19. ปรับตัวปรับใจ
“ที่รัก..กลับมาแล้วหรือคะ”
ดุจเดือน วิ่งถลาไปหาโจเซฟผู้เป็นสามี เลยถูกเขาสวมกอดหอมแก้มฟอดใหญ่เป็นการตอบแทน เหมือนกับทุกครั้งที่โจเซฟ กลับมาบ้านเขาจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมีความสุขเสมอ
“เพื่อนคุณเป็นไงบ้างได้เจอกับพอลแล้วใช่ไหม”
โจเซฟ เอ่ยถามถึงบุญญิสา เพื่อนรักของภรรยา ในขณะที่โอบไหล่พากันเดินเข้าบ้านซึ่งเป็นชั้นเดียวในพื้นที่ไม่ใหญ่โตแต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป ยังพอมีสนามหญ้าเล็ก ๆ หน้าบ้านให้ปลูกดอกไม้ไว้ชื่นชม
“ฉันติดต่อพอลไม่ได้เลยค่ะ..แต่โบว์ ตอบกลับข้อความมาแล้วค่ะ บอกว่ากำลังเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีความสุขมาก และอีกประมาณหนึ่งเดือนจะมาหาฉันที่นี่ค่ะ เธอบอกว่าถ้าติดต่อเธอไม่ได้ช่วงนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ แต่ฉันก็อดห่วงไม่ได้นะคะเพราะโทรไปทีไรก็ติดต่อไม่ได้ เหมือนไม่มีสัญญาณ หรือแบตหมด หรือว่าอาจจะปิดเครื่อง”
“คุณไม่ต้องกังวลหรอกน่า ถ้ามีอะไรโบว์ ก็คงโทรหาคุณเอง” สามีปลอบใจ
“จริงสินะ..โบว์ มีเบอร์โทรศัพท์ของฉันนี่นา”
“ผมว่าป่านนี้เพื่อนคุณกับพอลคงจะไปเที่ยวมีความสุขกันมากกว่า” โจเซฟ คาดการณ์
“ถึงยังไงฉันก็อยากจะให้แน่ใจอยู่ดีค่ะว่าเพื่อนของฉันได้พบกับพอลแล้ว”
ดุจเดือน ยังไม่หายกังวลใจอยู่ดี
“คุณเคยบอกว่าออกัส ไปรับเพื่อนคุณที่สนามบินใช่ไหม ผมว่า ออกัส ก็อาจจะไปเที่ยวกับพอลลาร์ด กับเพื่อนคุณด้วยก็ได้ เพราะเขาก็ลาพักร้อนเป็นเดือนเหมือนกัน”
“จริงหรือคะ งั้นที่โบว์บอกว่าไปเที่ยวอย่างมีความสุข ก็คงจะจริง”
ดุจเดือน มีสีหน้าผ่อนคลายกว่าเดิม แต่ก็มีความรู้สึกแปลก ๆ กังวลลึก ๆ อยู่
“ผมนวดคลายเครียดให้คุณดีไหม”
โจเซฟส่งสายตากรุ้มกริ่มพร้อมกับใช้มือสองข้างบีบนวดที่ต้นคอให้ภรรยาเบา ๆ สองสามทีก่อนจะก้มหน้าไปใช้จมูกซุกไซร้ที่ต้นคอแทนเป็นการหยอกล้อหวังจะให้ภรรยาอารมณ์ดี
“อุ๊ย..จักกะจี้จะตาย..” ดุจเดือนหัวเราะคิกคัก
“ก็จะทำให้คุณคลายเครียดไงล่ะที่รัก”
เขาพูดพร้อมกับจูบหนัก ๆ แบบหมั่นเขี้ยวที่แก้ม
“ถึงยังไงฉันก็ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่ดีค่ะ..”
เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคร่งเครียดเหมือนครั้งแรกแล้ว
“ผมรู้จ๊ะที่รัก..แต่ทำไมคุณไม่คิดในแง่บวกบ้างล่ะว่าบางทีโบว์กับพอลกำลังมีความสุขจนลืมคุณไปแล้ว”
โจเซฟพูดเสียงกลั้วหัวเราะทำให้ดุจเดือนสบายใจขึ้นมาได้
“คุณไม่ทานมื้อเย็นหรือไงคะ”
เธอทำเสียงอู้อี้ถามเขาเมื่อถูกสามีรุกรานร่างกาย
“ผมอยากทานคุณก่อนดีกว่า” เขากระซิบเสียงหวานที่หูของดุจเดือน
“วันนี้ฉันเอาต้มข่าไก่กับผัดเปรี้ยวหวานที่คุณชอบมาจากร้านพี่สุรีย์ด้วยนะคะ”
เธอหลอกล่อเขาด้วยอาหารไว้ก่อน เพราะตอนนี้ใกล้เวลาที่รายการทอล์คโชว์ ที่เธอตั้งตารอกำลังจะมาพอดี
“งั้นทานข้าวก่อนก็ได้แล้วค่อยทำอย่างอื่น”
เขายอมตามใจภรรยาด้วยการหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ ก่อนจะปล่อยให้เธอได้ลุกไปในครัวโดยที่เขาก็ตามไปช่วยด้วย ดุจเดือนชอบโจเซฟตรงที่เขาไม่เคยนั่งกระดิกนิ้วรอให้ภรรยาเอาอาหารมาเสิร์ฟ เพราะเขารู้ว่าเธอเองก็ทำงานที่ร้านอาหารเหนื่อยมาแล้ว โจเซฟจะช่วยทำงานทุกอย่างในบ้านโดยไม่ยอมให้เธอต้องทำคนเดียว สิ่งนี้คือข้อดีของสามีที่ทำให้ดุจเดือนสบายใจอีกอย่างหนึ่ง
.........................................................................
“ช่วยทำหน้าตายิ้มแย้มหน่อยได้ไหมคะพอล..อย่าทำหน้าเหมือนกับถูกบังคับแบบนี้”
เอมม่า ต่อว่าพอลลาร์ด ที่เดินเข็นกระเป๋าออกจากสนามบินโอ๊คแลนด์ ทั้งคู่เดินทางมาจากเมืองเวลลิงตัน เพื่อมาพักผ่อนที่โอ๊คแลนด์ ตามความต้องการของเอมม่า ที่บอกว่าเธอไม่ค่อยได้มาเที่ยวแถวนี้ จึงอยากจะให้พอลลาร์ด พามา
พอลลาร์ด รู้ว่าโจเซฟ กับ ดุจเดือน มีบ้านอยู่ที่เมืองนี้ เขาจึงไม่ค่อยอยากจะมานัก แต่ก็จำต้องตามใจคนท้อง เขาไม่อยากจะทำให้เอมม่าต้องโกรธหรืออารมณ์เสีย เพราะหมอ บอกว่าจะส่งผลต่อทารกในครรภ์ เขาคิดว่าเขาทำเพื่อลูกที่กำลังจะเกิดมา
“คุณจะให้ผมยิ้มตลอดเวลาหรือไง ผมไม่ใช่ดาราฮอลลีวู้ดนะ”
พอลลาร์ด ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เอมม่าจึงได้แต่สงบปากสงบคำเธอพาพอลลาร์ดมาพักผ่อนก็เพื่อที่จะทำคะแนนชนะใจเขา เธอจึงพยายามระงับความไม่พอใจเอาไว้
“คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ผมจะไปติดต่อเช่ารถก่อน”
พอลลาร์ด หันมาบอกเอมม่า แล้วตัวเขาก็เดินไปที่โต๊ะบริษัทรถเช่าที่อยู่บริเวณนั้น
เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ได้มานั่งคู่กันในรถ เอมม่า ได้โทรจองที่พักเอาไว้แล้ว พวกเขาจึงไม่กังวลเรื่องนี้ เอมม่า จึงขอให้พอลลาร์ด ขับรถชมวิวของเมืองโอ๊คแลนด์ เสียก่อน
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้มีชาวเมืองมาเล่นเรือกันที่อ่าวจำนวนมาก ทั้งคู่แวะชมการเล่นเรืออย่างเพลิดเพลิน เอมม่า ได้เห็นรอยยิ้มของพอลลาร์ดที่นี่เอง เธอจึงไม่ปล่อยโอกาสทองนี้ให้หลุดลอย ชวนเขาเดินเล่นชมบรรยากาศแถวนั้นก่อนจะขับรถไปเช็คอินเข้าพักที่โรงแรม แล้วก็นอนพักผ่อนจนได้เวลาอาหารมื้อค่ำ
“ฉันไม่ทานอาหารที่โรงแรมนะ”
เอมม่า รีบบอกเมื่อพอลลาร์ดทำท่าว่าจะขี้เกียจออกจากที่พัก หลังจากได้นอนเพลิน
“แล้วคุณอยากทานอะไรล่ะ”
“ยังนึกไม่ออกหรอกค่ะ..คุณอยากทานอะไรล่ะคะ”
“อาหารไทย”
พอลลาร์ดเสนอ เอมม่า มีอาการชะงักนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำว่า “ไทย” ทำให้เธออดนึกถึงบุญญิสา ไม่ได้ เมื่อก่อนเอมม่าทำไมไม่รู้สึกอะไรเลยที่พอลลาร์ดพูดถึงผู้หญิงไทยคนนั้นที่เขาบอกว่าติดต่อกันข้ามประเทศและวางแผนจะแต่งงานกัน
แต่พอเธอตั้งครรภ์ เธอเริ่มหงุดหงิดใจที่ได้ยินเขาพูดถึงสาวไทยอย่างบุญญิสา แม้กระทั่งอาหารไทย เธอก็ยังรู้สึกแสลงใจอยู่ดี หรือว่าเธอจะหึงหวงพอลลาร์ด กันแน่
“ฉันไม่ชอบอะไรที่เป็นไทย โดยเฉพาะอาหารไทย”
เอมม่า เผลอแสดงความไม่พอใจ เธอยอมรับว่าจิตใจช่วงนี้มันปรวนแปรไปหมดโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้
“แต่ผมชอบอาหารไทย” พอลลาร์ดยืนยัน
“รวมทั้งผู้หญิงไทยด้วยสินะ”
เอมม่า ทำเสียงประชดสีหน้าบึ้งตึง
“คุณก็รู้อยู่แล้วจะพูดทำไม” พอลลาร์ด เริ่มมีสีหน้าบึ้งตึงตาม
“แล้วทำไมคุณจะต้องทำหน้าตาเหมือนไม่พอใจด้วย ฉันพูดถึงผู้หญิงไทยคนนั้นไม่ได้เลยใช่ไหม”
เอมม่า ก็ออกอาการหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“พูดได้..ถ้าคุณจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีกว่านี้ไม่ใช่ประชดประชัน”
“ฉันไม่ได้ประชดประชัน..คุณต่างหากที่ทำท่าไม่พอใจทุกครั้งที่ฉันพูดถึงบุญญิสา”
เอมม่า เถียงเขาเสียงดังเธอลืมไปเลยว่ามาเที่ยวครั้งนี้เพื่อจะเอาชนะใจพอลลาร์ด ให้ได้
“ถ้าคุณชวนผมมาเที่ยวเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศหาที่ทะเลาะกันล่ะก็ ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ”
พอลลาร์ด หัวเสียเดินเข้าห้องน้ำไปทันที เอมม่า เม้มปากแน่นระงับอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้ เธอนึกถึงวัตถุประสงค์ของการมาเที่ยวขึ้นมาได้ เธอไม่น่าจะชวนเขาทะเลาะแบบนี้เลย ในเมื่อเธอมากับเขาก็เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดี สร้างความประทับใจให้กับเขา เพราะถึงอย่างไรพอลลาร์ด ก็ไม่มีทางที่จะได้แต่งงานกับผู้หญิงไทยคนนั้นอยู่แล้ว เธอมีพี่ชายที่แสนดีอย่าง ออกัส คอยกีดกันสองคนนี้อยู่แล้ว
เมื่อเช้านี้ออกัส ก็โทรมาบอกว่าเขาพาบุญญิสา ออกจากโรงแรมที่พักแถวทะเลสาบเทคาโปแล้ว และจะพาบุญญิสา ไปพักอยู่ที่ฟาร์มเรย์ ในชนบทหนึ่งเดือน
“พอลคะ..ฉันขอโทษค่ะฉันออกจะหงุดหงิดไปหน่อย”
เอมม่า รีบเปลี่ยนท่าทีในทันที่เมื่อเห็นพอลลาร์ดออกมาจากห้องน้ำ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อย
“ผมเข้าใจ..” เขาพูดโดยไม่หันมามองหน้าเธอ
“ตกลงฉันทานอาหารไทยกับคุณก็ได้ค่ะ”
เธอบอกเขาอย่างเอาใจ พอลลาร์ดหันมามองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ
“คุณบอกว่าไม่ชอบไม่ใช่หรือ”
“แต่คุณชอบอาหารไทยนี่คะ” เธอบอกเขาเสียงหวาน
“ผมชอบ แต่คุณไม่ชอบแล้วคุณจะฝืนใจไปกินกับผมได้หรือ”
“สิ่งไหนที่คุณชอบ ฉันจะพยายามปรับตัวให้ชอบตามค่ะ..ฉันพูดจริง ๆ นะคะ”
เธอยิ้มหวานก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดที่จะเปลี่ยน
“ขอบคุณเอมม่า..ผมจะเลือกเมนูที่ผมชอบให้คุณลองกิน”
เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงสดใสสีหน้าแช่มชื่นขึ้นพลอยทำให้บรรยากาศที่อึมครึมสว่างไสวขึ้นมาทันที
เอมม่า ชักจะเห็นประโยชน์ของการปรับน้ำเสียง และท่าทางของตัวเองเสียแล้ว เพียงแค่เธอพูดด้วยเสียงที่อ่อนหวาน สีหน้ายิ้มแย้ม ก็สามารถทำให้สัมพันธภาพระหว่างเธอกับพอลลาร์ด ดีขึ้นมาได้แล้ว ต่อไปนี้เธอจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้
