บทที่ 1
แดดยามบ่ายส่งประกายร้อนเร่า จนคนที่กำลังทำงานอยู่กลางแจ้ง ในแปลงดอกไม้ ถึงกับต้องปาดเหงื่อ คนงานเริ่มทยอยกันเร่งงานในมือ เพื่อจะได้หลบเข้าที่พักเร็วๆ งานใส่ปุ๋ยและถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออก เป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในสวนไม้ดอกไม้ประดับ ‘ด้วยรัก’ ที่คนงานรับหน้าที่ทำอย่างไม่เร่งรีบนัก หากแต่วันนี้แดดแรงกว่าเดิม ทำให้รู้สึกอยากเลิกงานที่ทำเอาเสียดื้อ ๆ เพราะความเหนื่อยและเพลีย
คนงานผู้หญิงสองสามคนกำลังเดินเข้าไปนั่งพักดื่มน้ำ เพื่อคลายความร้อน หากแต่มีร่างเล็กบางที่ยังทำงานอย่างกระฉับกระเฉง มือเรียวถอนต้นวัชพืชออกอย่างคล่องแคล่ว และใช้พลั่วในมือพรวนดินใส่ปุ๋ยให้กับต้นกุหลาบพันธุ์ดี เหมือนว่าจะไม่ได้รับรู้ต่อพระอาทิตย์ยามบ่าย ที่ส่องแสงแรงแผดใส่ร่างกายของตนเอง
“คุณหนูตะวัน หลบมาพักก่อนเถอะค่ะ เหลืออีกไม่กี่แปลงเอง แดดร้อนมาก”
เสียงเรียกอย่างเป็นห่วงทำให้คนที่กำลังเพลินกับงานในมือเงยหน้าขึ้นมามอง เธอเผลอเอามือปาดเหงื่อ และยิ้มให้กับคนพูด
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ ป้านิ่ม อีกนิดเดียวเอง”
“พึ่งจะหายไข้ มาตากแดดร้อนๆ เดี๋ยวก็เป็นหนักหรอกค่ะ คุณหนู”
นิ่มยังทักทายคนตัวเล็กร่างบางอย่างห่วงใย คุณหนูตะวัน หรือ ทานตะวัน ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะโบกมือให้กับหญิงสูงวัย ใบหน้าหวานใสสมวัยแรกรุ่น แดงเรื่อเพราะฤทธิ์แดด นิ่มแอบมองแล้วก็อดถอนใจไม่ได้ คนงานหญิงอีกคนหนึ่งที่พึ่งเข้ามาทำงานในสวนดอกไม้ ‘ด้วยรัก’ แอบซุบซิบกับนิ่มไปพลาง และมองร่างเล็กบางของคุณหนูทานตะวัน ที่มีศักดิ์เป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณอาทิตย์ เจ้าของสวนดอกไม้อย่างสงสัย
“ป้านิ่ม ทำไมลูกสาวนาย ต้องมาทำงานในสวนโตย (ด้วย)” พรถามด้วยภาษาถิ่นทางเหนือ
“อย่ายุ่งเรื่องของเจ้านาย คุณหนูอยากจะช่วยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก แกอย่าถามมากนักเลย ถ้าอยากอยู่ที่นี่นานๆ แล้วอย่าไปพูดให้คุณหนูได้ยินนะ เดี๋ยวจะโดนดีเน้อ”
นิ่มเอ็ดเอาเบาๆ หากแต่เจ้าหล่อนก็ยังไม่วายถามต่ออย่างอดสงสัยไม่ได้จริงๆ
“จริงนะป้านิ่ม คุณหนูตะวันมาช่วยงานเกือบทุกอย่างเลย เมื่อวานก็ช่วยพวกไอ้เปี๊ยกลงไม้สัก ยังเด็กแค่สิบสี่สิบห้าแท้ๆ ผู้หญิงเสียด้วย ไม่น่าจะลงมาขลุกช่วยงานราวกับคนงานแบบนี้”
“บอกว่าอย่างยุ่งเรื่องเจ้านาย ไปแกไปช่วยคุณหนูตะวันจะได้เสร็จไวๆ งานไม่เสร็จเปิ้น(เธอ)ไม่ยอมพักหรอก”
“ก็น้องสงสัย”
“อี่พร !”
เจอตวาดแบบนั้นเข้า คนถามก็หมดสงสัย รีบกระวีกระวาดตรงไปยังแปลงดอกไม้ และลงมือทำงานที่ค้างต่อทันที
นิ่มแอบลอบมองใบหน้าหวานๆ ของหญิงสาวแรกรุ่น ที่กำลังนั่งโบกลมให้ตัวเองหลังจากเสร็จงานไม่ได้ ใบหน้านั่นซีดไปนิดเพราะความเหนื่อยล้า หากแต่นัยน์ตาหวานราวกับตากวาง ยังเปล่งประกายระยับ จมูกโด่งเล็ก คิ้วเรียวได้รูป ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อ ผิวขาวนวลเมื่อแรกมา ตอนนี้เริ่มคล้ำลงไปบ้างเพราะแดดลม ผมยาวที่เคยปล่อยยาวสยาย เจ้าตัวตัดสั้นระต้นคอไปเสียแล้ว นิ่มรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับทานตะวันมาบ้าง และให้สงสารเจ้าตัวเป็นยิ่งนัก ที่ต้องละทิ้งความเป็น ‘ผู้หญิง’ เปลี่ยนความนุ่มนิ่ม อ่อนหวาน ให้กลายเป็นความแข็งแกร่งเพียงเพราะ...
“มาป้าช่วยพัดให้ พอก่อนเถอะคะ ไปพักก่อน งานหมดแล้ว”
นิ่มถอดหมวกมาพัดให้กับเด็กสาว ทานตะวันยอมเข้ามานั่งพักหลังจากที่ทำงานของเธอเรียบร้อยแล้ว
“ยังไม่เสร็จนี่ฮะ” ทานตะวันมองไปยังแปลงดอกไม้ ที่อยู่ในเรือนกระจกพลางชี้มือให้นิ่มดู
“เหลือที่อยู่ในเรือนกระจกอีกนะฮะ พ่อยกให้ตะวันดูแลด้วย ตะวันพยายามให้มันออกดอกนะฮะป้านิ่ม ไม่รู้จะสำเร็จไหม?”
“ดอกไม้จากเมืองนอกน่ะเหรอคุณหนู โอ๊ย...ป้าว่าคุณหนูเผื่อใจไว้บ้างดีกว่า”
นิ่มส่ายหน้า เธอมองใบหน้าหวานใสนั้นอย่างเป็นห่วง กับความตั้งใจที่อาจจะถูกทำลายลงได้ง่ายๆ เมื่ออาทิตย์ผู้เป็นบิดามอบงานยากที่แทบจะไม่สำเร็จให้กับเด็กสาว
“พี่ธงทำให้มันบานได้นะฮะป้านิ่ม ตะวันไปเรียนวิธีมาจากพี่ธง แล้วถ้ากระถางนี้ตะวันทำให้บานได้ พ่อบอกว่าจะลองเอามาปลูกเป็นแปลงในเรือนกระจกเลย ทิวลิปที่บานในเมืองไทยสำเร็จ ทำได้น้อยเจ้านะฮะ น่าภูมิใจถ้าสวนด้วยรักของเราทำได้”
เจ้าตัวมีน้ำเสียงปลาบปลื้มนักหนา กับงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ขณะที่นิ่มเองลอบถอนใจ เธออยู่กับเจ้าของสวนด้วยรักมานาน ทำไมจะไม่รู้นิสัยของนายของสวนดอกไม้นี้ ยิ่งนึกก็ยิ่งสงสารทานตะวันนัก เด็กสาวที่สดใส และน่ารักขนาดนี้ อะไรกันนะที่เป็นเมฆหมอกมาบดบังความสดใสน่ารักนี้ไปเสีย ทานตะวันแทนที่จะได้ร่ำเรียนในโรงเรียนดีๆ ในตัวเมือง เมื่อบิดาเองก็ไม่ได้ยากจนอะไร หากแต่เธอกลับได้รับมาตรฐานการศึกษาที่ต่ำกว่านั้น ทานตะวันเรียนโรงเรียนวัดข้างบ้าน ปั่นจักรยานไปโรงเรียนเอง ตอนนี้เธอเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่สามแล้ว อาทิตย์เองไม่มีท่าทีจะให้เธอไปสอบเรียนต่อที่ไหน เด็กสาวเลยต้องมุมานะช่วยงานในสวนเพราะอาทิตย์บอกกับเธออย่างเสียไม่ได้ ตอนที่ยื่นกระถางต้นไม้ที่มีดินเต็มกระถางให้เธอ พร้อมกับพูดห้วนๆ แบบไม่มองหน้าบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขาว่า
‘ถ้าแกทำให้มันบานได้ ฉันจะให้แกไปเรียนต่อในเมือง’