บทที่ 4 (2)
“เดี๋ยวผมช่วยเก็บครับ เรื่องในห้องน้ำขอโทษอีกครั้งนะครับ” เขายังเอ่ยคำขอโทษเช่นเดิม ก่อนที่จะรีบเก็บของส่งให้กลับลูกตาล
“ขะ ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวมีอาการลนลาน สบสายตาของเขาเพียงชั่วครู่ เร่งรีบเดินไปที่รถที่จอดอยู่ตรงหน้า การกระทำของเธอยิ่งทำให้ทาเคชิยิ้มมุมปาก
พึงพอใจไม่น้อยกับอาการเขินอายของคนตรงหน้า ไม่นานผู้ชายที่เขาคุ้นตาก็เดินตรงมาที่รถแล้วขับออกไป
ชายหนุ่มเพ่งพินิจของที่ตกอยู่บนพื้นอีกครั้ง เมื่อกำลังจะก้าวเดินมาที่รถของตัวเอง โทรศัพท์มือถือแบรนด์ดัง ตกอยู่ที่พื้น แต่ดูท่าเหมือนเครื่องจะปิดอยู่ แต่เขากดปุ่มเปิดเครื่องยังไง โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ไม่ยอมเปิดขึ้นมา เขาจึงเก็บโทรศัพท์ลงถุงกางเกง เร่งรีบเดินทางกลับ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าน้องชายกำลังป่วย
รถยนต์ของทาเคชิขับเข้ามาจอดหน้าอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง แต่เวลานี้ร้านปิดทำการเป็นที่เรียบร้อย เขาเปิดประตูรถยนต์ เดินลงไปเปิดประตูเหล็กเลื่อนบานใหญ่ ก่อนที่จะขับเคลื่อนรถยนต์เข้ามาด้านใน เก็บรถยนต์ส่วนตัวไว้ที่โรงจอดรถที่ประจำของตัวเอง
“อ้าวเฮียวันนี้ทำไมกลับเร็วจัง” เด็กหนุ่มตะวันถามขึ้น
“ไอ้เจเป็นไง”
“อ้อ ที่แท้เฮียเพชรก็โทรบอกเฮีย ว่าไอ้เจไม่สบายนี่เองถึงรีบกลับ รายนั้นนอนหมดสภาพอยู่ในห้องแล้วครับ ผมเอายาให้กินไปแล้ว ไม่รู้ไปกินอะไรมา ท้องเสีย ผมจะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ไป” ตะวันส่ายหน้า ให้กับความดื้อรั้นของญาติสนิท ที่อายุอานามเท่ากัน และยังเป็นเพื่อนสนิทของตนเอง
“อืม เดี๋ยวไปดูหน่อย ถ้าไม่ไหวก็ต้องไปหาหมอ แล้วไอ้เพชรมันไปไหน หลายวันแล้วอยู่ไม่ติดบ้าน” เขาถามขึ้น สองเท้าก็ออกก้าวเดินเข้ามาในบ้าน ที่ถูกสร้างเอาไว้ที่หลังอู่ซ่อมรถ
ในบ้านหลังนี้ อาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่ชีวิตของชายโสด “เพชรกล้า” ที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา “ดีเจ” ที่เป็นน้องแท้ๆ ของเพชรกล้า และ “ตะวัน” ที่เป็นญาติสนิทของทั้งสองคน ทุกคนในบ้านหลังนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนไร้ญาติขาดมิตร
ทาเคชิเติบโตที่ญี่ปุ่น พ่อของเขาเป็นเชฟทำของหวาน แม่ของเขาก็เป็นคนญี่ปุ่น แต่ทั้งสองแยกทางกันตอนที่เขาอายุเพียงสามขวบ และยังมีน้องสาวที่พึ่งคลอดได้เพียงไม่กี่เดือน เหตุผลที่ทั้งสองเลิกรากัน พ่อไม่เคยบอกสาเหตุนั้น และชายหนุ่มก็ไม่เคยถามถึงเรื่องนั้น มีเพียงรูปถ่ายครอบครัวใบเดียวที่พ่อยื่นมาตรงหน้าให้เขาเก็บเอาไว้
“แม่รักลูกมากนะเคชิ ถ้าจะให้ผิดคงผิดที่พ่อเอง อย่าโทษแม่เลยนะ พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกต้องแยกจากแม่” นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ทั้งสองได้คุยกันถึงเรื่องของแม่ ทาเคชิไม่รู้เรื่องของแม่มากนัก ความจำในวัยเด็กมันหายเลือนรางไปตามกาลเวลาที่เดินไปข้างหน้า
พ่อที่รักในการทำอาหารวิ่งไล่ตามความฝัน มาเป็นเชฟที่เมืองไทย เพราะค่าตอบแทนที่สูงของเศรษฐีคนมีเงินถูกจ้างให้มาเป็นเชฟทำของหวานส่วนตัวในคฤหาสน์หลังหนึ่ง ทาเคชิเติบโตขึ้น มาท่ามกลางคนรับใช้ภายในบ้านที่ช่วยกันเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี
เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น พ่อของเขาเริ่มเก็บเงินซื้อบ้านได้หลังหนึ่ง ต่อมาไม่นาน พ่อของเขาก็มาจากไปด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ชีวิตที่มองหาทางออกไม่เจอ เขาก็มาพบกับเพชรกล้า เด็กต่างจังหวัด ที่หอบเอาความฝันเข้าเมืองกรุง มาเป็นเด็กรับจ้างในอู่ซ่อมรถ
ทั้งสองเจอกันที่โรงเรียนมัธยมต้น เพชรกล้าที่ไม่มีเงินค่าเทอม ต้องคอยผ่อนผันค่าเล่าเรียนอยู่ตลอด ทาเคชิที่มองเห็นความยากลำบากของอีกฝ่ายจึงยืนมือเข้าช่วยเหลือ เพราะตนเองยังพอมีเงินเก็บของพ่ออยู่ไม่น้อย ถ้าใช้ให้ดีก็สามารถใช้ได้ไปอีกหลายสิบปี
เมื่อเด็กหนุ่มได้รับความช่วยเหลือ ทั้งสองจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ทาเคชิจึงได้เรียนรู้ชีวิตใหม่ เขาให้เพชรกล้าเข้ามาพักในบ้าน และดื่มน้ำสาบานเป็นพี่น้องกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เพชรกล้าและทาเคชิจึงเปรียบเสมือนเพื่อนรักที่สามารถตายแทนกันได้
เด็กหนุ่มทั้งสองคนฝึกปรือฝีมือในอู่ซ่อมรถนานหลายปี พอมีทุนจึงขยับขยายมาเปิดร้านซ่อมรถเล็กๆ ข้างถนน ด้วยความมุมานะ จึงทำให้เขาทั้งสองคนสามารถเปิดอู่ซ่อมรถเล็กๆ ได้ในเวลาไม่กี่ปี