บทที่ 1
ณ ห้องจัดเลี้ยงสุดหรูในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
เหล่าบรรดากองทัพนักข่าวและบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจ รวมไปถึงพวกสังคมไฮโซได้มารวมตัวกันที่นี่ เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคุณวิชญะ จิระกานต์กุล นักธุรกิจชื่อดังของเมือง ไทยเธอคือ “คุณหนูเมธาวี หรือ ตะวัน” ที่เพิ่งจะเรียนจบปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกา กวิน อัศวะนันท์ และ ปิยภัศร์ รัชตะสุภาค สองหนุ่มเพลย์บอยและนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงก็ได้รับการ์ดเชิญให้มาร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน
ตอนแรกกวินก็ไม่คิดจะมาร่วมงานนี้แต่ปิยภัศร์เพื่อนรักของเขาโทรมาชวน เมื่อชายหนุ่มทั้งสองเดินทางมาถึงที่งาน วิชญะก็เดินตรงเข้ามาต้อนรับและทักทายปิยภัศร์ และ กวินด้วยความเป็นกันเอง
“ยินดีด้วยนะครับที่คุณเมธาวีจบการศึกษากลับมา เธอจะได้มาช่วยคุณดูแลธุรกิจ” กวินกล่าวแสดงความยินดีกับคุณวิชญะ
“ขอบคุณมากครับที่พวกคุณมาร่วมงานนี้ ส่วนเรื่องธุรกิจผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ...” วิชญะรู้สึกตัวว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้ เขาก็เลยเชิญบุคคลทั้งสองเข้าไปภายในงาน
“เชิญพวกคุณข้างในดีกว่านะครับ มีคนถามหาพวกคุณอยู่หลายคนทีเดียว”
“แล้วคุณเมธาวีอยู่ไหนครับ”
ปิยภัศร์ซึ่งเดินตามคุณวิชญะเข้ามาในงานอดถามขึ้นมาไม่ได้ เนื่องจากเขามองหาแล้วแต่ไม่พบ
“ตะวันยังไม่ลงมาเลยครับแต่อีกสักครู่ก็คงจะลงมา และผมจะแนะนำให้พวกคุณรู้จักเชิญทางนี้ครับ”
เมื่อเข้ามาในงานก็มีนักธุรกิจมากหน้าหลายตามาทักทายกวินและปิยภัศร์ วิชญะจึงขอแยกตัวไปต้อนรับแขกคนอื่นๆ ทิ้งให้สองหนุ่มพูดคุยกันตามลำพัง
“ภัศร์ทำไมนายถึงได้อยากมางานนี้”
“เพราะฉันอยากจะเห็นหน้าตาลูกสาวของคุณวิชญะน่ะสิ ไม่งั้นจะโทรไปชวนนายมาด้วยทำไม เขาลือกันว่าทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ฉันก็เลยอยากรู้ว่าตัวจริงจะสวยสักแค่ไหน หรือว่าเป็นแค่ราคาคุยเพราะว่ามีพ่อรวย”
“ฉันได้ข่าวมาว่าธุรกิจของคุณวิชญะกำลังประสบปัญหาวิกฤต เกี่ยวกับเรื่องการเงินอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ประมาณนั้นถ้าคุณวิชญะระดมเงินทุนมาซัพพอร์ตไม่ทัน อาจจะต้องโดนถึงขั้นถูกฟ้องล้มละลายเพียงแต่มันเป็นข่าววงใน และคุณวิชญะเองก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ให้ข่าวนี้ลั่วไหลออกไป”
“อืม...ฉันก็ได้ยินมาอย่างนั้นเหมือนกัน และดูเหมือนจะใช้เงินไปไม่น้อยในการปิดข่าวนี้ นายว่าลูกสาวของเขาจะรู้เรื่องนี้ไหม”
“ยังไม่น่าจะรู้นะ” ปิยภัศร์ตอบพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไร
“ภัศร์นายไม่คิดที่จะช่วยเหลือคุณวิชญะบ้างเหรอ ฉันเห็นนายค่อนข้างที่จะสนิทสนมกับเขา”
“ก็ต้องดูก่อนว่าลูกสาวของเขาสวยจริงสมคำร่ำลือหรือเปล่า”
“พูดแบบนี้หมายความว่าถ้าคุณหนูตะวันสวยจริง นายอาจจะตัดสินใจช่วยเหลือธุรกิจพ่อของเธองั้นสิ”
“มันก็ไม่แน่แต่ถ้าช่วยมันก็คงจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันบ้าง” ปิยภัศร์พูดพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
กวินได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “ยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้คงจะมีแผนการร้ายซ่อนอยู่ในใจแล้วสินะ”
“อะไรกันฉันดูเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย นอกจากเห็นสาวคนไหนถูกใจก็อยากจะฟันเขาท่าเดียว และคนอย่างนายลองนึกอยากได้อะไรแล้วละก็ต้องเอามาเป็นของตัวเองจนได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลจริงไหม”
ปิยภัศร์หัวเราะพร้อมกับตบไหล่ของเพื่อนรัก
“วินนายเป็นเพื่อนที่รู้ใจฉันจริงๆ ไม่เสียแรงที่คบกันมานาน”
แต่ก่อนที่จะพูดอะไรกันต่อพิธีกรก็ขึ้นไปกล่าวเชิญเมธาวีขึ้นมาบนเวที ทำให้การสนทนาของทั้งคู่ยุติลง และหันไปให้ความสนใจพิธีการบนเวทีแทนเพราะทุกคนต่างก็รอคอยเวลานี้
เมธาวีปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกับชุดราตรียาวเกาะอกสีแดงเพลิงตัดกับสีผิวขาวนวลของเธอ ใบหน้าอ่อนใสผิวขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ผมยาวนุ่มน่าสัมผัส เรียวปากบางสีระเรื่อมีรอยยิ้มผุดขึ้นเล็กน้อย ทุกสายตาต่างก็จับจ้องมองไปที่เธอเป็นจุดเดียวกัน นักข่าวแข่งกันรัวกดชัดเตอร์ให้แสงแฟลชวูบวาบไปหมด เธอยิ้มได้เซ็กซี่มากและกล่าวทักทายทุกคน พร้อมกับตอบคำถามของนักข่าวได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ และเป็นธรรมชาติไม่มีอาการเขินอายให้เห็น ปิยภัศร์ยกมือลูบริมฝีปากของตัวเองพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาโลมไล้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“สวยจริงสมคำร่ำลือทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ แบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย”
กวินหันไปมองหน้าเพื่อน “นายกำลังจะบอกว่านายสนใจคุณตะวันละสิ คิดจะสละโสดหรือยังไง”
“สละโสด! พูดเป็นเล่นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว นายก็รู้ว่าฉันหวงชีวิตโสดของตัวเองมากแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าฉันสนใจเธอ ว่าแต่นายสนใจเธอหรือเปล่าถ้านายสนใจฉันจะหลีกทางให้”
“ไม่ละท่าทางดูจะเป็นคุณหนูอารมณ์ร้ายฉันขี้เกียจปราบพยศ เชิญนายตามสบายเถอะ แล้วนายมีแผนอะไรในใจกันแน่”
“ก็ไม่ใช่แผนซับซ้อนอะไร แค่คุณวิชญะให้เลขาของเขาติดต่อมาบอกว่าอยากจะขอพบฉัน ก็คงจะพูดเรื่องให้ช่วยเหลือธุรกิจของเขานั่นแหละ แต่ฉันยังเฉยอยู่ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรกลับไป เพราะอยากที่จะมาดูตัวลูกสาวของเขาก่อนการตัดสินใจ บางทีฉันอาจจะช่วยเขานะแต่ว่ามันก็ต้องมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยน” กวินหัวเราะก่อนที่จะพูดอย่างรู้เท่าทันความคิดของเพื่อน
“อย่าบอกนะว่าจะเอาลูกสาวของเขามาขัดดอก”
“จะพูดแบบนั้นก็ได้ไม่งั้นฉันจะชวนนายมางานวันนี้ทำไม”
และการพูดคุยของทั้งสองหนุ่มต้องยุติลง เพราะคุณวิชญะพาลูกสาวมาแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนนักธุรกิจ และคนดังในวงสังคมไฮโซมากหน้าหลายตาจนเมธาวีเองก็ไม่สามารถจดจำได้หมด ได้แต่พูดจาทักทายพวกเขาตามมารยาทเท่านั้น จนกระทั่งเดินมาถึงตรงที่ปิยภัศร์กับกวินยืนอยู่ วิชญะกล่าวแนะนำเธอกับชายหนุ่มทั้งสองคน
“ตะวันรู้จักกับคุณปิยภัศร์และคุณกวิน สองหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ที่จัดได้ว่าเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย”
“สวัสดีครับคุณเมธาวี ผมกวินยินดีที่ได้รู้จักครับ” กวินพูดพร้อมเปิดยิ้มกว้างจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้มเขา
“สวัสดีค่ะคุณกวินยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ เรียกตะวันดีกว่านะคะไม่ต้องเรียกให้เป็นทางการแบบนั้นหรอกค่ะ” ตะวันพูดจาทักทายกวินอย่างเป็นกันเอง แต่กับปิยภัศร์นั้นเธอไม่ชอบสายตาของเขาที่จ้องมองโลมไล้เธอราวกับจะมองทะลุเข้าไปในเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่
‘ผู้ชายชีกอ’ เธอได้แต่คิดในใจ