บทที่ 4
ปิยภัศร์เริ่มเปิดการสนทนาทันที ชายหนุ่มถามแบบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ไม่ทราบว่าคุณวิชญะมีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
“ผมจะไม่อ้อมค้อมนะครับ คุณคงจะทราบมาบ้างแล้ว ถึงภาวะปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจของผม ผมจึงอยากที่จะมาขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากคุณ ไม่ทราบว่าคุณพอที่จะช่วยผมได้หรือเปล่าครับ”
“เกี่ยวกับปัญหาธุรกิจของคุณผมก็พอจะทราบมาบ้างเหมือนกัน ถ้าภายในเดือนหน้าคุณยังหาเงินมาซัพพอร์ตในธุรกิจของคุณไม่ได้ คุณก็อาจจะถูกฟ้องล้มละลาย” ปิยภัศร์พูดกับชายหนุ่มรุ่นพ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับเวลาที่เขาจะต้องเจรจาเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ สีหน้านิ่งเฉยแบบนี้ไม่มีใครรู้และอ่านออกว่าเขากำลังคิดอะไร ซึ่งจะผิดกับเวลาที่เขาอยู่กับสาวๆ ราวกับว่าเป็นคนละคนเลยทีเดียว
“ใช่ครับมันสำคัญสำหรับผมมาก และผมไม่มีทางเลือกอื่น เลยต้องแบกหน้ามาขอความช่วยเหลือ
จากคุณ”
“แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจไม่มีอะไรที่จะได้มาง่าย และก็ไม่มีคนเสียสติที่ไหนจะยอมจ่ายเงินจำนวนเกือบพันล้าน โดยที่ไม่ได้รับสิ่งตอบแทน ถ้าคุณจะให้ผมช่วยคุณผมจะได้อะไรเป็นการตอบแทน”
“ผมจะให้คุณเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในธุรกิจของผม”
“ผมจะเอาธุรกิจของคุณไปทำอะไรในเมื่อธุรกิจของผมเองก็มีเยอะแยะ แค่ที่มีอยู่ผมก็ดูแลแทบจะไม่ทั่วถึงอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณต้องการที่จะให้ผมช่วยคุณจริงๆ ละก็ คุณต้องยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของผม”
“เงื่อนไข!? เงื่อนไขที่ว่าคืออะไรครับ”
“ผมต้องได้หุ้นในธุรกิจของคุณจำนวนครึ่งหนึ่งรวมไปถึงตัวลูกสาวของคุณด้วย”
“คุณหมายถึงตะวันเหรอครับ คุณจะเอาตัวเธอไปทำอะไร”
“ใช่ครับผมหมายถึงคุณเมธาวีลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณ ผมต้องการให้เธอมาเป็นเลขาส่วนตัวของผม และมีหน้าที่คอยดูแลผม ที่สำคัญเธอจะต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของผม”
“แต่คุณก็มีเลขาที่ชำนาญงานอย่างคุณวีรยาอยู่แล้วนี่ครับ แล้วจะเอาตะวันมาเป็นภาระทำไมกัน”
“ผมบอกคุณถึงความต้องการของผมไปแล้ว และไม่อยากที่จะเสียเวลาพูดมากอีก ถ้าคุณตกลงก็เซ็นเอกสารฉบับนี้ซะ แต่ถ้าไม่ตกลงก็ถือซะว่าเรื่องนี้เกมส์โอเวอร์” เขาพูดพร้อมกับยื่นเอกสารและปากการาคาแแพง
ไปตรงหน้าคุณวิชญะ
“ถ้าผมยอมเซ็นเอกสารฉบับนี้ คุณจะยอมช่วยเหลือธุรกิจของผมใช่ไหม”
“ถูกต้องผมจะจ่ายเงินก้อนแรกให้คุณเป็นจำนวนเงินเจ็ดร้อยล้านบาทอย่างที่คุณต้องการ และอาจจะมีก้อนอื่นตามมาอีกในกรณีที่คุณต้องการเพิ่มเติม แต่นั่นจะต้องหลังจากที่คุณจัดการโอนหุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทมาเป็นกรรมสิทธิของผม และตะวันก็จะต้องมาเป็นเลขาส่วนตัวของผม คุณไม่ต้องห่วงเรื่องการบริหารงานในบริษัท ผมให้สิทธิ์ขาดคุณในการบริหารและจะไม่เข้าไปยุ่งตรงนั้น คุณเคยทำอย่างไรก็ทำกันไปก็ละกัน แต่คุณเองก็ต้องตกลงทำตามเงื่อนไขในสัญญาว่าคุณจะไม่เข้ามาก้าวก่าย หรือยุ่งเกี่ยวเรื่องของผมกับลูกสาวของคุณอีกตลอดระยะเวลาที่เธออยู่กับผม”
“ระยะเวลานั่นมันยาวนานแค่ไหน”
“ผมก็ยังกำหนดไม่ได้มันขึ้นอยู่กับความพอใจ แต่ว่าผมรับรองได้อย่างหนึ่งว่ามันมีระยะเวลาสิ้นสุดแน่นอน และคุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความสะดวกสบาย ผมรับรองว่าเธอจะได้รับมันเช่นเดียวกับตอนที่อยู่ที่บ้านของคุณ เพราะผมจะให้ตะวันเข้าไปอยู่ในบ้านของผมในฐานะเจ้านายคนหนึ่ง”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำตามเงื่อนไขในสัญญาฉบับนั้น ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ชายหนุ่มจะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนของบริษัท แต่เป็นเงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องของตะวันลูกสาวที่เขารักมากนั่นเอง
“ถึงผมจะยอมทำตามเงื่อนไข แต่ตะวันคงจะไม่ยอม”
“นั่นมันเป็นเรื่องของคุณสองคนพ่อลูกที่จะต้องไปตกลงกันเอง มันไม่ใช่หน้าที่ของผม”
หลังจากที่คุณวิชญะอ่านสัญญาฉบับนั้นอย่างละเอียด สัญญาระบุไว้ชัดเจนและรัดกุมมากสมกับที่ชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจที่มีฝีมือในการบริหารงาน ถึงแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อยก็ตาม และเขาคงจะต้องยอมรับเงื่อนไขนั้น แม้ว่าเขาจะจ็บปวดที่จะต้องเสียลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไปก็ตาม แต่คงจะดีกว่าที่จะโดนฟ้องล้มละลาย สำหรับตัวเขาไม่เท่าไรหรอกเพราะว่าเขาเคยลำบากมาก่อน แต่ที่ทำให้เขาทนไม่ได้ก็เพราะว่ามันจะมันจะกระทบกระเทือนถึงความเป็นอยู่ของคนอีกเกือบพันชีวิต ที่เคยทำงานอยู่ร่วมกับเขามานานปีรวมไปถึงมินตราและเมธาวีลูกสาวทั้งสองคนของเขาอีกด้วย ซึ่งเขายอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
และจากระยะเวลาที่เคยรู้จักและพบปะพูดคุยกับชายหนุ่มรู่นลูกคนนี้ เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก ถ้าให้ลูกสาวของเขามาทำงานกับชายหนุ่ม เขาคงจะดูแลและสอนงานเธอได้ เมื่อไตร่ตรองอย่างดีแล้วจึงหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อยอมรับเงื่อนไขฉบับนั้นด้วยความปวดร้าวใจ ดวงตาของเขาบ่งบอกความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าเขารู้สึกเสียใจมากแค่ไหนที่ต้องยอมเซ็นรับเงื่อนไขในเอกสารสัญญาฉบับนั้น
ถึงแม้ปิยภัศร์จะค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องยอมเซ็นสัญญาฉบับนั้นอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก็อดที่จะกลัวไม่ได้เพราะว่าถ้าเขาไม่ยอมเซ็นรับเงื่อนไขที่เสนอไป ตัวเขาเองคงจะต้องเสียเวลาในการคิดแผน หรือหาวิธีที่จะทำให้ได้ตัวเมธาวีมาเป็นของเขา และยิ่งฤทธิ์มากขนาดนั้นมันคงต้องเสียเวลาอีกนานเป็นแน่ เป็นแบบนี้ก็ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลามากมายอะไรก็ได้ตัวเธอมาครอบครอง
“ผมจะให้คู่สัญญากับคุณไว้ฉบับหนึ่งนะครับ ส่วนเงินจำนวนเจ็ดร้อยล้านบาทที่คุณต้องการนั้น ผมจะสั่งให้เขาจัดการโอนให้คุณทันทีที่ทางคุณจัดการเรื่องของตะวัน และการโอนหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์มาให้ผมตามที่เราตกลงกันไว้ และถ้าคุณวิชญะต้องการอะไรเพิ่มเติมก็ติดต่อกับเลขาของผมได้ทุกเวลา เลขาของผมรู้ดีว่าจะตามตัวผมได้ที่ไหน”
“ขอบคุณครับ” วิชญะรับสัญญาฉบับนั้นมาด้วยความเจ็บปวด เพราะเงินก้อนนี้ทำให้เขาต้องแลกมันมาด้วยอิสระภาพของลูกสาวที่ตัวเองรัก มันไม่ต่างอะไรกับการเอาตัวตะวันมาขัดดอก
“ผมอยากทราบว่าคุณจะให้ตะวันมาเริ่มงานกับผมได้มื่อไร” จิตใจของปิยภัศร์จดจ่ออยู่ที่ตะวันมากกว่าเรื่องหุ้นที่เขาจะได้รับ
“เรื่องของตะวันผมขอเวลาสองสามวันเพื่อเจรจากับลูก สำหรับเรื่องหุ้นผมจะรีบจัดการโอนกรรมสิทธิ์หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้คุณทันที”
“เรื่องหุ้นผมไม่ค่อยสนใจเท่าไร ผมสนใจแต่ตัวลูกสาวของคุณ หวังว่าคุณคงไม่เล่นตุกติกหรอกนะ อย่าแม้แต่จะคิดเพราะคนอย่างผมทำได้ทุกอย่าง แต่ผมเชื่อในเกียรติของคุณ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”