บทที่ 2
“สวัสดีครับคุณตะวันผมปิยภัศร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหลิ่วตาให้เธอ ตะวันรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้ ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มเอ่ยทักทายเธอจึงพูดขึ้นมาลอยๆ
“ผู้ชายอะไรไม่มีมารยาท”
“ตะวันพูดกับคุณปิยภัศร์แบบนี้ได้ยังไงกัน ขอโทษคุณปิยภัศร์เดี๋ยวนี้นะ”
“ทำไมตะวันจะต้องขอโทษ...เขาต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายขอโทษตะวัน ผู้ชายอะไรไม่มีมารยาทเอาซะเลยจ้องมองผู้หญิงด้วยสายตาแบบนี้ได้ยังไงกัน หลีกไปนะ” เธอพูดแบบโมโหแล้วก็เดินกระแทกไหล่ของปิยภัศร์ไปพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาท้าทายก่อนเดินจากไป คุณวิชญะกล่าวตำหนิลูกสาว
“ตะวันทำไมเสียมารยาทแบบนี้” แต่เมื่อเห็นว่าตะวันเดินไปไกลแล้วก็เลยหันกลับมาขอโทษชายหนุ่ม
“ผมต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะครับ ตะวันกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจนิสัยก็เลยเป็นแบบนี้ พวกคุณอย่าถือสาเลยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณวิชญะไม่ต้องคิดมาก” ปิยภัศร์ตอบกลับไปเช่นนั้นแต่ในใจของกลับคิดว่า
‘ดีฤทธิ์มากและพยศจัดแบบนี้แหละดี ฉันจะเป็นคนปราบพยศของเธอเอง รับรองว่าเราจะต้องได้เจอกันอีกแน่เร็วๆ นี้ด้วย’
“ผมคงจะต้องขอตัวก่อน จะพาตะวันไปแนะนำให้รู้จักกับแขกที่มาร่วมงานในวันนี้”
“เชิญตามสบายครับเห็นทีเราสองคนคงจะต้องขอตัวกลับก่อนเช่นกัน”
“ได้ครับขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานนี้นะครับ...เอ่อ...คุณปิยภัศร์เรื่องที่ผมขอพบคุณ”
“คุณให้เลขาของคุณนัดกับเลขาของผมได้เลยครับ”
“ขอบคุณมากครับ”
“ผมไปก่อนนะครับ” กวินเอ่ยขอตัวเช่นกัน
“เชิญครับ” เมื่อสองหนุ่มเดินมาที่รถปิยภัศร์ก็ถามเพื่อนรัก
“วินนายจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ว่าจะไปดูที่ผับซะหน่อยนายมีอะไร”
“ไม่มีงั้นแยกกันตรงนี้ละกัน ฉันจะกลับบ้านไปนอนพักผ่อน”
“ห๊า!! นี่ฉันได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า เสือไม่ออกล่าเหยื่อเหรอวันนี้แปลกมาก” ปิยภัศร์ตอบเพื่อนรักพร้อมเสียงหัวเราะ
“มันก็ต้องมีเบื่อกันบ้าง ฉันไปละไว้ค่อยนัดกินเหล้ากัน” ปิยภัศร์โบกมือให้เพื่อนรัก
“โอเค ... ภัศร์นายก็อย่าขับรถให้มันซิ่งนัก เดี๋ยวจะไม่ถึงบ้านแต่แวะเข้าข้างทางซะก่อน” จากนั้นก็ต่างแยกย้ายกันไป
ปิยภัศร์ขับรถกลับบ้าน พร้อมกับคิดถึงใบหน้าของเมธาวีรวมไปถึงความถือดีของเธอ ทำให้เขารู้สึกว่าจะต้องทำทุกวิถีทางที่จะเอาเธอมาเป็นของเขาให้ได้ ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานนักในการขับรถกลับบ้าน ด้วยความที่เป็นคนชอบความเร็วจึงมักจะขับรถเร็วอยู่เป็นประจำ
เมื่อปิยภัศร์ก้าวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่โตหรูหราราวกับวัง แต่ดูเงียบเหงาวังเวงเพราะว่ามีเจ้านายเพียงสองคนเท่านั้นคือเขากับป้าวรรณซึ่งเป็นแม่นมที่รักและเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก...สำหรับตัวเขาถึงแม้ว่าจะชอบหงุดหงิดหรือชอบแผลงฤทธิ์กับคนอื่น แต่คนเดียวที่เขายกเว้นก็คือ “ป้าวรรณ” เธอเป็นผู้หญิงที่ชายหนุ่มทั้งรักและเคารพไม่ต่างจากมารดาผู้ให้กำเนิด
ที่จริงคงต้องบอกว่ารักมากกว่าพ่อกับแม่ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบิน และทิ้งมรดกจำนวนมหาศาลไว้ให้เขาซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวซะอีก เพราะตั้งแต่เขาจำความได้ก็จะมีแต่ป้าวรรณคนเดียวเท่านั้น ที่จะคอยดูและเอาใจใส่เขาราวกับว่าเธอเป็นแม่แท้ๆ ของเขาเอง กับป้าวรรณแล้วปิยภัศร์จะสลัดคราบเพลย์บอยหนุ่ม หรือหน้ากากที่เขาใช้ในวงการธุรกิจออกไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงหนุ่มน้อยจอมเกเรที่จะมาป่วนป้าวรรณให้ปวดหัวตามไปด้วย
“ทำไมวันนี้คุณภัศร์กลับบ้านเร็วได้ละคะ นี่ป้าแก่จนตาฝ้าฟางหรือว่ามองนาฬิกาผิดกันแน่ ที่คุณกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน”
ปิยภัศร์ยิ้มแล้วก็เดินมากอดป้าวรรณไว้ในวงแขนแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา
“อย่างป้าวรรณไม่ใช่ตาฝ้าฟางหรอกครับ แต่เขาเรียกว่าตาสับปะรดต่างหาก เพราะไม่ว่าผมจะไปทำอะไรที่ไหนป้าวรรณดูจะรู้ไปซะหมดทุกเรื่อง ว่าแต่วันนี้มีอะไรให้ผมทานบ้างไหมครับผมหิวจังเลย”
“ปล่อยป้าก่อนค่ะป้าไม่ใช่สาวในฮาเร็มของคุณนะคะ...นี่คุณภัศร์ยังไม่ได้ทานอะไรมาอีกเหรอคะ หิวมากไหมคะ เดี๋ยวป้าจะรีบไปอุ่นอาหารให้นะคะ ตอนนี้คุณภัศร์ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ค่ะ ป้ารับรองว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงได้ทานอาหารแน่นอน”
จากนั้นก็เดินเข้าครัวซึ่งเป็นเสมือนอาณาจักรของเธอ เพราะเธอชื่นชอบการทำอาหาร และมักจะทำอาหารทั้งคาวหวานเตรียมไว้ให้กับเจ้านายหนุ่มเสมอ ถึงแม้เขาจะห้ามไม่ให้เธอลงมือทำเองเพราะเกรงว่าเธอจะเหนื่อย แต่ป้าวรรณก็ยังคงยืนยันว่าจะทำ เพราะเป็นความสุขของเธอที่ได้จัดทำอาหารไว้คอยต้อนรับชายหนุ่ม
ดังนั้นปิยภัศร์จึงเนรมิตครัวที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันทันสมัย ที่ล้วนแล้วแต่สั่งตรงมาจากต่างประเทศไว้สำหรับเธอ เพื่อผ่อนแรงไม่ให้เธอเหนื่อยจนเกินไป
ชายหนุ่มเดินผิวปากลงมาหลังจากอาบน้ำเรียบร้อย กลิ่นอาหารที่หอมกรุ่นรอเขาอยู่ ปิยภัศร์นั่งทานอาหารพร้อมกับชวนป้าวรรณให้ทานด้วยกัน แต่ได้รับคำปฏิเสธเธอแค่นั่งคอยอำนวยความสะดวกให้กับชายหนุ่มเท่านั้น
“ป้าวรรณคิดว่าบ้านเราเงียบเหงาเกินไปไหมครับ”
“ป้าก็เห็นว่าบ้านเราเงียบเหงาแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่คะ ทำไมคุณภัศร์ถึงถามป้าแบบนี้ละคะ”
“ก็ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะหาสมาชิกใหม่มาเพิ่มอีกคนดีหรือเปล่า” ป้าวรรณถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พูดแบบนี้หมายความว่าคุณภัศร์กำลังจะแต่งงานหรือคะ”
“แต่งงาน! คำนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของผมเลยด้วยซ้ำ ไม่มีทางเด็ดขาดป้าวรรณก็น่าจะรู้ว่าผมหวงชีวิตโสดของผม”
“อ้าว...แล้วที่บอกป้าว่าจะหาสมาชิกใหม่มันหมายความว่ายังไงกันคะ อย่าบอกป้านะคะว่าไปพลาดท่ากับสาวที่ไหนแล้วมีลูกติดมาน่ะค่ะ”
“โอยยย...ป้าวรรณคิดมากไปกันใหญ่แล้วครับ ฝีมืออย่างผมคุมไม่มีพลาดอยู่แล้ว” ป้าวรรณถอนหายใจแรงอย่างโล่งอกไปที
“ฟังแล้วค่อยสบายใจหน่อย แล้วตกลงคุณภัศร์จะเอาใครมาเป็นสมาชิกใหม่กันละคะ ปกติแล้วคุณไม่เคยเอาผู้หญิงในฮาเร็มเข้ามาที่นี่นะคะ”
ป้าวรรณรู้ดีว่าต่อให้ปิยภัศร์เจ้าชู้เพลย์บอยแค่ไหน แต่เขาก็จะมีที่ส่วนตัวที่จะปฏิบัติภาระกิจเหล่านั้น โดยไม่ให้พวกผู้หญิงพวกนั้นก้าวเท้าเข้ามายุ่งย่ามภายในบ้านหลังนี้ เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่ของชายหนุ่มร่วมกันสร้างขึ้นมา
“ก็คนนี้พิเศษนิดหนึ่งครับ...แต่ก็ไม่ได้พิเศษจนทำให้ผมยอมสละชีวิตโสดได้หรอกนะครับ ป้าวรรณรู้จักคุณหนูเมธาวี จิระกานต์กุลไหมครับ” ผู้สูงวัยนิ่งคิดอยู่สักพักก่อนที่จะเอ่ยปาก
“คุณตะวันลูกสาวของคุณวิชญะที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกใช่ไหมคะ ได้ข่าวว่าสวยมากทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ แต่ไม่ค่อยจะมีคนเห็นเธอมากนัก เพราะถูกส่งไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่จบไฮสคูลจากที่นี่ รู้สึกว่าจะไปพร้อมกับลูกสาวบุญธรรมของคุณวิชญะนั่นละค่ะใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับคนนั้นละครับที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านของเรา ฤทธิ์มากแบบนั้นคงจะสนุกพิลึก”
“คุณตะวันเธอก็มีบ้านของเธอ แล้วทำไมเธอจะต้องมาอยู่ที่บ้านของเราด้วยละคะ” ป้าวรรณถามเพราะความสงสัย
“ก็เพราะว่าผมต้องการให้ตะวันมาอยู่ที่นี่ เธอก็ต้องมาอยู่ที่นี่ตามความต้องการของผมไงครับ” แต่พอเขาเห็นสายตาที่ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ชายหนุ่มก็เลยอธิบายให้ป้าวรรณฟัง
“ธุรกิจพ่อของเธอประสบปัญหาทางด้านการเงิน แล้วเขาต้องการความช่วยเหลือจากผม ถ้าผมไม่ช่วยก็ดูเหมือนว่าจะใจดำไปหน่อย ผมก็เลยตัดสินใจที่จะช่วยให้เขาไม่ต้องเป็นบุคคลล้มละลาย”
“ฟังดูเหมือนคุณภัศร์จะเป็นคนดีนะคะแต่...”
“ป้าวรรณรู้ทันผมไปซะทุกเรื่อง....ใช่ครับแต่ว่าธุรกิจก็คือธุรกิจไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ มันต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง”
“หมายความว่าคุณภัศร์จะช่วยคุณวิชญะโดยมีเงื่อนไขว่า เขาจะต้องเอาลูกสาวของเขามาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเหรอคะ” ปิยภัศร์ดีดนิ้ว
“ถูกต้องแล้วครับ”