บทที่ 5
กวินก็เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของปิยภัศร์ เมื่อเห็นว่าแขกคนสำคัญของเพื่อนรักเดินออกจากห้องนั้นไป
“วินนายมาตั้งแต่เมื่อไรนั่งก่อนสิจะดื่มอะไรไหม”
“ฉันมาสักพักแล้ว แต่เลขาของนายบอกว่านายกำลังคุยธุระกับคุณวิชญะ ฉันก็เลยไม่เข้ามาขัดจังหวะ”
“เอาเบียร์ไหม”
“ฉันเพิ่งจะรู้ว่าบริษัทของนายรับรองแขกด้วยเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แบบนี้ด้วย แต่ก็ดีเหมือนกันถ้าจะได้เบียร์เย็นๆ มาดื่ม” ปิยภัศร์ก็กดโทรศัพท์เพื่อสั่งเลขาของเขา
“คุณวีผมขอเบียร์เย็นๆ สักสามสี่กระป๋อง”
“ได้ค่ะเจ้านายรอสักครู่นะคะ”
“คุณวิชญะมาคุยกับนายเรื่องนั้นใช่ไหม แล้วผลเป็นไงเป็นไปตามแผนไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว...มือชั้นนี้แล้วมีพลาดด้วยเหรอ อีกไม่นานตะวันก็จะตกเป็นของฉัน...ฉันแทบไม่อยากที่จะรอเวลานั้นเลยนะ” เขาพูดออกไปด้วยสีหน้าและแววตาบ่งบอกอารมณ์หื่นสุดฤทธิ์
“ใจเย็นเพื่อนรัก...ฉันชักจะเป็นห่วงคุณตะวันซะแล้วสิ เธอจะรู้หรือเปล่าว่ากำลังจะตกอยู่ในอุ้งมือมารอย่างนาย”
“นายก็พูดเกินไป”
วีรยาเคาะประตูห้องและเดินเอาเครื่องดื่มที่เขาต้องการเข้ามาให้ “เบียร์ได้แล้วค่ะเจ้านาย”
สองหนุ่มรับกระป๋องเบียร์มาเปิดดื่ม และกวินก็พูดหยอกวีรยาอย่างที่เคยล้อเล่นกันมาก่อน
“คุณวีคุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าเก้าอี้ตำแหน่งเลขาผู้บริหารของคุณกำลังสั่นสะเทือน เพราะอีกไม่นานเจ้านายของคุณเขาจะหาเลขาคนใหม่มาทำหน้าที่นี้แทน”
“ก็ดีค่ะดิฉันจะได้พักผ่อนอย่างสบายซะที หลังจากที่ทำงานรับใช้เจ้านายที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่อยู่กับล่องกับลอยมานาน แถมยังต้องคอยมาจัดการเก็บกวาดเหล่าบรรดาสาวๆ ที่เจ้านายเบื่อและต้องการที่จะเขี่ยทิ้ง มันเป็นงานหนักมากเลยนะคะนั่นน่ะ สงสารก็แต่คนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้แทนดิฉันนี่ละค่ะ คงจะต้องปวดหัวไปอีกนานทีเดียว”
“ไม่มีใครที่จะมาทำหน้าที่นี้ได้ดีไปกว่าคุณ อย่าเพิ่งฝันว่าผมจะยอมปลดคุณลงจากตำแหน่งเลยคุณวีเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผมจะหาผู้ช่วยมือหนึ่งมาช่วยงานคุณอีกแรงต่างหาก”
“ขอบคุณมากค่ะ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“วินนายมาหาฉันวันนี้นายยังไม่ได้บอกเลยว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า”
“ฉันแค่จะมาชวนนายไปงานเดินแฟชั่นโชว์เพชรคืนนี้ด้วยกัน”
“แฟชั่นโชว์เพชร! นายจะไปทำไม....ถ้าอยากได้เพชรให้ผู้หญิงของนายละก็แค่ยกโทรศัพท์แค่นี้ก็เรียบ
ร้อยแล้ว”
“ฉันไม่ได้จะชวนนายไปดูเพชร แต่จะชวนไปดูนางแบบต่างหาก”
“แบบนี้ค่อยน่าสนหน่อย แต่งานนี้มีอะไรพิเศษเหรอ นายถึงได้ดูกระตือรือร้นอยากที่จะไป”
“ความพิเศษของงานนี้อยู่ที่นางแบบกิตติมศักดิ์ ที่จะสวมเครื่องเพชรที่มีราคาแพงที่สุดของงาน”
“อืมม์...ใครกันที่เป็นนางแบบกิตติมศักดิ์คนนั้น”
“ก็คุณหนูเมธาวีที่นายอยากได้นักยังไงละ” เมื่อปิยภัศร์รู้จากปากของเพื่อนรักว่าใครคือนางแบบกิตติมศักดิ์ในค่ำคืนนี้ ก็ทำให้เขาหูตาแพรวพราวขึ้นมาทันที
“ตะวันงั้นเหรอตกลงฉันไปแน่ แต่ต่างคนต่างขับรถไปก็ละกันนะ เผื่อว่างานนี้คุณกวินจะไปหิ้วนางแบบมาอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาในยามค่ำคืน”
“นายไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของฉันหรอก ยุ่งแต่เรื่องของตัวเองเถอะระวังรถไฟจะชนกัน เห็นเมื่อสองสามวันก่อนควงซินดี้นางแบบสาวชื่อดังอยู่ไม่ใช่เหรอ คืนนี้เธอก็เป็นนางแบบที่จะต้องเดินบนเวทีนี้ด้วยนะ นายสับรางให้ดีละอย่าให้เสียชื่อคาสโนวาหนุ่ม”
“ฝีมือระดับนี้ไม่มีพลาดอยู่แล้วงานเริ่มกี่โมง”
“หนึ่งทุ่มเป็นงานการกุศลหาเงินช่วยเหลือเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี เผื่อนายอาจจะอยากทำบุญกับเขาบ้าง โดยการประมูลเครื่องเพชรที่นางแบบกิตติมศักดิ์ใส่โชว์ในงาน ฉันมาบอกนายแค่นี้แหละ แล้วเจอกันเย็นนี้”
ในเวลาเดียวกันนั้นเองภายในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าของตระกูล “จิระกานต์กุล” มีหญิงสาวผมยาวตรงเกือบถึงกลางหลังเจ้าของใบหน้าเนียนใสและดวงตากลมโตน่ารัก เธอสวมเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์คู่ใจยี่
ห้อดัง ถึงแม้จะเป็นเสื้อผ้าเรียบง่ายธรรมดา แต่สามารถบ่งบอกรสนิยมของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี เมธาวีเดินลงมาข้างล่างเพื่อที่จะไปร่วมงานเดินแบบแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนางแบบที่จะต้องใส่เครื่องเพชรเดินแบบในงานนี้ด้วย แต่เมื่อตะวันพบบิดานั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องรับแขกสุดหรู จึงเดินเข้าไปนั่งข้างตัวท่าน แต่บิดากลับไม่รับรู้ถึงการมาของเธอ
“พ่อคะ...เป็นอะไรไปคะ...ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงที่แสดงความห่วงใยของลูกสาวทำให้คุณวิชญะหลุดจากภวังค์
“ตะวันกำลังจะไปไหนหรือลูก พ่อมีเรื่องอยากจะพูดกับลูกอยู่พอดี” เขาพูดพร้อมกับลูบหัวของลูกอย่างรักใคร่
“ตะวันกำลังจะไปเดินแบบงานแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรที่บอกพ่อไว้เมื่อเช้าไงนี้คะ แต่ยังพอจะมีเวลาค่ะพ่อมีอะไรจะพูดกับตะวันเหรอคะ”
“ลูกไปงานแฟชั่นโชว์ให้เสร็จก่อนก็ได้ แล้วคืนนี้เราค่อยกลับมาคุยกัน”
“เอาแบบนั้นเหรอคะงั้นตะวันไปก่อนนะคะ” หญิงสาวจูบแก้มบิดาก่อนที่จะเดินออกไป โดยที่ไม่มีโอกาสรู้เลยว่าพ่อของเธอลำบากใจมากแค่ไหน ที่จะต้องอธิบายถึงความจำเป็นที่เธอจะต้องไปทำงานและพำนักอยู่ที่บ้านของ ปิยภัศร์ รัชตะสุภาค วันนี้หญิงสาวต้องขับรถเองเพราะคนขับรถขอลากลับบ้าน ทำให้เธอไม่มีทางเลือก และไม่บ่อยครั้งนักที่เธอจะขับรถเองเช่นนี้
ณ งานแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรที่โรงแรมดังย่านสุขุมวิท เหล่าบรรดานางแบบชั้นแนวหน้าของเมือง ไทยต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ และกำลังวุ่นอยู่กับการแต่งหน้าแต่งตัว แต่เมธาวีแต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเลือกที่จะนั่งพักอยู่ในมุมหนึ่งของห้องแต่งตัว เพื่อรอเวลาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินสองนางแบบของงานในคืนนี้คุยกัน
“ซินดี้...คุณปิยภัศร์ของเธอมาถึงแล้วนะมาพร้อมกับคุณกวิน”
“ขอบใจมากนะจินนี่ งั้นเดี๋ยวฉันไปหาเขาก่อน”
ซินดี้เดินตามหาชายหนุ่ม จนพบว่าเขายืนคุยกับกวินเพื่อนรักของเขาอยู่ที่ข้างเวที เธอจึงวิ่งเข้าไปหาเขาและกอดแขนเขาเอาไว้พร้อมกับจูบแก้มเขา อีกทั้งยังพูดตัดพ้อต่อว่าที่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเธอ
ปิยภัศร์แก้ตัวไปว่าเป็นเพราะงานเขายุ่งมาก และเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะละเลยเธอแม้แต่น้อย เขากอดรัดฟัดเหวี่ยงแม่สาวซินดี้ตรงหน้าไม่ห่างและไม่เกรงสายตาของใคร กวินมองพร้อมกับส่ายหัวจนสายตาไปเจอกับหญิงสาวคนหนึ่งเข้า เขาจึงเดินเข้าไปทักทายเธอพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณตะวันมานานแล้วเหรอครับ”
“สวัสดีค่ะคุณวินก็มาสักพักแล้วค่ะ ไม่ยักทราบมาก่อนว่าคุณก็ชอบมางานแบบนี้ด้วย”
“พวกผมมาเพราะคุณเป็นนางแบบกิตติมศักด์ของงานนี้นะครับ ปกติแล้วงานแบบนี้พวกผมไม่มากันหรอกครับ เรื่องเพชรต้องเหมาะกับผู้หญิง”
“ขอบคุณนะคะที่แวะมา แต่อย่าลืมซื้อเครื่องเพชรติดไม้ติดมือกลับไปฝากแฟนบ้างสักชุดสองชุดนะคะถือว่าทำกุศลร่วมกัน เพราะรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายของงานนี้ เขาจะนำไปบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีค่ะ” แล้วสายตาของเมธาวีก็หันไปพบเข้ากับภาพที่ไม่ค่อยโสภาสักเท่าไร เพราะเป็นภาพของผู้ชายชีกอคนนั้นกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยง และจูบนัวเนียอยู่กับแม่ซินดี้นางแบบสาวคนหนึ่งของงานนี้
“ฉันขอตัวก่อนนะคะจะต้องไปเตรียมเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เพราะว่าเดี๋ยวการแสดงก็จะเริ่มขึ้นแล้ว”
“ตามสบายครับ...คุณเดินชุดสุดท้ายเลยใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเธอเดินผ่านปิยภัศร์ซึ่งกำลังจูบปากดูดดื่มอยู่กับซินดี้นั้น สายตาของคนทั้งคู่ก็สบกันพอดี และเขาได้ยินเสียงเธอพูดเหน็บแนมเขาพร้อมกับยิ้มเยาะ
“พวกหื่นกาม โรงแรมมีเยอะแยะก็ไม่ไป ชอบมาทำอะไรประเจิดประเจ้อแถวนี้”