EPISODE 01 / 4
ฉันยืนหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจก เปลี่ยนชุดมาแล้วสามชุดก็ยังรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง กระโปรงระบายยาวคลุมเข่าสีชมพูฟูฟ่องกับเสื้อเปิดไหล่สีขาวตัดกับสีกระโปรงสุด ๆ ดูสวยหวาน แต่พอมาอยู่บนตัวยัยแก้วตาคนนี้ทำไมมันขัด ๆ กันก็ไม่รู้
ปี้น ๆ
เสียงแตรรถดังขึ้นหน้าบ้าน รีบเปิดม่านหน้าต่างดูเป็นคนที่นัดฉันไว้นั่นเอง พี่คิมหันต์นั่งรออยู่บนบิ๊กไบก์คันโปรดเขา เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนสีดำ อืม... โคตรเหล่ท่อ หล่อเท่ไปเลย
“ค่าาาาา” ตะโกนบอกคนหน้าบ้านว่าเสร็จแล้วเดี๋ยวลงไป ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายข้างพาดไหล่วิ่งตึงตังลงจากชั้นสอง เอามันชุดนี้แหละ หวังว่าจะไม่โดนล้อนะ
“จะไปดินเนอร์ที่ไหนเรา”
นั่นไง! แค่เดินออกมาจากรั้วบ้าน ไอ้พี่คิมก็มองฉันหัวจรดเท้าแล้วล้อทันที
“สวยปะ?” หมุน 360 องศาให้ดูเสียเลย
“แน่ใจจะไปชุดนี้?”
เอ้า! ทำไมพี่คิมมองแก้วตาแบบนั้นอะ นี่คนนะไม่ใช่สัตว์ประหลาด
“ถ้าพี่คิมไม่ชอบเค้าไปเปลี่ยนได้นะ” รู้สึกไม่มั่นใจแล้วสิ
“สวยอยู่ ไป ๆ ขึ้นรถ อ้อ! นั่งแบบผู้หญิงนะ”
ชิ! กำลังตะรวบกระโปรงพาดขาคร่อมเบาะอยู่แล้วเชียว รู้ทันกันอีก
“เกาะดี ๆ”
พอขึ้นนั่งแบบพาดข้างเหมือนกุลสตรีแล้วพี่คิมก็บอกให้เซฟตัวเองด้วยการเกาะดี ๆ
แก้วตาเลยไม่ขัดใจ รีบเอื้อมวงแขนทั้งสองข้างกอดเอวแกร่งซบหน้าด้านข้างลงแผ่นหลังกว้างนั้นทันที
“เตี้ย กอดแน่นไปแล้ว”
“ก็เค้ากลัวตกอะ”
“พี่หายใจไม่ออก เอาแค่พอดีพองาม”
หมดกัน แผนเนื้อแนบเนื้อของยัยแก้วตา สุดท้ายต้องคลายกอดนั้นออกเป็นแค่จับเสื้อพี่เขาตรงเอวแทน พี่คิมค่อย ๆ ใส่เกียร์แล้วขับเคลื่อนไปด้านหน้า
ใช้เวลาขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงสถานที่ที่หนึ่ง
“พี่คิมพาแก้วมาเลี้ยงร้านนี้เนี่ยนะ” คนอุตส่าห์แต่งสวย นึกว่าจะพาเข้าห้าง ที่ไหนได้ มาแค่ร้านไอศกรีมหน้าปากซอย
“ร้านนี้แหละ คิดว่าพี่จะพาไปไหน หืม?”
“เปล่าค่ะ” ทำเสียงผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะเดินต้อย ๆ ตามตูดใหญ่คนข้างหน้าเข้าไปในร้าน
“สวัสดีจ้าน้องคิม” เสียงเจ้าของร้านคนสวยทักขึ้น
“สวัสดีวันวาเลนไทน์ครับพี่มะลิ”
เจอสาวใหญ่หน่อยเสียงหล่อเสียงหวานเชียวนะ
“อ้าว นั่นน้องแก้วตานี่ วันนี้แต่งสวยเสียด้วย พี่จำแทบไม่ได้เลย”
ได้แต่ยิ้มเหงือกแห้งค้อมหัวรับคำชมนั้นแล้วทักทายอีกคน
“สวัสดีค่ะพี่มะลิ แก้วแต่งสวยเพื่อมาฝากท้องร้านพี่โดยเฉพาะเลยค่ะ”
เพราะไม่รู้ต่างหากล่ะ... เปลี่ยนท้ายประโยคในใจ
“เชิญนั่งเลย วันนี้มีโปรโมชันสำหรับวันแห่งความรักด้วยนะ เออ วันนี้วันเกิดเราด้วยนี่ งั้นพี่ลดเพิ่มอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย”
โห... อะไรจะใจดีขนาดนั้น
“คิดเต็มเลยค่ะ คนนี้เลี้ยง” ไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย จะคิดครึ่งนึงหรือคิดเต็มแก้วตาไม่สะเทือนกระเป๋าจ้า
“อ้าวเหรอ ถ้าน้องคิมเป็นเจ้ามือ งั้นพี่ไม่ลดนะ”
“เอ้า! ไหงงั้นล่ะครับ” น้ำเสียงหยอกเล่นไปมาของคนสองคนทำเอาฉันรู้สึกถึงความสนิทสนมกันมากของพวกพี่เขา
พี่มะลิเจ้าของร้านอายุยี่สิบปลาย ๆ ห่างจากพี่คิมประมาณห้าปี แถมยังเป็นพี่สาวของพี่กุหลาบเพื่อนเขาอีก แต่เพราะเพิ่งย้ายมาเปิดร้านขายเบเกอรีและไอศกรีมที่นี่ได้ไม่ถึงปี ฉันเลยรู้สึกว่าเขาสองคนสนิทกันเร็วเกินไป หรือเพราะพี่คิมเป็นคนเข้ากับคนง่าย ยิ่งเป็นสาว ๆ ยิ่งสนิทเร็วก็ไม่รู้
“เตี้ยนั่งตรงไหนเลือกเลยนะ”
“แล้วพี่คิมอะ”
“เดี๋ยวมา” เขาบอกฉันแค่นั้นก็เดินไปทางด้านหลังร้าน
สงสัยจะไปหาพี่กุหลาบแหละ เพราะถ้าเป็นวันหยุดพี่กุหลาบจะมาช่วยพี่สาวเธอขายของ
เฮ้อ! นี่ฉันถูกหิ้วเป็นหมากระเป๋ามาประดับเฉย ๆ หรือเปล่านะ เจตนาพี่คิมคงจะมาหาเพื่อนเขามากกว่าแหละ
“ทำไมวันนี้ดูไม่เจริญอาหารเลยอะ”
พี่คิมถามหลังจากที่พวกเราสั่งไอศกรีมกันเสร็จแล้ว
“ไม่หิวมั้วคะ” มองถ้วยไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีของโปรดที่เริ่มละลายทีละน้อย ๆ ตรงหน้าอย่างเบื่ออาหาร
“กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ปกติต้องเบิ้ลสองแล้วไม่ใช่?”
พี่คิมก้มลงมามองหน้าฉันเหมือนกำลังหาความผิดปกติ
“คิมอย่าไปจ้องน้องเขาแบบนั้นสิ!” นี่แหละสาเหตุที่ทำให้ของโปรดฉันกลายเป็นของที่ไม่อยากกินได้อย่างไม่เสียดาย
“นี่ของขวัญวันเกิดจ้ะ”
พี่กุหลาบที่ถูกพี่คิมเดินไปตามมานั่งร่วมโต๊ะยื่นกล่องช็อกโกแลตสีหวานแหววมาให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ” ด้วยมารยาทต้องกล่าวขอบคุณเธออยู่แล้ว
“อันนี้ของคิมนะ” อีกคนยื่นกล่องรูปหัวใจที่ใหญ่กว่าของฉันให้ผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ
“เบาหวานถามหาแน่ ๆ”
ปากหยอกล้อกัน แต่มือก็รับของเขาไปเก็บไว้เป็นอย่างดี
กรุ๊งกริ่ง... เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น ตามมาด้วยโทนเสียงม้าดีดกะโหลกไม่ต่างจากฉันดังเรียก
“ยัยแก้ว อยู่นี่เอง” หันไปตามเสียงเจอปอปลากับเจ้าเหม่งน้อยเดินจูงกันมาทางที่ฉันนั่ง
“มาได้ไง” ฉันรีบถามเพื่อนสนิท
“ว่าจะชวนไปเลี้ยงชาบูวันเกิดแกพอดี แต่ไอ้เหม่งอยากกินติม เลยพาแวะก่อน”
เหม่งน้อยที่ว่าคือน้องชายเพื่อนฉัน น้องเขาอายุแค่ห้าขวบ เป็นลูกหลงคนสุดท้องของพ่อแม่ยัยปอน่ะ
“พี่ปอ อยากกินติม ๆ”
“เอาอะไรเดี๋ยวพี่ไปสั่งให้”
คนตัวเล็กที่ถูกถามรีบมองซ้ายมองขวาก่อนจะชี้มาที่ไอศกรีมตรงหน้าฉัน “เอาสีแดง ๆ แบบนั้น”
“โอเค เดี๋ยวฝากน้องด้วยนะ ไปสั่งติมแป๊บ”
เหม่งน้อยรู้งาน ขาอวบ ๆ เดินมาทางฉัน ฉันเลยเลื่อนเก้าอี้ให้น้องมันนั่ง
“หิว ๆ”
เหมือนความอดทนเด็กจะน้อยแฮะ พอเห็นของที่อยากกินตรงหน้าก็รีบบ่น
“กินของพี่ก่อนไหม” ฉันเพิ่งตักชิมได้แต่คำเดียว ให้น้องมันทานไปก่อนคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
“กินครับ” ไม่ว่าเปล่า มืออวบอ้วนรีบยื่นมาลากถ้วยไอศกรีมฉันไปตรง หน้าแล้วตักกินทันที
“หาตัวช่วย กลัวเสียของ?” พี่คิมเลิกคิ้วถาม
“ถ้วยนี้แก้วจ่ายเองก็ได้ค่ะ” ฉันพูดเหมือนประชด แต่ไม่ได้ตั้งใจนะ พอเห็นอีกคนนั่งข้าง ๆ พี่เขาแล้วมันอารมณ์ไม่ดี
“เป็นไรเรา เมนส์จะมา?”
ผู้ชายบ้า! มาพูดเรื่องรอบเดือนผู้หญิงต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ได้ยังไง
“อ้าวเหม่ง ไปเอาติมใครมากินอะ”
“ของแก้วเอง ให้น้องมันกินเถอะ แก้วล้างท้องรอชาบูดีกว่า”
มีการเหน็บด้วยสายตาใส่อีกคนที่มองฉันอยู่ก่อนแล้ว ไม่สนอะ อยากหลอกเค้าแต่งสวยแต่ตัวเองมาหาเพื่อนทำไมละ
“แต่เราต้องเอาเหม่งกลับไปส่งบ้านก่อนนะ เอาเข้าห้างด้วยมีหวังห้างแตก”
“ได้ ๆ เดี๋ยวไปบ้านปอเลยแล้วนั่งรถเมล์ไปกัน”
“อ้าว แล้วพี่ล่ะ?” พี่คิมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“พี่คิมมาหาพี่กุหลาบไม่ใช่เหรอ แถมรถก็มี อยากไปไหนต่อก็ขับรถไปสะดวกจะตาย”
ประชดนิด ๆ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ใส่ใจฉันเลย เอาแต่พยักหน้าแล้วหันไปคุยกับเพื่อนเขาต่อ
“ผีเข้าอีกแล้วเหรอแก” ปอปลากระซิบถามระยะเผาขน
“อืม” ฉันตอบในลำคอ
นั่งมองสองคนคุยกันกระหนุงกระหนิงไม่สนใจรอบข้างอีกเลย