2
สำหรับพงศ์พัฒน์ เธอกลัวน้องโดนผู้หญิงหลอก เดี๋ยวนี้ผู้หญิงไว้ใจไม่ได้ ชอบหลอกผู้ชายเพื่อจะเอาเงิน ส่วนจุลภพยิ่งแล้วใหญ่ เธอยิ่งกว่าหวง เพราะถ้าเขาโดนสาวที่ทั้งแก่ไม่แก่ทุบศีรษะลากไปบำเรอกาม เธอคงอกแตกตาย แล้วจุลภพก็ต้องรับผิดชอบ
โอ๊ย! แค่คิดก็ฟุ้งซ่าน เขาต้องเป็นของเธอคนเดียว แต่ใช้มาหลายวิธีแล้วไม่เห็นได้ผลเลย คิดไปคิดมาแล้วชักจะกลุ้ม
“ใจร้าย...” เสียงของจุลภพทำให้พิมพ์บงกชหันขวับมาทำตาเขียวใส่ ใช่ว่าไม่อยากดูแล แต่หมั่นไส้ตงิดๆ เมื่อคิดว่าเขาจะมีผู้หญิงคนอื่นดูแลแนบชิดข้างกายซึ่งไม่ใช่เธอ
“กล้าดียังไงมาหาว่าฉันใจร้าย นายสองคนเมายังกะหมาข้างถนน กลิ่นเหล้าหึ่ง จะให้ฉันลากนายสองคนเข้าบ้านหรือไง หลังได้หักกันพอดี” พิมพ์บงกชเท้าสะเอวบ่นไม่ลดละ
“หนวกหูน่าพี่ อายุอานามจะสามสิบอยู่แล้ว ขี้บ่นแบบนี้ไงถึงเพิ่งมีแฟน ระวังนะพี่ แฟนพี่จะรำคาญ ได้ขึ้นคานอีกรอบแน่ คานน่ะขึ้นแล้วลงยากนะ ยิ่งแก่ๆ กระดูกกระเดี้ยวไม่ดีอยู่ด้วย ตกลงมาพิการผมไม่รู้ด้วยนะ”
“ไอ้น้องบ้า ฉันอายุยี่สิบเจ็ดย่ะ ไม่ได้จะสามสิบ ปากเสียที่สุด งั้นก็นอนตรงนี้แหละ”
พิมพ์บงกชสะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไม่สนใจสองหนุ่มอีก เรื่องเธอมีแฟน... จริงๆ เธอรู้ดีว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ ใช่ว่าเธออยากมีเสียที่ไหนล่ะ ก็โดนสบประมาทเข้าให้ ใครจะไปทนได้ คนสบประมาทนะเหรอ ก็คนที่กำลังประคองน้องชายของเธอเข้าบ้านมายังไงล่ะ ทำยังไงก็ไม่เห็นสนใจเธอเลย อุตส่าห์ทำตัวสวย ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน เอาอกเอาใจสารพัด แม้จะเอาใจน้องชายแล้วเผื่อแผ่ไปถึงเขาก็เถอะ แต่คนเราน่าจะรู้กันบ้างสิ
“ใจร้ายฉิบ สวยซะเปล่า” พงศ์พัฒน์ต่อว่าพี่สาว
“คนสวยก็ใจร้ายแบบนี้แหละ เห็นมาเยอะแล้ว” จุลภพเออออกับเพื่อนรักมองตามหลังหญิงสาวไม่วางตา เขาไม่ได้เมามากเหมือนพงศ์พัฒน์ แค่มึนๆนิดหน่อย
“เอ๊ะ! สองคนนี่ยังไง ตัวเองเมากลับมาแล้วมาว่าคนอื่นเดี๋ยวเหอะ” ปากก็ว่าไปแบบนั้น แต่เดินเข้าไปช่วยประคองน้องชายจากพื้นอยู่ดี “นี่ขับรถกลับมากันยังไง รู้ไหมว่าเมาแบบนี้เขาไม่ให้ขับรถ” แม้จะเสียงเขียวใส่ แต่แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด
“ภพขับกลับมาเอง ถึงบ้านสบายใจหายห่วง เห็นหรือเปล่า” จุลภพบอกเพื่อนสาว มองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ แต่หญิงสาวเสมองไปทางอื่น ไม่กล้ามองสบตาของเขา ยิ่งเขามีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกาย ตาเขาก็เยิ้มกว่าปกติ มองสบด้วยก็พลันจะใจสั่น
“เห็นแล้วย่ะ รีบๆ เดินเลยเร็วๆ ง่วงจะตายอยู่แล้ว” เธอรีบเอาความโมโหมากลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ...” จุลภพลากเสียงยานคางอย่างเกียจคร้าน
“ใครเป็นห่วงพวกนายกันยะ กลับบ้านดึกดื่น จะเลี้ยงฉลองอะไรกันนักหนา” พิมพ์บงกชสะบัดเสียงใส่ รู้ดีว่าผับที่สองหนุ่มชอบไปนั่งดื่มมีสาวๆ บริการดีเยี่ยมขนาดไหน
“ผมเห็นพี่นั่งถ่างตารอพวกผมจนดึกดื่น แสดงว่าเป็นห่วงน่ะสิครับ” พงศ์พัฒน์ล้อเลียนพี่สาว
“ใครบอกกันเล่า เพราะออดหน้าบ้านต่างหากเลยทำให้ตื่น แล้วก็กลัวพวกนายจะต้องนอนหน้าบ้านต่างหากล่ะ ยุงจะหามเอาซะเปล่าๆ”
“เอาเถอะครับ ผมเข้าใจแล้ว ขี้บ่นเหมือนเมียในอนาคตเลยแฮะ จริงไหมไอ้พัฒน์” จุลภพพูดทีเล่นทีจริง
พิมพ์บงกชหันขวับมามองเมื่อได้ยินเสียงยานคางของจุลภพ เขาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร แต่สายตาที่ส่งมาทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ จุลภพไม่ได้พูดอะไรอีกเมื่อเห็นหญิงสาวทำตาเขียวใส่ รีบประคองเพื่อนเข้าไปจนถึงโซฟาตัวยาวในห้องรับแขก จริงๆ แล้วเธอก็อยากให้เขาสนใจหรอกนะ สนใจจริงๆ ไม่ใช่มาทำเป็นหมาหยอกไก่ แบบนั้นเธอไม่เอา
บ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ เป็นที่พักของสองพี่น้อง เมื่อก่อนครอบครัวของพิมพ์บงกชและพงศ์พัฒน์ร่ำรวยไม่แพ้จุลภพ แต่เพราะบิดาของพวกเขาประสบปัญหาทางธุรกิจจนกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ความเครียดเลยทำให้พวกท่านขับรถออกจากบ้านไปแล้วประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ในขณะที่พิมพ์บงกชเพิ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีพร้อมๆ กับพงศ์พัฒน์