11. ตะลอนไปตามใจคนขับ
แต่เมื่อมาถึงฟาร์มทัวร์ ตามที่เห็นป้ายบอกแล้ว บุญญิสา ก็ต้องผิดหวังที่ไม่ได้เห็นหน้าของพอลลาร์ด อย่างที่คิด
ทว่า..ความกว้างใหญ่ไพศาลของฟาร์มแห่งนี้ ก็ทำให้ลืมพอลลาร์ด ไปได้ เธอเห็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมฟาร์มแห่งนี้กันมากมาย มีทั้งแบบรถทัวร์ ทั้งแบบรถยนต์ส่วนตัว
บุญญิสา ตื่นเต้นกับการชมสวนผลไม้กีวี ด้วยการนั่งเฮลิปคอปเตอร์ เป็นพาหนะในการบินชมไร่กีวี และชมทิวทัศน์ของฟาร์มที่สวยงามแห่งนี้
“อะไรมันจะทันสมัยขนาดนี้เนี่ย”
บุญญิสา พูดกับตัวเองขณะที่นั่งอยู่บนเฮลิปคอปเตอร์กับออกัส และนักท่องเที่ยวคนอื่น เธอเพลิดเพลินกับความสวยงามของวิวเบื้องล่างกับสวนกีวี ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
พอลงมาก็ไปดูการเก็บกีวีจากต้น ไปจนถึงกระบวนการนำผลผลิตไปเก็บในห้องที่มีอุณหภูมิเหมาะสม เพื่อเตรียมบรรจุหีบห่อส่งออก บุญญิสา ยังได้ชิมรสชาติความอร่อยของกีวีสีทองที่ไม่มีขนด้วย
บุญญิสา เคยเห็นแต่ลูกกีวีสีเขียวที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน และลูกกีวีสีเขียวนั้นก็มีขนรอบ ๆ ด้วย แต่กีวีสีทองกลับไม่มีขนเลย ก้นจะออกแหลมกว่าสีเขียว และที่สำคัญมีรสหวานกว่ากีวีสีเขียว บุญญิสาพอจะฟังไกด์ออกอยู่บ้างว่า กีวีเขียวจะส่งออกไปขายยังต่างประเทศมากกว่าคือประมาณ 75% มิน่าล่ะ บุญญิสา ถึงเห็นแต่กีวีเขียววางขายในห้างสรรพสินค้าที่เมืองไทย แต่ไม่ค่อยได้เห็นกีวีสีทองเลย
ออกัส ดูมีความสุขกับการได้ท่องเที่ยวแบบนี้มาก เธอจึงเห็นเขาอารมณ์ดี ไม่ค่อยวางมาดขรึมเหมือนที่ผ่านมามากนัก แต่ก็มีบางครั้งที่เขาเก๊กดุเธอ เวลาที่เห็นเธอออกอาการกระดี๊กระด๊า กับการได้ขึ้นเฮลิปคอปเตอร์ชมฟาร์มผลไม้
ก็คนไม่เคยนั่งมาก่อน จะไม่ให้ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไรกัน เอาไว้เขาลองไปขี่ควายบนคันนาที่เมืองไทยก็คงจะตื่นเต้นเหมือนกันน่ะแหละ
เมื่อเที่ยวชมฟาร์มจนหนำใจ และได้กีวีติดไม้ติดมือมากินที่รถแล้ว ออกัส ก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปโดยไม่บอกจุดหมายปลายทางให้ผู้ร่วมทางได้รับรู้ แต่ถึงเขาจะบอก บุญญิสา ก็คงจะฟังไม่เข้าใจอยู่ดี เธอจึงได้แต่นั่งเงียบ ๆ ฟังเพลงในรถแล้วก็ชมวิวสองข้างทางไปน่าจะดีที่สุด
เธอเริ่มคาดเดาเอาเองว่า บ้านของพอลลาร์ด คงจะอยู่ไกลแสนไกลประมาณว่าจากเชียงใหม่ไปถึงสุไหงโกลก โน่นก็ได้ จึงต้องใช้เวลาเดินทางรอนแรมพักค้างคืนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าคืนนี้จะต้องพักค้างคืนที่ไหนหรือไม่ ถ้าเขาไม่พาเธอแวะเที่ยวดูโน่นดูนี่ก็น่าจะถึงเร็วกว่าที่คิด
เป็นตามคาด..หลังจากออกัส พาบุญญิสา แวะรับประทานอาหารค่ำแล้ว เขาก็ขับรถหาที่พักในเวลาต่อมา เธอเห็นเขาเดินเข้าไปสอบถามห้องพักแล้วก็เดินมาที่รถบอกให้เธอเอากระเป๋าเดินทางเข้าไปในโรงแรมที่พัก
คราวนี้ไม่ใช่บ้านพักแบบบ้านของคุณยายโรสซาลี ที่เป็นแบบโฮมสเตย์ สำหรับที่พักคืนนี้เป็นโรงแรมแบบหรูหราพอสมควร แม้จะใช้คำว่ารีสอร์ท แทนคำว่าโฮเต็ล แต่ดู ๆ แล้วก็โรงแรมดี ๆ นี่เอง บุญญิสา ไม่เกี่ยงขอให้มีที่ซุกหัวนอนสำหรับคืนนี้ก่อน เพราะเธอชักจะเหนื่อยกับการเที่ยวการนั่งรถทั้งวันแล้ว
“เราเหลือห้องพักเพียงห้องเดียว คุณโชคดีมากนะคะที่ห้องนี้มีคนยกเลิกพอดี”
คำพูดที่ได้ยินจากเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ยื่นกุญแจห้องส่งให้ออกัส นั้น บุญญิสา พอจะเดาออกอยู่บ้าง เธอเริ่มสังหรณ์ใจว่าจะต้องพักห้องเดียวกับเขาเหมือนคืนก่อนนี้เสียแล้ว ก็คงไม่เป็นไรถ้ามีเตียงสองเตียงให้แยกนอนกันแบบเมื่อคืน
เมื่อมาถึงห้องพัก บุญญิสา ก็ทำหน้าตกใจเพราะภายในห้องมีเตียงอยู่อันเดียวที่สามารถนอนได้สองคน ไม่ใช่สองเตียงเหมือนบ้านพักของคุณยายโรสซาลีแม้แต่น้อย คราวนี้จะนอนร่วมเตียงกับผู้ชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแบบนี้ได้ยังไงล่ะ
“เอากระเป๋าไปเก็บสิ”
ออกัส พูดเตือนเมื่อเห็นบุญญิสา ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ส่วนตัวเขาก็รีบเปิดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าออกมาใส่ไม้แขวนเข้าตู้เสื้อผ้า บุญญิสา จึงจำต้องเข็นกระเป๋าไปใกล้กับตู้เสื้อผ้านั้นด้วย
“ฉันจะต้องนอนเตียงเดียวกับนายงั้นหรือ”
บุญญิสา เอ่ยถามน้ำเสียงออกจะสั่นพร่า
“คุณว่าอะไรนะ” เขาหันมามองหน้าเธอ
“ฉันจะต้องนอนกับคุณใช่ไหม”
“นอน..อ๋อ..ใช่..คุณกับผมนอนเตียงเดียวกัน”
“จะบ้ารึไง..ฉันเป็นผู้หญิงนะ” เธอร้องบอกเขา
“ผมรู้แล้ว..คุณคงไม่ใช่กะเทยแปลงเพศหรอกใช่ไหม” เขาถามสีหน้าเหมือนจะยิ้ม
“จะให้ฉันนอนเตียงเดียวกับนาย ฉันไม่เอาหรอกนะ” เธอเริ่มโวยวาย
“นี่อย่าเรื่องมากได้ไหม..อย่าทำตัวมีปัญหา”
เขาทำหน้าทำตาดุทันที แววตาแบบนี้แหละที่ บุญญิสาไม่ชอบเอาเสียเลย อยากควักลูกตานัก
“อย่ามาดุฉันนะไอ้คนบ้าอำนาจ” เธอก็ตวาดกลับเหมือนกัน
“คุณก็อย่ามาตวาดผม ..ไปอาบน้ำซะ..แล้วก็มานอน”
เขาเริ่มออกคำสั่งด้วยการชี้ไปที่ห้องน้ำแล้วก็ชี้ที่เตียงนอน
“นี่อย่ามาสั่งฉันเหมือนเด็กอนุบาลนะ ฉันไม่ทำตามนายเด็ดขาด”
บุญญิสา เท้าสะเอวจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าจะพูดถูกหลักไวยากรณ์หรือไม่
“คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ทำตามคำสั่งผม” เขาจ้องหน้าเธอ
“ไม่ทำตาม..มีอะไรไหม” เธอก็ส่งสายตาท้าทายเขาไปเช่นกัน
ทันใดนั้น ออกัสก็เข้าประชิดตัวอุ้มเธอขึ้นมาจากพื้นเดินโทง ๆ ไปที่เตียงแล้วก็โยนเธอลงไปโดยไม่สนใจว่ากระดูกกระเดี้ยวเธอจะหักหรือไม่ โชคดีที่เตียงเป็นแบบสปริงทำให้เธอไม่เจ็บตัวแต่อย่างใด พอมีสติขึ้นมาได้บุญญิสาก็ร้องโวยวายขอความช่วยเหลือทันที
ประโยค “Help me, please” นี้ เธอท่องมาเป็นอย่างดี แต่ออกัส ก็รีบโถมตัวลงทับเธอพร้อมกับใช้มือปิดปากเธอเสียแน่น บุญญิสา ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอกัดมือเขาพัลวัน เขาก็ปกป้องตัวเองเต็มที่ไม่ให้เธอกัดมือเขาได้ คงไม่มีวิธีใดดีไปกว่าใช้ปากประกบปากอีกแล้ว
บุญญิสา ช็อกไปชั่วคราวไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีเมาธ์ทูเม้าธ์ ประกบปากเธอเอาไว้เช่นนี้ พร้อมกับใช้มือสองข้างของเขา ล็อคใบหน้าเธอให้นิ่งเป็นหุ่นยนต์อีกด้วย ตัวของเขาที่ทับอยู่บนตัวเธอก็มีกล้ามล่ำบึ้ก หนักจนเธอหายใจแทบไม่ออก เขาจูบปากเธอแช่อยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด จนเขาแน่ใจว่าเธอจะไม่ร้องโวยวาย จึงได้ถอนปากออกมาแต่ร่างกายของเขาก็ยังคงทับอยู่บนตัวเธอ
“ถ้าคุณโวยวายร้องให้คนช่วยอีก ผมจะข่มขืนคุณ”
เขากระซิบข่มขู่ บุญญิสา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ เพราะท่าทางของเขาคงไม่ได้แค่ขู่แน่ ๆ เธอไม่น่าจะลองดีกับคนบ้าอย่างเขาเลย ถึงเขาจะอายุน้อยกว่าเธอ แต่เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่แถมตัวโตกว่าเธอมาก
“เอาล่ะคุณไปอาบน้ำซะ แล้วก็มานอนพักผ่อน พรุ่งนี้ผมจะพาไปเที่ยวทะเลสาบเทคาโป”
คนบ้าเอ๊ย..เมื่อกี้ทำท่าจะปลุกปล้ำขืนใจเธออยู่ดี ๆ แล้วมาทำเป็นพูดดี จะพาไปเที่ยวทะเลสาบ
อุ๊ย!..นี่เธอแปลออกมาได้อย่างไรกันนะ บุญญิสา รีบผลุนผลันลุกขึ้นทันทีที่เขายอมออกจากตัวเธอ แล้วก็ค้นกระเป๋าเสื้อผ้า รีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปอยู่ในห้องน้ำทันทีอย่างใจหายใจคว่ำ
“ผมให้เวลาคุณอาบน้ำไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
เขาตะโกนเข้าไปเร่งเธอให้ประสาทเสียเข้าไปอีก
บุญญิสา ใจเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว เธอเริ่มเห็นเค้าลางของความซวยคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะแล้ว คนที่มารับเธอแทนพอลลาร์ดนี้ ไม่น่าไว้วางใจจริง ๆ ด้วย เธอไม่แน่ใจว่าพอลลาร์ด จะรู้หรือเปล่าว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร บางที พอลลาร์ด ก็อาจจะรู้เห็นเป็นใจกับนายคนนี้ก็ได้
“นี่ฉันโดนฝรั่งหลอกหรือนี่ ทำไมฉันซวยแบบนี้เนี่ย มือถือก็ดันหายอีก”
บุญญิสา คิดด้วยความตกใจ เธอพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ประสาทผวา จึงรีบอาบน้ำชำระร่างกายอย่างรวดเร็ว เธอจะต้องหาทางติดต่อกับดุจเดือนให้ได้ จะต้องเล่าให้ ดุจเดือนรับรู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้ มันไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เธอไม่อยากจะเดินทางร่วมไปกับ ออกัส อีกต่อไป
“ดีมาก...ทำเวลาได้ดีทีเดียว”
บุญญิสา ออกมาจากห้องน้ำก็ถูก ออกัส กล่าวชมด้วยน้ำเสียงที่ฟังอย่างไรก็ไม่น่าจะใช่คำชม
บุญญิสา อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนยาวกางเกงขายาว เขามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ทำให้เธอรีบหันหลังเดินไปนั่งที่เตียงทันที ออกัส ยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ บุญญิสา ไม่รอช้ารีบค้นหามือถือของออกัส ในเมื่อมือถือของเธอหาย ก็ต้องใช้ของเขาแทน แต่พอหามือถือของเขาไม่เจอ ก็ทำให้เธอเริ่มท้อแท้ แล้วก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในห้อง
“ต้องโทรให้พนักงานโรงแรมช่วยต่อสายให้”
บุญญิสา นึกชมความฉลาดของตัวเอง ก่อนจะรีบยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาทันที คนรับสายเอ่ยถามมาทำนองว่ามีอะไรให้รับใช้ เธอเริ่มตื้อขึ้นมาไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงประโยคขอความ
ช่วยเหลือให้เขาช่วยต่อสายถึงเพื่อนเธอได้อย่างไร จึงรวบรวมความกล้าพูดออกไป แต่คนฟังก็ถามกลับมาด้วยภาษาอังกฤษที่ทั้งรัวและเร็วจนเธอฟังไม่เข้าใจ
ตอนนี้ จึงเหมือนกับต่างคนต่างพูดภาษาของตัวเองไม่มีใครรู้เรื่องกันเลย บุญญิสา แทบจะประสาทเสียที่ตัวเองพูดให้คนฟังไม่เข้าใจ แถมเขาพูดมาก็ดันไม่เข้าใจอีก เธอก็เลยงัดดิกชันนารีเล่มเล็กที่พกติดตัวขึ้นมาเปิดหาคำศัพท์แต่คนรับสายก็วางไปเสียแล้ว
เธอคิดว่าควรจะต้องออกจากห้องไปขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ พอคิดได้ดังนั้น ก็หยิบกระเป๋าถือที่มีพาสปอร์ต และเอกสารสำคัญออกจากห้องไปทันที
