไม่ยอมแทงยอดเสียทีนะ หรือว่าเธอต้องไปขอคำปรึกษาจากธงชัยเพิ่มเติมอีก เด็กสาวถอนใจอย่างอ่อนล้า ตากวาดมองไปรอบโรงเรือนปรับอุณหภูมิที่บิดาทำไว้เพื่อเพาะต้นไม้สำคัญๆ ที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว บางชนิด อาทิตย์ก็ตัดใจขายเป็นครั้งคราว เป็นต้นว่า ไอริส ลิลลี่หลากพันธุ์ กุหลาบสายพันธุ์แบล็กโรส กุหลาบพันธุ์บิชอป รองเท้านารี ฯลฯ ทุกอย่างออกดอกกันสดชื่น สวยงาม มีเพียงกระถางทิวลิปของเธอกระมัง ที่ยังไม่เติบโตเพิ่มเลยสักนิด
คิดแล้วทานตะวันก็ถอนใจ เธอมองมันอย่างละห้อย ความหวังทั้งมวลตั้งไว้ที่ใบสีเขียวอ่อน ที่จะแทรกผ่านดินออกมา หากแต่มันก็ยังไม่ยอมออกมาเสียที ทานตะวันเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าให้ขึ้นไปให้เรียบร้อย เธอมองด้านนอกที่เริ่มมืด ตัดใจละจากต้นไม้ชั่วคราว เธอมองมันอีกครั้ง แล้วเดินหันหลังให้กับกระถางต้นไม้ เท้าที่กำลังจะย่างก้าวชะงักเล็กน้อย ทานตะวันนิ่วหน้า เมื่อเสื้อเชิ้ตของเธอปลายมันคงเข้าไปติดในอะไรบางอย่าง เด็กสาวจะหันไปมองแต่ก็ตัดสินใจกระตุกมันเบาๆ มันคงเข้าไปติดอยู่ในซอกของแท่นไม้ที่ทำไว้เป็นชั้นๆ สำหรับวางต้นไม้
เพล้ง !
เสียงกระถางหล่นทำให้ทานตะวันใจหายวาบ เธอหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถึงกับเข่าอ่อน เมื่อกระถางริมสุดหล่นลงมา เมื่อเธอกระตุกเสื้อออก
“โธ่เอ๋ย...”
สาวน้อยครวญ น้ำตาแทบหยดออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นกระถางต้นไม้อันไหนที่เสียหาย กระถางทิวลิปของเธอ ! เธอไม่น่าสับเพร่าเลย ทานตะวันลนลานคุกเข่าลง มือกอบเอาเศษดินเพื่อใส่กลับคืนกระถางที่แตกกระจาย มันคงยังไม่สาย... ต้นไม้ของเธอต้องไม่ตาย... เด็กสาวคิดในใจ
หากแต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้า เมื่อเธอพบว่ากระถางที่เธอได้รับจากบิดาและเฝ้าทะนุถนอมกันมาตลอด มันเป็นเพียงกระถางใส่ดินเปล่า ! ไร้สิ้นซึ่งเมล็ดพันธุ์... นี่มันอะไรกัน ทานตะวันเฝ้าถามตัวเอง มือเรียวควานไปทั่ว เผื่อว่าหัวเมล็ดพันธุ์ทิวลิปจะตกกระจายไป
แต่ไม่... ไม่มีอะไรเลยนอกจากเศษดิน ทานตะวันกัดริมฝีปากที่เริ่มสั่น ความโกรธพวยพุ่งขึ้นมาทันที เด็กสาววิ่งออกไปนอกเรือนกระจกด้วยความเดือดดาล...ต้องมีคนอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทานตะวันบอกตัวเอง เมื่อวิ่งเข้าไปในโกดังเก็บของ สายตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตามองหาสิ่งที่เธอจะเอาหลักฐานไปให้ใครคนหนึ่งดู คนที่หลอกเธอมาตลอด หรือเขาจะไม่ตั้งใจ ใจอีกส่วนค้าน ทำให้ทานตะวันสูดลมหายใจเข้า เพื่อให้จิตใจที่กำลังว้าวุ่นสับสนเย็นลงได้บ้าง เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการแล้ว เธอก็ฉวยมันไว้ในมือและกลับไปยังเรือนกระจก
คนที่ต้องอธิบายเรื่องนี้ได้ก็คือ...ทานตะวันปาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา อาทิตย์ ! บิดาของเธอต้องไขความกระจ่างเรื่องนี้ให้กับเธอได้แน่นอน
.................................................................................................................................................................
อาทิตย์มองดูเศษดินในบุ้งกี๋ ที่ผู้เป็นบุตรสาวคนเดียวของเขายกมาวางตรงหน้า พร้อมกับเมินหน้าหนี ใบหน้าอ่อนใสซีดเผือด ที่มองจ้องตรงมายังเขา เขาทำท่าสนใจหนังสือในมือต่อ แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า
“ทำไม? แกสงสัยอะไรกับต้นทิวลิปที่ฉันให้หรือ ตะวัน”
“มันไม่มีอะไรเลยนอกจากดินนะฮะพ่อ ตะวันทำกระถางแตก แล้ว...แล้ว...”
เด็กสาวเม้มริมฝีปาก พลางพูดตะกุกตะกัก เธอไม่กล้าพูดต่อ มือเรียวที่กำหากันค่อนข้างสั่น นัยน์ตาเธอมองตกลงมาที่พื้น ไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้เป็นบิดา อาทิตย์เหลือบมองดูใบหน้าของผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรสาวคนเดียว เขาลดหนังสือในมือลง ก่อนจะกระแอม และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุจเดิม คนฟังอย่างทานตะวัน ถึงกับรู้สึกเหมือนมีดคมบาดกรีดลึกลงไปในหัวใจ เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากผู้เป็นบิดาแท้ๆ ของเธอ
“ใช่แล้วฉันไม่ได้ใส่อะไรไปให้แกนอกจากดินเปล่า บอกแกตรงๆ ก็ได้นะ”
“พ่อ !”