บทที่ 2 ประชดรัก (2)
“กับใครคะ แล้วไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่” รุ่งนภาที่เพิ่งหายช็อกจากการอุทานของสามีถามอย่างแปลกใจระคนสนใจใคร่รู้
“คบเมื่อไหร่ผมจำเป็นต้องบอกคุณด้วยเหรอ” วาโยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันมาคุยกับคนเป็นพ่อ “เธอชื่อดาวเป็นพี่สาวของเมียเพื่อนผมเองครับ” จะว่าไปนี่เป็นข้อมูลที่เขารู้เกี่ยวกับภรรยาในอนาคต ซึ่งมันน้อยมากราวกับคนแปลกหน้า
“แกไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม” นายวรโชติถามอย่างไม่มั่นใจ เพราะกลัวว่าลูกชายอาจจะพูดประชดอย่างที่เคยทำ
“ผมพูดจริงครับ พ่อว่างวันไหนไปพบครอบครัวทางโน้นกับผมหน่อยได้ไหมครับ”
“มันได้อยู่แล้ว ตกลงแกเอาจริงใช่ไหมเนี่ย” นายวรโชติถามย้ำอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าด้วยสถานการณ์หรือความรู้สึกของลูกชายตอนนี้ไม่น่าจะไปรักไปชอบผู้หญิงคนไหนได้เลย
“ทำไม พ่อไม่ดีใจเหรอครับที่ ผมจะมีเมียเสียที” วาโยย้อนถามพลางปรายตามองผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยนั่งอยู่ข้างเขา แต่ตอนนี้กลับไปนั่งข้างคนเป็นพ่อเสียแล้ว
“ไอ้ดีใจมันก็ดีใจอยู่แล้ว แต่ที่แกจะแต่งงานเพราะรักผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม ไม่ได้ทำเพื่อประชดใคร” นายวรโชติตัดสินพูดออกไปตามความคิดของตัวเอง ทั้งนี้ก็เพื่อลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้
“คุณพ่อจะสนใจทำไมครับว่าผมจะแต่งเพราะอะไร พ่อว่างวันไหนบอกผมแล้วกัน ผมจะได้บอกทางโน้นไว้” วาโยตัดบท ถึงไม่พูดออกไปเขาก็รู้ว่าคนเป็นพ่อก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้เขามีสภาวะทางใจเป็นอย่างไร
“ถ้าแกรักเขาก็ดีไป แต่ถ้าแต่งเพราะประชดไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะน่าสงสารเหรอ”
ได้ยินอย่างนั้นวาโยถึงกับชะงัก นึกถึงคำพูดขององศาขึ้นมา ใบหน้าของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความสับสนก็ปรากฏขึ้นมาในหัว และทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“นั่นแกจะไปไหน” นายวรโชติลุกขึ้นเรียกลูกชายที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นเดินออกจากบ้าน “จะไปข้างนอกครับ”
“ไหนบอกว่าง่วงไง”
“ผมจะไปนอนที่คอนโดนะครับ และอาจจะอยู่ยาว” มันเป็นที่ที่เขาอยู่แล้วรู้สึกว่าสงบจิตสงบใจที่สุดที่หนึ่ง ส่วนอีกที่ก็สถานบันเทิงยามค่ำคืน
“แต่แกเพิ่งกลับมาอยู่บ้านแค่ไม่กี่วันเองนะ” นายวรโชติแย้งขึ้นอย่างไม่พอใจ ตั้งแต่เขาพารุ่งนภามาอยู่ในบ้านวาโยก็มักจะหนีออกไปอยู่ที่คอนโดบ่อย ๆ
“ถึงผมไม่อยู่ก็มีคนดูแลอยู่แล้วนี่ครับ” วาโยบอกเสียงขืนพลางปรายตามองคนทั้งคู่แล้วเบือนหนี
“แต่ไปอยู่คนเดียวแบบนั้นคุณพ่อเป็นห่วงคุณมากนะคะ” รุ่งนภาให้เหตุผล ซึ่งเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้กุขึ้นแต่อย่างใด เพราะนายวรโชติมักจะบ่นและโทรหาลูกชายให้กลับบ้านเสมอ
“ผมอยู่แบบนั้นสบายใจกว่า ไปนะครับ” ว่าแล้วก็รีบเดินออกไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ไหวเลยจริง ๆ” นายวรโชติอดที่จะบ่นไม่ได้ เขาถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงกลับไปนั่งที่เดิมอย่างเหนื่อยใจ
“คุณไม่น่าไปพูดอย่างนั้นเลย โยอาจจะรักผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ ก็ได้นะคะ” รุ่งนภาทักท้วง แม้เธอคิดไม่ต่างกับสามี แต่การไปพูดอย่างนั้นก็รั้งแต่จะทำให้ผิดใจกันมากขึ้นมากกว่าเดิม และก็ไม่แน่ว่าการที่วาโยได้แต่งงานกับใครสักคนจะเป็นการดีก็ได้
“ภาวนาให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เถอะ” นายวรโชติหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้คนเป็นภรรยา รุ่งนภาตบปลอบที่ไหล่กว้างนั้นเบา ๆ ก่อนจะทำหน้าตาตื่นเต้นขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
“เราจะไปพบครอบครัวนั้นวันไหนดีคะ เร็วหน่อยก็ดีนะคะ เอาอย่างนี้ไหมพวกเรามาจัดงานแต่งพร้อมกันไปเลย” รุ่งนภาเสนอความคิดด้วยสายตาที่เป็นประกาย และอีกอย่างถ้าทำแบบนี้มันก็จะสามารถทำให้ผู้คนที่นินทาเรื่องพ่อลูกแย่งผู้หญิงคนเดียวกันถูกลบออกไปด้วย
“เอ่อ เข้าท่าดี งั้นไปพรุ่งนี้กันเลย”
“ดีค่ะ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว” รุ่งนภาบอกด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนนายวรโชติก็ต่อสายหาลูกชายเพื่อบอกกำหนดวันที่จะไปพบครอบครัวของลูกสะใภ้