ความกดดัน
สายตาของหลิวรุ่ยหลันกวาดมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ดูเหมือนจะสะอาดสะอ้าน เรียบร้อย โต๊ะทำงานของเขาไม่มีสิ่งของที่บ่งบอกว่าเขาเคยเป็นนักร้องชื่อดังมาก่อน ไม่มีรูปถ่ายเก่าๆ ไม่มีถ้วยรางวัลหรือแผ่นเสียงเกียรติยศ
มีเพียงแฟ้มเอกสารและของใช้ไม่กี่ชิ้น บ่งบอกถึงชีวิตที่เรียบง่ายและไม่ต้องการสิ่งใดมากมาย มันทำให้หลิวรุ่ยหลันรู้สึกเหมือนเธอเป็นคนที่แปลกแยกในสถานที่นี้
หญิงสาวพยายามหายใจลึกๆ และปรับตัวให้กลับมาอยู่ในสภาพที่พร้อมจะตอบคำถามของเขา การมาทำงานในไร่นี้เป็นสิ่งที่เธอเลือกด้วยตัวเอง แม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าไม่มีประสบการณ์ในเรื่องงานแม่บ้านมาก่อน แต่เธอก็ไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าเธอไม่มั่นใจ
หลี่ซือเทียนนั่งพิงพนักเก้าอี้ สายตาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าและรูปร่างของเธอ เขามองเธออย่างตั้งใจ เหมือนจะค้นหาสิ่งที่เธอซ่อนอยู่ภายในใจ ความเงียบระหว่างพวกเขายิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียด หลิวรุ่ยหลันรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้ถามคำถามเพียงเพื่อความสนใจทั่วไป แต่เขากำลังทดสอบอะไรบางอย่าง
ในที่สุดเธอก็ตอบด้วยเสียงที่ฟังดูมั่นใจ แม้ว่าภายในจะตึงเครียดเล็กน้อย “ฉันทำได้นะคะ”
เขาพยักหน้าเบาๆ แววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็มีรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ “ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าคุณจะทำไม่ได้ แต่ทำงานได้กับทำงานเป็นมันไม่เหมือนกันนะครับ”
คำพูดของเขาทำให้เธอต้องคิดหนักขึ้น หลี่ซือเทียนมีน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความจริงจัง แม้ว่าจะไม่ได้กดดันเธอตรงๆ แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความท้าทายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง การทำงานในไร่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และหลิวรุ่ยหลันเองก็รู้ดีว่าเธอต้องพิสูจน์ตัวเอง
สีหน้าของเธอเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย แม้จะพยายามควบคุมตัวเองให้ดูเป็นมืออาชีพ แต่ความกังวลภายในก็เริ่มปรากฏออกมาเล็กน้อย หลี่ซือเทียนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเธอ แต่เขายังคงนิ่งเงียบ
“คำว่าทำได้ของผม หมายความว่าคุณอาจจะทำได้แม้จะไม่เคยทำมาก่อนหลังจากมีคนบอกสอน แต่ผมบอกตรงๆ นะครับว่า หน้าที่การงานของผมในไร่ก็มีมากเกินพอแล้ว ผมคงไม่มีเวลามาสอนงานบ้านงานเรือนให้คุณค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ หรอก ตัวผมเองถึงจะพอทำเป็นแต่ก็ไม่มีความชำนาญเป็นพิเศษไม่ว่าเรื่องปัดกวาดหุงหาอาหารหรือซักรีด”
คำพูดของเขาช่างฟังดูหนักแน่นและตรงไปตรงมา หลิวรุ่ยหลันรู้สึกถึงน้ำหนักที่ถาโถมเข้ามาอย่างกะทันหัน เธอคิดว่าการทำงานในตำแหน่งแม่บ้านอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความเป็นจริงกลับทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว การที่เธอต้องมาอยู่ท่ามกลางความกดดันนี้ ทำให้เธอรู้ว่าเธอต้องปรับตัวให้ได้และต้องทำงานหนักกว่าเดิม
หลี่ซือเทียนไม่ใช่คนที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูนิ่งเฉยและเป็นกลาง แต่ลึกๆ แล้วเขามีความคาดหวังที่ซ่อนอยู่ หลิวรุ่ยหลันต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเธอสามารถทำงานนี้ได้ แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ก็ตาม
“คุณอย่าห่วงไปเลยค่ะว่าจะต้องมาคอยสอนฉัน แล้วก็ไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะจ้างดิฉันมาเสียเงินเสียทองเปล่าๆ รับรองว่าดิฉันสามารถทำงานให้คุ้มค่ากับค่าเงินของคุณได้แน่” หลิวรุ่ยหลันพยายามปลุกความมั่นใจในตัวเอง แม้ว่าภายในจะยังคงรู้สึกกดดันจากสายตาของหลี่ซือเทียนที่จ้องมองมาอย่างไม่ลดละ
หลี่ซือเทียนยักไหล่เล็กน้อย สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอเหมือนกำลังประเมินบางอย่าง เขายิ้มบางๆ ราวกับว่ากำลังท้าทายเธออีกครั้ง “ดีครับ ถ้าคุณแน่ใจว่าทำได้แน่โดยที่ผมไม่ต้องมาคอยจับมือสอน ผมจะได้หายห่วง แต่หวังว่าคงไม่ต้องทนรับประทานอาหารทุกมื้อด้วยเมนูกับข้าวสารพัดไข่นะครับ”
คำพูดนั้นทำให้หลิวรุ่ยหลันต้องอ้าปาก แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบไว้ก่อน เธอรู้สึกได้ว่าการมีปากเสียงกับนายจ้างตั้งแต่วันแรกคงไม่ใช่ความคิดที่ดี