ตอนที่ : 2 จูบ 2
“อิ่ม” ดัมพ์เรียกชื่อของวรดาเบาๆ เจ้าตัวก็สะดุ้งเดินหนีไปหน้าตาเฉย
“อ้าว!” แค่เรียกชื่อวรดาก็จ้ำอ้าวออกจากอู่ซ่อมรถไปอย่างรวดเร็ว ไอ้ก้องได้แต่ส่ายหน้าไปมา วันนี้มันวันอะไรเพื่อนของลูกพี่มันถึงได้ทำตัวผิดปกติอย่างรุนแรง
พี่อิ่มของไอ้ก้องเดินเหมือนวิ่งหนีไปขึ้นมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน แต่พอหันมาเจอลูกพี่ดัมพ์ของมัน ทำไมยืนกอดอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มิหนำซ้ำยังยกนิ้วโป้งคลึงปากของตัวเองเล่นไปมาอีก มันน่าสงสัย
“พี่ดำ” ไอ้ตุ้มลองเรียก
“พี่ดำ!” ไอ้ก้องตะโกนเรียกบ้าง
“ข้าได้ยินแล้ว มีอะไร?” ดัมพ์หยุดเพ้อ หันมาจ้องหน้าลูกน้องทั้งสองแบบเหนื่อยหน่ายใจ ขัดได้ขัดดีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของลูกพี่มันเนี่ย
“ก็ไอ้คันนี้สิพี่ ซ่อมยังไงก็สตาร์ตไม่ติด ผมว่ามันซ่อมไม่ได้นะพี่ดำ” ไอ้ก้องชี้นิ้วใส่รถที่แทบจะกลายเป็นเศษเหล็กอยู่ตรงหน้า ดัมพ์เดินไปชะโงกหน้าซ้ายขวา ขยับโน่นนิดขยายนี่หน่อย ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปบิดกุญแจสตาร์ตรถ เสียงเครื่องยนต์ดังคล้ายคนใกล้ขาดใจตายดังอยู่เป็นระยะ สายตาเหลือบไปดูตรงหน้าปัดบิดกุญแจหยุดสตาร์ตแล้วลงจากรถมา
“เป็นไงพี่ดำ?” คนถูกถามส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“กะแล้ว!ผมว่าแล้วมันซ่อมไม่ได้”ไอ้ก้องแทบจะกระโดดเตะล้อรถคันตรงหน้าด้วยความโมโห เพราะว่ามันนี่แหละที่ทำให้ตนเองต้องเสียเวลาซ่อมมาตลอดทั้งวัน
“ที่ข้าส่ายหน้าก็แค่อยากจะบอกเอ็งว่า...” เดินเข้ามาใกล้ๆ กับลูกน้องตัวโย่งแล้วกระซิบช้าๆ ชัดๆ และดังๆ ว่า “น้ำ-มัน-หมด”
“หา! จริงเหรอพี่ดำ”ไอ้ก้องทำหน้าเหวอประหนึ่งตกใจเสียเต็มประดา ชะเง้อหน้ามองไปตรงพวงมาลัยราวกับอยากจะไปดูให้เห็นกับตา
“เออสิ! ทำงานกับข้ามาเป็นปีแล้วยังพลาดอีก ไปเลยนะ! ไปเอาน้ำมันมาเติมแล้วโทรนัดลูกค้าให้มารับรถได้แล้ว เปลืองพื้นที่จอดของอู่ ไป๊!”
“ครับๆ พี่ดำไปแล้วๆ” ไอ้ก้องรีบกระโดดโหยงหนีไปจากบริเวณนี้ในทันที ส่วนไอ้ตุ้มก็รีบหันไปสำรวจน้ำมันของรถคันที่ตัวเองซ่อมอยู่
“เอ็งล่ะไอ้ตุ้ม รถสตาร์ตไม่ติดอีกไหม”
“ไม่มี้! รถคันนี้ผมซ่อมเกือบเสร็จแล้ว ไม่มีปัญหาครับพี่ดำ” ปากพูดมือก็งัดๆ แงะๆ เครื่องยนต์ต่อไปเหมือนงานมันยุ่งมากจริงๆ
“เออ! อย่าให้มันดีแต่พูดเถอะ”เจ้าของอู่ดัมพ์เซอร์วิสบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปภายในบ้านที่ประตูอยู่ติดกับอู่
ดัมพ์เข้ามาในห้องอีกครั้งเพื่อเปิดดูซองเอกสารที่วรดาบอกว่าสำคัญหนักหนา เขาเอื้อมมือไปหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมาดู แกะเทปที่ปิดแทบจะทุกมุมของซองออก และเพียงแค่ได้เห็นก็รีบโยนทิ้งลงบนเตียงในทันที 'ไม่มีเลขบัญชีก็ยังหาวิธีจนได้นะกำนัน' ดัมพ์ก้มลงมองเงินปึกหนึ่งที่เขาไม่คิดจะสนใจนับด้วยซ้ำว่ามันจำนวนเท่าไหร่ มองด้วยแววตาแห่งความเฉยชา ก่อนจะหยิบมันขึ้นแล้วยัดใส่ลิ้นชักตรงโต๊ะหัวเตียงแบบลวกๆ
ห่างไปอีกเพียงหนึ่งร้อยเมตรมีหญิงสาวคนหนึ่งจอดรถแล้วเดินแกมวิ่งเข้าไปในบ้านของตน วรดาก้มหน้าก้มตาเดินแบบไม่มองหน้าใคร แม้แต่แม่ของตนเองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ถุนบ้าน
“อิ่ม! เป็นอะไรไปลูก?” เสียงทักของผู้เป็นแม่ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดบ้านต้องชะงักเอาไว้
“เปล่าค่ะแม่อิ่มไม่ได้เป็นอะไร”
“เหรอ แล้วไอ้ซองที่กำนันสันต์ฝากไปให้ไอ้ดำส่งถึงมือมันไหมลูก” นางบังอรทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แต่ก็ยังถามเผื่อไปถึงเรื่องที่กำนันสันต์ไหว้วานให้ทำตอนที่อยู่กลุ่มแม่บ้าน
“เอ่อ จ้ะแม่ ส่งถึงมือดำแล้ว” กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดขั้นต่อไป วรดาก็ได้ยินเสียงของแม่ตะโกนลอยๆ ไล่หลังมา
“ทีหลังไปบ้านไอ้ดำใส่หมวกไปด้วยนะลูก! ดูสิ ร้อนจนหน้าแดงเถือกไปหมดแล้ว” หญิงสาวก้าวฉับๆ ขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ตรงดิ่งไปเปิดประตูห้องแล้วรีบปิดลง หัวใจกำลังเต้นในจังหวะที่ผิดแผกไปจากทุกวัน
วรดาระบายลมหายใจออกมาอย่างสับสนในตัวเอง รสชาติจูบจากดัมพ์ยังคงติดตรึงอยู่บนริมฝีปาก หญิงสาวรีบเดินไปตรงเตียงนอนหย่อนสะโพกนั่งลงบนขอบเตียงอย่างคนเหนื่อยแรง ยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากแล้วหลับตาลง ภาพนั่น! ทำไมมันยังชัดเจนในความทรงจำ เธอพลาดไปแล้วที่ยอมให้ดัมพ์จูบแบบไม่ขัดขืน ต่อไปจะมองหน้ากันติดได้ยังไงคนกลุ้มใจได้แต่ทิ้งตัวลงนอนอย่างหนักใจ 'ดำนะดำทำไมต้องจูบอิ่มด้วย ไอ้บ้าเอ๊ย!'
นอนกลิ้งไปกลิ้งมาแบบคนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อสถานการณ์ระหว่างเพื่อนไม่สนิทของเธอกับดำมันเริ่มสับสนอลหม่านหัวใจ สักพักใหญ่ๆ วรดาก็เผลอหลับเข้าจนได้ รู้ตัวอีกทีก็มีเสียงตะโกนเรียกจากใต้ถุนบ้านดังขึ้นมา
“อิ่มเอ๊ย! ดำมาหาลูก” เสียงเรียกย้ำสองครั้งคนหลับลืมตาในทันที 'ดำมาหา! มาทำไมวะ'วรดาลุกลี้ลุกลนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รีบเดินไปส่องกระจก 'ส่องให้มันได้อะไร โธ่เว้ย!'
“อิ่มได้ยินไหมลูก” เสียงของแม่ก็ยังตะโกนเรียกไม่ยอมหยุด
“ไปแล้วค่า!”'เอาวะเป็นไงเป็นกัน'คนเพิ่งตื่นนอนสางผมลวกๆ ลงบันไดมา ภาพนี้ทำให้ดัมพ์ถึงกับยิ้มอย่างสิเน่หา ถึงผมจะกระเซอะกระเซิงแลดูยุ่งเหยิงเหมือนรังนก แต่ว่า 'โคตรจะน่ารักเลยว่ะอิ่ม!'
“เอ็งเป็นอะไรวะไอ้ดำ มองยัยอิ่มแล้วยิ้มแบบนี้ผีเข้าหรือไง!” นางบังอรตีเผียะที่ท่อนแขนแสนล่ำของดัมพ์ ซึ่งเจ้าตัวก็เอาแต่ยิ้มรับไม่แก้ตัวใดๆ ออกมา
“ดำมาหาอิ่มมีอะไร”คนถามวางปลายเท้าลงบนพื้นพ้นขั้นบันไดบ้านพอดี แต่หน้าของวรดากลับหันไปมองทิศด้านข้างแทน
“อ้าว!ยัยอิ่มพูดกับไอ้ดำมัน แล้วทำไมเอ็งต้องมองเล้าไก่ด้วยล่ะ” ผู้เป็นแม่มองแบบไม่เข้าใจ