บทที่ 5
ปาริตาหน้าเสียที่พ่อไม่อนุญาต จนไม่อยากจะพูดต่อไป แต่ถ้าทิ้งไว้เธอก็ไม่สบายใจอยู่ดี หญิงสาวลุกจากเก้าอี้มาคุกเข่าตรงหน้าผู้เป็นบิดา และกราบบนตักของท่าน
“พ่อคะที่ผ่านมาริตาไม่เคยขออะไรพ่อเลย ถ้าครั้งนี้ริตาจะขอให้พ่อให้โอกาสริตาสักครั้งจะได้ไหมคะ ริตาสัญญาค่ะว่าจะทำอย่างดีที่สุด และจะไม่ให้พ่อต้องผิดหวังในตัวริตา”
วีรยุทธมองหน้าลูกสาว น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของลูกทำให้เขาใจอ่อนลง
“พ่อจะให้โอกาสริตาได้ทำตามความฝันของตัวเองสักครั้ง แต่ถ้าภายในหนึ่งปีกิจการของลูกไม่มีผลกำไร เป็นไปตามที่พ่อต้องการ ถึงตอนนั้นริตาจะต้องไปทำงานกับพ่อที่เรนโบว์แอร์ โดยไม่มีเงื่อนไขเข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ...ขอบคุณมากค่ะพ่อ” ปาริตายิ้มแล้วสวมกอดท่าน ให้อย่างไรท่านก็ไม่ใจแข็งเสียทีเดียว ดีใจเหลือเกินที่ท่านอนุญาต ปาริฉัตรพลอยดีใจไปกับลูกสาวด้วย
“แล้วเรื่องเงินลงทุนของลูกละคะ”
“ผมจะให้เงินห้าล้านสำหรับกิจการนี้ ลูกจะเอาไปบริหารยังไงมันก็เป็นเรื่องของลูก และผมก็ขอสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ผมเองก็อยากที่จะรู้เหมือนกันว่า ลูกจะทำได้อย่างที่ปากพูดหรือเปล่า”
“แต่แค่ห้าล้านจะไปพออะไรคะ ทำไมคุณถึงใจร้ายนัก” ปาริฉัตรค้อนสามี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ ริตาจะพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าริตาทำได้จริงๆ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงริตานะคะ ริตาไม่ท้อง่ายๆ หรอกค่ะ”
“ริตาฟังพ่อนะลูก ภายในระยะเวลาหนึ่งปีร้านอาหารของริตา ต้องทำกำไรให้ได้หนึ่งล้านบาท ถ้าทำได้ตามที่ตกลงกันไว้ พ่อก็จะไม่บังคับอะไรริตาอีก”
“อะไรนะคะกำไรหนึ่งล้านบาทภายในหนึ่งปี มันจะไม่โหดไปหน่อยเหรอคะ” ปาริฉัตรเอ่ยท้วง
“ถ้าคิดว่าโหดจะเปลี่ยนใจไม่ทำก็ได้นะ ผมไม่ว่า...ริตาเป็นลูกของผม...ผมมั่นใจว่าถ้าเขามีความตั้งใจจริงเขาต้องทำได้ แต่จะด้วยวิธีไหนนั้นริตาจะต้องเป็นคนไปคิดเอาเอง”
“นั่นสิครับป้าฉัตรผมเชื่อว่าริตาต้องทำได้ จริงไหมริตา สู้เขานะพี่จะคอยเป็นกำลังใจให้ และจะเป็นที่ปรึกษาให้ด้วยดีไหม”
“ริตาจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าริตาทำได้จริงๆ หวังว่าทุกคนจะคอยเป็นกำลังใจให้ริตานะคะ”
ปาริตายิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดเธอก็ได้ทำความฝันให้เป็นจริงเสียที เมื่อความฝันเป็นความจริง เธอก็ต้องตั้งใจทำให้มันออกมาเป็นรูปร่าง ที่สำคัญต้องทำให้ประสบความสำเร็จอย่างที่บิดาต้องการ เพราะไม่อย่างนั้นความจริงก็จะกลับกลายเป็นความฝันดังเดิม
อาหารค่ำผ่านไปด้วยบรรยากาศที่มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ และเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงสามทุ่มกว่า อธิคมขอตัวกลับโดยปาริตาออกมาส่งชายหนุ่มที่หน้าบ้าน ครั้นรถชายหนุ่มลับหาย เธอเข้าบ้านแล้วรีบขึ้นไปที่ห้องนอน เพื่อแจ้งข่าวดีและขอคำปรึกษาจากเพื่อนสนิทที่เธอรักมากที่สุด
“สวัสดีจ้ะเฟิร์น...คิดถึงจังเลยทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้าง”
“เฟิร์นก็คิดถึงริตาเหมือนกัน มีเรื่องจะเล่าให้ริตาฟังเยอะเลยล่ะ”
“เหรอจ๊ะริตาเองก็มีเรื่องจะเล่าให้เฟิร์นฟังเหมือนกัน แต่เฟิร์นเล่าเรื่องของเฟิร์นก่อนก็ได้ ปฏิบัติหน้าที่แอร์โฮสเตสครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง”
“ก็สนุกดีนะ...เฟิร์นตื่นเต้นมากเลยล่ะ มันเหมือนกับฝันไปหรือเปล่า เฟิร์นยังแอบหยิกตัวเองจนรู้สึกเจ็บ เพื่อทดสอบว่านี่คือเรื่องจริงมิใช่ความฝัน ฉันได้เป็นแอร์โฮสเตสอย่างเต็มตัวแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่ผู้โดยสารเดินออกจากเครื่อง ตอนนั้นเฟิร์นเจออีตาบ้าโรคจิตคนหนึ่ง หน้าตาของเขาก็ดีนะ ไม่น่าทำแบบนี้เลย”
“เขาทำอะไรเฟิร์น”
“เขาก็มาจับก้นของเฟิรน์นะสิ พอเฟิร์นหันไปโวยวายเขายังกล้าที่จะปฏิเสธ และยังมาต่อว่าเฟิร์นอีกนะว่าถ้าไม่มีหลักฐานอะไร จะมาปรักปรำเขาแบบนี้ไม่ได้ แถมยังมีหน้ามาขู่อีกด้วยว่าจะฟ้องเจ้านายของเฟิร์น เฟิร์นไม่อยากจะให้เสียประวัติการทำงาน ก็เลยยอมปล่อยเขาไป ไม่ได้เอาเรื่อง แต่ก็บอกเขาว่าถ้ามีครั้งต่อไปจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนี้แน่”
น้ำเสียงของธิชากรดูยังโกรธเคืองโรคจิตคนนั้นไม่หาย ถ้าเวลานั้นเธอไม่ใช่แอร์โฮสเตสเป็นผู้โดยสารเหมือนกัน จะไปแจ้งความจับเขาทันที หรือไม่ก็ตบหน้าสั่งสอน แล้วตะโกนให้ผู้คนรู้กันทั่ว หากไม่อาจทำอย่างนั้นได้ ต่อแต่นี้ถ้าพบหน้าอีกเมื่อไรต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบ จะได้ไม่ไปทำกับใครอีก
สำหรับปาริตาฟังเรื่องราวที่เพื่อนเล่าจนเพลิน โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า เคยได้ยินเรื่องทำนองนี้จากการบอกเล่าของพี่ชายที่เพิ่งจากไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“แล้วริตามีอะไรจะเล่าให้เฟิร์นฟังเหรอ”
“ริตาจะบอกว่า พ่อยอมให้ริตาทำร้านอาหารแล้วนะ โดยท่านจะออกทุนให้ห้าล้านบาท แต่ท่านมีข้อแม้ว่าริตาจะต้องทำกำไรให้ได้หนึ่งล้านบาทภายในหนึ่งปี”
“ว้าว...เฟิร์นดีใจด้วยนะ ในที่สุดริตาก็ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ว่าแต่ทำไมลุงยุทธถึงยอมให้ริตาเปิดร้านอาหารได้ง่ายๆ แบบนี้”
“ก็เพราะแม่กับพี่ชายของริตาช่วยกันพูด ตอนแรกท่านก็ไม่เห็นด้วย แต่ตอนหลังก็ยอม”
“พี่ชาย!? ใครกันเหรอ...เฟิร์นไม่เคยได้ยินริตาพูดถึงเขามาก่อนเลย”
ธิชากรสงสัยครามครัน ตั้งแต่รู้จักกับเพื่อนมา ไม่เคยรู้ว่าเพื่อนมีพี่ชายสักคน เท่าที่รู้มาเพื่อนเป็นลูกคนเดียว หรือว่าจะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ
“พี่ชายของริตาเอง แม่ของเขาเป็นอาของริตา พี่ทีเจเกิดก่อนริตาหลายปี และที่เฟิร์นไม่เคยพบพี่ทีเจ ก็เพราะว่าพี่ทีเจไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับริตา พี่เขามีบ้านของเขาเองที่คุณอาทั้งสองทิ้งไว้ให้ ก่อนที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อสามปีที่แล้ว”
“อืมเป็นแบบนี้นี่เอง...เอ้อจริงสิแล้วริตามีแผนการยังไงเกี่ยวกับร้านอาหารในฝันของตัวเอง”
“ก็นี่ล่ะเรื่องที่ริตาอยากจะคุยกับเฟิร์น อยากจะปรึกษา เผื่อว่าเฟิร์นจะมีไอเดียอะไรดีๆ มาแนะนำริตา ยังไงพรุ่งนี้เจอกันหน่อยได้ไหม”
“ได้สิพรุ่งนี้เฟิร์นว่างพอดี อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง” ธิชากรตื่นเต้นแทนเพื่อน เพราะเธอเองก็เพิ่งทำความฝันให้เป็นจริงเช่นกัน
“งั้นแค่นี้นะ พรุ่งนี้เจอกัน” ปาริตาพูดจบก็วางสาย
ใบหน้าของปาริตายามนี้เต็มด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เพราะตั้งแต่ที่รู้ว่าพ่อต้องการให้เธอรับช่วงกิจการของท่านต่อ เธอก็ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องนี้ แต่พอมาถึงวันนี้ความทุกข์นั้นก็หายไปจนหมดสิ้น มีแต่ความสุขอันล้นพ้น ที่จะได้มีร้านอาหารเป็นของตัวเอง คิดแล้วก็อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ เหลือเกิน