3
“แก้ว” ปิ่นเพชรครางออกมา
“แก้วเองก็ควรทำอะไรเพื่อพี่บ้าง”
“จ้ะ งั้นกินพร้อมกัน” ปิ่นเพชรร้องไห้ออกมา พลางดึงน้องสาวมากอด
“จ้ะพี่ เรามีอยู่กันแค่สองคนพี่น้อง แก้วรักพี่ปิ่นนะคะ ถ้าเราอดก็ต้องอดด้วยกัน อิ่มก็ต้องอิ่มด้วยกัน” ปิ่นแก้วร้องไห้พลางพยักหน้าให้พี่สาว กินข้าวต้มกับไข่เจียวทั้งน้ำตา
“กินได้ไหม” ปิ่นเพชรเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ เธอหุงข้าวไม่สุก บางวันก็แฉะบางวันก็ดิบ จนตอนนี้เริ่มหุงได้เป็นปกติแล้ว ก่อนหน้านั้นก็ทำกับข้าวไม่เป็น เลยเริ่มจากการต้มไข่ก่อน หลัง ๆ มามีไข่เจียวไข่ดาวด้วย ดีหน่อยที่เธอตัดสินใจซื้อเตาไฟฟ้าพร้อมกระทะที่ปรุงอาหารพวกทอดได้แบบไม่ติดกระทะ
ส่วนใหญ่สองพี่น้องจะฝากท้องเอาไว้กับป้าเสริมศรี แม่ค้าที่ขายอาหารอยู่หน้าหอพัก
ด้วยความที่ไม่มีเงินเลย จึงต้องกระเบียดกระเสียดกันพอสมควร ซื้อข้าวผัดกะเพรามาห่อหนึ่งก็ต้องแบ่งกันกินคนละครึ่ง
ข้าวของมีค่าที่พอมีติดตัวอยู่บ้างปิ่นเพชรก็ขายไปจนหมด เอาเงินมาซื้อชุดนักเรียนม.ปลาย ชุดพละและเป็นค่าเล่าเรียนของปิ่นแก้ว
ปิ่นแก้วเป็นน้องสาวที่ดี รู้ว่าพี่สาวลำบากก็ช่วยประหยัดทุกอย่าง ไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยเลย หรือจะพูดให้ถูกก็คือไม่มีเงินให้ใช้ฟุ่มเฟือยนั่นเอง
“แก้วไปโรงเรียนก่อนนะคะ” ปิ่นแก้วยกมือไหว้พี่สาว
“จ้ะ ตั้งใจเรียนนะ” ปิ่นเพชรเดินลงมาส่งน้องสาวหน้าหอพัก โรงเรียนอยู่ใกล้หอพัก สองพี่น้องจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง
พอลงมาด้านล่างก็เจอเข้ากับครูชาติชาย ทำให้สองพี่น้องต้องมองหน้ากัน
“ครูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอกับพี่สาวของเธอ” ด้วยครูชาติชายรู้ว่าครอบครัวของปิ่นแก้วล้มละลาย เธอจึงไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมแพงแสนแพงของโรงเรียนเพื่อเรียนต่อในระดับชั้นม. ปลายอีก แต่ทางโรงเรียนก็มีทุนสำหรับนักกีฬา
นักกีฬาที่เรียนดีและมีฐานะยากจนจะได้เรียนฟรีถ้าสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ชาติชายจึงต้องมาคุยเรื่องนี้กับสองพี่น้องเพราะเสียดายอนาคตของปิ่นแก้ว
ปิ่นแก้วเองก็รู้ว่ามีทุนนักกีฬา แต่เธอทำใจไม่ได้ที่จะเรียนต่อที่นั่นแล้วโดนเพื่อนล้อว่าเป็นยาจก ยากจน
ตั้งแต่เพื่อน ๆ รู้ว่าบ้านของเธอล้มละลายไม่มีเงินเหมือนก่อน ก็ไม่มีใครคุยด้วย บล็อกไลน์ บล็อกเฟซบุ๊ก กลัวเธอจะไปขอยืมเงิน เธอทั้งเสียใจและอาย จนไม่อยากเรียนที่นั่นต่อ
ปิ่นเพชรเองก็รู้เรื่องนี้ แม้จะรู้สึกเสียดายอนาคตของน้องสาว แต่เมื่อน้องสาวไม่ต้องการเรียนต่อที่เดิม เธอก็ไม่อยากบังคับ การอยู่ในสังคมที่ไม่มีใครต้องการ เธอรู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน การหลบลี้หนีหายออกมาจากสังคมนั้น ไปอยู่อีกสังคมหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จักเรา เป็นแค่คนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกง มันไม่ต้องเจ็บปวดกับสายตาดูถูกดูแคลนเพราะไม่มีใครรู้จักเรา
“ตอนนี้เรามีทุนการศึกษาให้กับนักกีฬาไอซ์สเก็ต มีหอพักให้อยู่ฟรี และมีผู้ใจบุญมอบทุนการศึกษาให้ด้วย ถ้าเรายังไม่ทิ้งความฝันก็ติดต่อครูมานะ ครูอยากให้เราคิดให้ดี ๆ เพื่ออนาคตของตัวเอง” ครูหนุ่มยังพูดทิ้งท้ายให้สองพี่น้องได้คิด
“พี่ปิ่นคิดว่าแก้วควรตัดสินใจยังไงคะ”
“พี่แล้วแต่แก้วจ้ะ อนาคตของแก้วแก้วเลือกเองได้เลย ส่วนพี่จะเป็นคนคอยสนับสนุนให้แก้วไปถึงฝั่งฝัน” ปิ่นเพชรดึงน้องสาวมากอด
“แก้วจะทิ้งให้พี่อยู่ห้องเช่าเก่า ๆ แบบนี้คนเดียวแล้วหนีไปอยู่หอพักในโรงเรียนสบายอยู่คนเดียวเหรอคะ”
“อย่าห่วงพี่เลย ห่วงอนาคตเราเถอะนะ”
“เรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ไม่ให้ห่วงพี่แล้วจะให้ห่วงใครกันคะ” ปิ่นแก้วเอ่ยถามพี่สาว นั่นทำให้ปิ่นเพชรรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอันมาก อย่างน้อย
น้องสาวของเธอก็เป็นเด็กดี และรักเธอมาก หากน้องสาวเกเรเธอคงท้อแท้กับชีวิตมากกว่านี้ น้องสาวเป็นคนดีเลยทำให้เธอมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น
“วันนี้พี่จะไปสัมภาษณ์งานที่สมัครเอาไว้ เขารับพนักงานพอดีน่ะจ้ะ เผื่อพี่ได้งานประจำทำ เราจะได้มีที่อยู่ใหม่ไง” ประโยคของพี่สาวทำให้ปิ่นแก้วยิ้ม
แต่ในใจก็กำลังลังเล เธออยากมีชื่อเสียง อยากเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ เธออธิษฐานว่าขอให้พี่สาวได้งานประจำที่ดี ๆ ทำ เธออาจจะกลับไปเรียน
ที่โรงเรียนเดิม เพราะถ้าเธอไปแข่งกีฬาแล้วชนะ เธอก็จะได้เงินเป็นจำนวนมาก นั่นอาจจะทำให้ชีวิตของเธอกับพี่สาวดีขึ้นด้วยเช่นกัน
“ผมรับเธอเข้าทำงานแล้วนะครับเฮีย” เจตน์เอ่ยกับพี่ชาย หลังจากเรียนจบเขาก็ได้ทำ
ตามฝันเพราะพี่ชายสนับสนุน ธุรกิจของครอบครัวเขาก็ยังเข้าไปช่วยพี่ชาย แต่การเปิดร้านภาพวาดเป็นของตัวเอง ก็เป็นความฝันของเขาเช่นกัน
เพราะชอบงานศิลปะ วาดภาพถ่ายรูป เขาจึงจับงานด้านนี้ด้วย บิดาไม่ค่อยเห็นด้วยกับงานศิลปะ
อะไรพวกนี้ แต่ก็ให้ลองทำ แต่พอเห็นรายได้จากงานที่เขาได้รับ ท่านก็ยอมรับ
บิดานั้นคิดว่างานพวกนี้ไม่มั่นคง จะทำให้ไม่มี
กิน แต่พอเห็นฝีมือลูกชาย และเพื่อนๆ ของท่าน
ช่วยกันอุดหนุนเพราะชอบจริง ๆ แถมยังได้หน้าว่ามีลูกชายเก่งด้านศิลปะ บิดาก็ยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง