2
งานแบบนี้มันอาจจะไม่เหมาะสมกับเธอ แต่เธอกำลังตกอับ ไม่มีเงินและน้องสาวก็กำลังเรียนหนังสืออยู่ บิดามารดาตัดช่องน้อยแต่พอตัวจากไปแล้ว ทิ้งเธอกับน้องเอาไว้เพียงลำพัง เธอเป็นพี่ก็ต้องทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุด ดูแลน้อง ส่งเสียให้น้องได้เรียนหนังสือจนจบ
ส่งน้องสาวถึงฝั่งฝันเธอก็จะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง ตอนนี้ขอแค่ให้น้องสาวเรียนจบพึ่งตัวเองได้ก็พอ
“ขอโทษค่ะที่เข้าใจผิด” เธอเห็นว่าแขกที่ลวนลามเธอเรียกเขาอย่างสนิทสนม เธอจึงคิดไปแบบนั้น
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ” เจ้าทัพยังยืนยันคำเดิม เขายื่นนามบัตรให้เธอ คราวนี้ปิ่นเพชรรับเอาไว้ เพราะเธอไม่อยากให้เขาเซ้าซี้อีก
“ขอตัวก่อนนะคะ” เธอเอ่ยขอตัวเดินไปทางด้านหลังร้าน เพราะหมดเวลาแสดงของเธอแล้ว
ปิ่นเพชรไม่ประสงค์จะสนิทสนมกับใครที่ร้านเพราะไม่อยากมีสังคมที่นี่ เธอพูดคุยกับทุกคนดีอย่างมีมารยาท แต่ไม่สุงสิงด้วยมาก เพราะพนักงานที่นี่เลิกงานก็สังสรรค์ดื่มเหล้าจนดึกดื่น ซึ่งเธอไม่ต้องการมีสังคมเช่นนั้น เธอต้องทำงานหลายอย่างจะให้ดื่มเหล้าเมามายไม่ได้สติแล้วนอนทั้งวัน มาทำงานอีกทีก็ตอนร้านเปิดไม่ได้ เธอยังต้องมีภาระค่าใช้จ่าย ส่งน้องเรียน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเช่าห้องพัก
แค่มาทำงานกลางคืนก็โดนเพื่อน ๆ หลายคนที่ยังเป็นไฮโซรังเกียจ โดนหาว่าตกอับเธอก็ช้ำใจมากพอแล้ว
เธอต้องแบกรับทุกอย่างของครอบครัว จากที่เคยมีเงินมีทอง เป็นลูกคุณหนูที่แสนร่ำรวย เป็นที่รักของคนรอบข้าง กลายเป็นคนที่ไร้ญาติขาดมิตร เพื่อนก็หนีหายไปจนหมด มีแต่คำดูถูก นินทาว่าร้าย นั่นทำให้ปิ่นเพชรเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่าคนเรานับถือกันแค่เงินทองของนอกกายเป็นสำคัญ หาเพื่อนหรือมิตรที่จริงใจนั้นยากยิ่ง
2
ปิ่นเพชรกลับถึงห้องพักราคาถูกของเธอด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ถ้าไม่เพราะน้องสาวเพียงคนเดียว เธอก็คงตายตามบิดามารดาไปแล้ว
หญิงสาวมองน้องสาวที่นอนหลับไปแล้วด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ปิ่นแก้วเพิ่งเรียนอยู่ม. 4 อีกหลายปีกว่าจะเรียนจบ ถ้าเธอทิ้งน้องสาวไปแบบบิดามารดา น้องสาวจะอยู่ยังไง
“พี่ปิ่นกลับมาแล้วเหรอ” ปิ่นแก้วเอ่ยถามมาจากเตียงอีกฟาก
“พี่ทำให้ตื่นเหรอ” ปิ่นเพชรเอ่ยถามเมื่อทิ้งตัวลงนอน
“เปล่าค่ะ แก้วปวดฉี่น่ะค่ะ พี่นอนเถอะ” เพราะรู้ดีว่าพี่สาวต้องออกไปทำงานร้องเพลงตอนกลางคืน ปิ่นแก้วจึงไม่อยากพูดมาก ให้พี่สาวได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่
บิดามารดาจากไปก็มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง พี่สาวของเธอเข้มแข็งมาก พาเธอมาหาที่อยู่ใหม่
ด้วยห้องเช่าราคาถูก แต่ในห้องก็มีตู้เตียงและห้องน้ำในตัว ทำให้สะดวกขึ้นมาหน่อย
เธอเรียนจบม.3 พอดี จึงออกจากโรงเรียนเอกชนราคาแพงลิ่วมาเรียนต่อม.4 โรงเรียนรัฐบาล โดยพี่สาวจัดการทุกอย่างให้
ปิ่นแก้วคิดว่าดีเหมือนกันที่เธอไม่ต้องไปเรียนโรงเรียนเดิมเพราะที่นั่นมีแต่สังคมที่คนสวมหน้ากากเข้าหากัน เธอตกอับบ้านจนล้มละลายเช่นนี้คงโดนล้อว่าไม่เจียมกะลาหัวอยากที่จะไปเรียนต่อที่นั่น
ในเช้าของวันใหม่ ปิ่นเพชรลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าง่าย ๆ ให้แก่น้องสาว เธอใช้หม้อหุงข้าวต้มข้าวต้มและทำไข่เจียวแบบไม่ใช้น้ำมัน โดยใช้เตาไฟฟ้า เธอมีกระทะที่สามารถทำอาหารได้โดยไม่ต้องใส่น้ำมันและไม่ไหม้ด้วย
ห้องเช่าเล็ก ๆ เช่นนี้เขาไม่อนุญาตให้ใช้แก๊สหรือทำอาหารมีกลิ่น รบกวนเพื่อนบ้าน และเธอก็ไม่ใช่คนทำอาหารเป็นด้วย
ตอนอยู่กับบิดามารดามีคนรับใช้และแม่บ้านคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน หรือไม่บิดามารดาก็พาออกไปรับประทานนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเธอ
ไม่เคยแตะต้องงานบ้านงานเรือนหรือทำอาหารเลย หน้าที่ของเธอกับน้องคือการไปเรียน ใช้ชีวิตให้มีความสุข ได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียน เธอได้เรียนการร้องเพลง ได้เล่นดนตรีทุกชนิดที่ชอบและอยากเล่น
ส่วนน้องสาวนั้นชอบเล่นกีฬา เป็นนักกีฬาดีเด่นของโรงเรียน แต่อีกฝ่ายไม่อยากเรียนโรงเรียนเดิมจึงยอมทิ้งความฝันตรงส่วนนั้นไป เธอจึงจัดการให้เรียนโรงเรียนใหม่
“กินอะไรรองท้องก่อนนะแก้ว” ปิ่นเพชรเอ่ยกับน้องสาว ปิ่นแก้วรู้ดีว่าสถานะทางการเงินกำลัง
ย่ำแย่ แม้แต่มาม่าปลากระป๋องที่ไม่เคยแตะมาก่อนในชีวิตก็ยอมกิน เธอจึงสงสารน้องสาวมาก
“ขอบคุณค่ะพี่ปิ่น” ปิ่นแก้วแต่งตัวด้วยชุดพละของโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว ก่อนนั่งลงตรงหน้าของพี่สาว มองพี่สาวอย่างรักใคร่ ในวันที่บิดามารดาทิ้งเธอไป แต่พี่สาวกลับไม่ทำแบบนั้น พี่สาวยังคงอยู่กับเธอไม่ยอมไปไหน
“กินพร้อมกันสิคะ”
“พี่ยังไม่ค่อยหิวเลยจ้ะ เรากินเถอะ”
“ถ้าพี่ไม่กินแก้วก็ไม่กินนะ” เธอรู้ดีว่ามีไข่อยู่แค่ฟองเดียวกับข้าวสารอีกแค่นิดหน่อย พี่สาวจึง
เสียสละให้เธอได้กินก่อนไปเรียน แต่เธอจะเห็นแก่ตัวยอมให้พี่สาวอดได้อย่างไรกัน
“พี่กินแล้ว” ปิ่นเพชรโกหกคำโต
“พี่ผอมลงมากนะคะ ไม่ค่อยได้กิน ไม่ค่อยได้
นอน ทำงานหนักขนาดนี้จะเจ็บป่วยเอาได้ ถ้าพี่
เสียสละให้แก้วกินข้าวแล้วพี่อด แก้วก็ไม่กินด้วยเหมือนกันค่ะ”