บทที่ 6
ช่วงสายของวันถัดมาปาริตาออกจากบ้านไปตามที่นัดหมาย เธอขับรถมาถึงที่โรงแรมซีบลูก่อนเวลาเล็กน้อย เจ้าของโรงแรมแห่งนี้คือบิดาบังเกิดเกล้าของเพื่อนรักที่นัดมาพบกัน ถึงแม้ทางบ้านของธิชากรจะมีฐานะร่ำรวย และมีกิจการโรงแรมรวมทั้งรีสอร์ทมากมาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปทำงานที่ใดก็ได้ แต่เพื่อนก็ยังอยากที่จะทำตามความฝันของตน เช่นเดียวกับเธอ
เมื่อปาริตาจอดรถเรียบร้อยก็เดินเข้าโรงแรม และหยิบโทรศัพท์กำลังจะโทรติดต่อเพื่อน แต่ว่าเธอได้ยินเสียงของใครบางคนเรียกเสียก่อน
“ริตา” หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียกนั้น พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบยกมือไหว้ พร้อมเดินตรงเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะอาภู...เฟิร์นละคะ”
“อยู่ที่ห้องทำงานของอา...ริตาขึ้นไปพร้อมกับอาเลยแล้วกัน” ภูรีเจ้าของโรงแรมแห่งนี้เป็นชายสูงวัยท่าทางใจดีเอ่ยชักชวนเพื่อนลูกสาว ขึ้นไปหาลูกสาวที่รออยู่ด้านบน ปาริตาตามบิดาของเพื่อน กระทั่งมาถึงห้องทำงานของชายสูงวัย เธอพบว่าธิชากรนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของบิดา
“มาแล้วหรือ...เฟิร์นกำลังรออยู่เลย” ธิชากรเดินเข้าไปฉุดมือเพื่อนรักพร้อมทั้งเอ่ยชักชวน
“เราลงไปทานอาหารกันเลยนะริตา” ปาริตาพยักหน้าเห็นด้วย
“เฟิร์นไปก่อนนะคะพ่อ แล้วเฟิร์นจะลงบัญชีของพ่อนะคะ” ธิชากรไม่รอให้บิดาอนุญาต ฉุดมือเพื่อนเดินออกจากห้องของท่านไปทันที
ภูรียิ้มอย่างอ่อนโยนและมองตามหญิงสาวทั้งสอง สายตาเต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู เพื่อนสนิทของบุตรสาวคนนี้เขาเองก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูก เพราะเป็นบุตรสาวเพื่อนรักของตนเอง ยามใดที่ได้เห็นทั้งคู่รักใคร่สนิทสนมกัน ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ธิชากรพาเพื่อนรักลงมายังร้านอาหารอิตาเลียนที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรม ทั้งสองช่วยกันสั่งอาหารที่พวกเธออยากทาน รอไม่นานอาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟ สองสาวจึงทานไปพลางพูดคุยไปพลาง
“ริตามีแผนการอะไรเกี่ยวกับร้านอาหารที่จะทำบ้างหรือยัง” ธิชากรเปิดประเด็นที่ตนเองอยากรู้
“ยังเลย...ริตาถึงอยากจะมาปรึกษาเฟิร์นไง ในหัวของริตาตอนนี้มีเพียงคอนเซ็ปของร้านเท่านั้น ริตาอยากได้ร้านที่มีบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขาทานอาหารอยู่ที่บ้านของเขาเอง เฟิร์นมีความเห็นอย่างไรกับคอนเซ็ปนี้ ที่ริตาคิดไว้ดีไหม”
“อืม...เข้าคอนเซ็ปที่ว่า ‘อีซี่สไตล์ไลคยัวร์โฮม’ มีมุมสบายๆ หลากหลายมุมให้ลูกค้าเลือก ไม่ว่าจะเป็นคอฟฟี่เบรกตอนสายๆ จะมาเดี่ยวหรือมากับกลุ่มเพื่อน หรือจะเป็นอาหารมื้อเที่ยงกับคนที่รู้ใจ รวมไปถึงการจิบน้ำชายามบ่าย สุดท้ายก็ดินเนอร์สุดหรูกับครอบครัวแสนอบอุ่น แบบนี้ใช่ไหมจ๊ะที่ริตาอยากได้”
“ใช่ริตาอยากให้เป็นแบบนั้นแหละ” ดวงตาของปาริตาแวววาวราวดาวบนท้องฟ้า เพื่อนพูดถูกใจที่สุด สมแล้วที่มาปรึกษาเพื่อนคนนี้
“ถูกใจละสิ” ธิชากรยิ้มขำๆ
“ได้คอนเซ็ปแล้ว สิ่งที่คิดต่อไปคือเรื่องทำเลที่ตั้ง ต้องสะดวกสบายสำหรับลูกค้า และเป็นแหล่งชุมชน เพราะถ้าห่างไกลจนเกินไป ลูกค้าบางรายที่ไม่มีรถก็จะไปลำบาก จากนั้นก็มาคิดเรื่องเงินที่จะลงทุนต้องมีเพียงพอ ต่อมาก็คิดเมนูอาหาร แล้วก็ต้องหาเชฟทำอาหารฝีมือดี ยังมีอีกหลายอย่างด้วยกันนะ ว่าแต่ริตามีเงินทุนอยู่เท่าไหร่”
“พ่อจะให้ทุนริตาห้าล้านบาท และริตาก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่มากก็ตาม แต่ก็คงจะเอามาสมทบกันได้ในกรณีฉุกเฉิน พ่อบอกอีกว่าภายในหนึ่งปีร้านของริตาต้องทำกำไรให้ได้หนึ่งล้านบาท ถ้าทำไม่ได้ริตาต้องไปทำงานที่เรนโบว์แอร์โดยไม่มีข้อแม้”
“อะไรกัน!!” ธิชากรตาโต บิดาของเพื่อนเข้มงวดขนาดนี้เลยหรือ หนึ่งปีต้องได้กำไรหนึ่งล้าน ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ มองไม่เห็นอนาคตข้างหน้าเสียด้วย ถ้าเห็นก็จะดีไม่น้อยทีเดียว
“ยากเหมือนกันนะ แต่ริตาไม่ต้องกลัว เพราะเฟิร์นจะช่วยริตาเอง”
“ขอบใจจ้ะ...ริตารู้ว่ามันยากแต่ริตาก็ไม่ท้อ เพราะริตาอยากที่จะทำตามความฝันของริตา เฟิร์นคอยเป็นกำลังใจให้ริตาด้วยนะ”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วริตาไม่ต้องเป็นห่วง เฟิร์นไม่เพียงแต่จะคอยเป็นกำลังใจให้กับริตาเท่านั้นนะ แต่จะคอยช่วยเหลือริตาอีกแรงด้วย เราจะช่วยกันคิดช่วยกันทำและเราก็จะสู้เต็มที่ เพื่อให้พ่อของริตาได้ประจักษ์ว่าผู้หญิงอย่างเราก็ประสบความสำเร็จในชีวิตได้เหมือนกัน”
“เออ...เฟิร์นเคยได้ยินมาว่ามีร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่งเขาขายดีมากเลย การจัดตกแต่งร้านก็สวยคลาสสิคดี ที่สำคัญอาหารก็อร่อย ถ้าใครจะไปทานอาหารร้านนี้ต้องรอคิวนาน ทางที่ดีควรจะโทรไปจองไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องไปรอ แล้วราคาก็ไม่ถูกนะ เฟิร์นว่าเราน่าจะเริ่มต้นจากตรงนี้ก่อน”
“หมายความว่าจะให้ริตาไปดูบรรยากาศ และการตกแต่งร้านของเขานะหรือ”
“นั่นก็คือส่วนหนึ่ง...แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ...เราจะต้องหาทางไปคุยกับเชฟของร้านนั้นให้ได้”
“เฟิร์นจะให้ริตาไปเอาสูตรอาหารจากเขานะหรือ ใครเขาจะให้เรามาง่ายๆ” ปาริตาขมวดคิ้วถาม
“ไม่มีใครยอมบอกสูตรลับในการทำอาหารกับคนอื่นหรอก ถ้าจะให้จริงคงเป็นการขายแฟรนซ์ไชนมากกว่า”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เฟิร์นจะให้ริตาไปพูดจาทาบทามเขา ให้มาทำงานที่ร้านของริตาต่างหาก”
“ไม่ดีมั้ง” ปาริตาส่ายหน้าไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับวิธีนี้เท่าไร
“ใช่ว่าริตาไปพูดแล้วเขาจะยอมมาทำกับเรา”
“เราก็ต้องลองดู ริตาต้องหาโอกาสเจอเขา แล้วก็พูดคุยกับเขาให้ได้ ที่สำคัญอย่าลืมทิ้งนามบัตรให้เขาไว้ด้วยล่ะ เขาจะได้ติดต่อกลับมาได้ เพราะถ้าริตาจะคุยเรื่องนี้กับเขาที่ร้านอาหารนั่น เห็นทีจะไม่สะดวกแน่ อีกอย่างอาจจะมีใครผิดสังเกตได้แล้วเขาก็อาจจะเดือดร้อน”
“คนที่เฟิร์นพูดถึงเป็นผู้ชายเหรอ”
ธิชากรพยักหน้า จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเท่าที่เคยเห็นมาเชฟที่เป็นผู้ชายทำอาหารได้เก่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก โดยเฉพาะในโรงแรมระดับห้าดาว เชฟส่วนมากเป็นผู้ชาย
“ร้านที่เฟิร์นบอกมันอยู่ที่ไหน”
“อยู่แถวสุขุมวิทชื่อร้านเทียนหอม ไปไม่ยากหรอกริตา ยังไงริตาลองไปชิมอาหารที่ร้านนี้พร้อมกับไปดูบรรยากาศไว้ก่อนละกัน น่าเสียดายที่พรุ่งนี้เฟิร์นมีตารางบินไปนาริตะ ไม่งั้นเฟิร์นจะพาริตาไปเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็ต้องขอบใจเฟิร์นมากแล้ว