บทที่ 5
“งามแท้ลูกสาวของแม่ ผ้าไหมผืนนี้แม่สั่งมาจากฝั่งไทย สีขาวงาช้าง ทอเป็นรูปดอกพุดตาน สอดดิ้นทองตรงลายทอ ถึงได้นูนเด่นขึ้นมาแบบนี้ แก้มหอมจะให้เอาตัดเป็นชุดแต่งงานแบบไหนล่ะ ต้องเร่งเลือกแบบนะ นี่แม่ให้ช่างเค้าเร่งทอ จากสามเดือนเหลือใช้เวลาแค่เดือนเดียว เพราะเกรงว่าจะไม่ทันงานเรา”
“ทำไมจะต้องเร่งขนาดนั้นล่ะแม่ ฤกษ์ยามว่องไว ฉุกละหุกไปหมด จนน้องตั้งตัวบ่ทัน”
“ก็เร่งจะได้ทันใจลูกสาวแม่ยังไงล่ะ”
คุณบุหงาว่า แล้วเอื้อมมือลูบศีรษะบุตรสาว จันดาลีหน้าแดงก่ำ ใจเต้นตึกตักเมื่อมารดาเอ่ยประโยคต่อไป
“อายุอานามก็ได้เวลาแล้ว เวลามีหลานน้อยให้พ่อกับแม่เน้อ”
“น้องเพิ่งจะยี่สิบเอ็ด”
จันดาลีบ่นอุบอิบ แต่หน้าบานจนปิดไม่อยู่ว่าเธอปลื้มใจ ดีใจแค่ไหนเกี่ยวกับงานวิวาห์นี้
“นั่นล่ะ ยี่สิบเอ็ดกำลังดีแล้ว ทางนั้นก็รับปากจะจัดงานให้สมเกียรติทางเราที่สุด แขกเหรื่อเริ่มทยอยเชิญแล้ว”
“อ้ายรามเผิ่น (เขา) เต็มใจจริงๆ ใช่ไหมจ๊ะแม่”
อดถามไม่ได้ เพราะตั้งแต่ที่บิดามารดาเอ่ยบอกเรื่องงานแต่งแสนฉุกละหุกนี่ เธอก็ยังไม่ได้คุยกับว่าที่เจ้าบ่าวของตนเองเลยสักคำ
“เต็มอกเต็มใจแน่นอน”
คุณบุหงาว่า แล้วโอบลูกสาวมากอด แม้ใจของเธอเองก็จะระแวงนิดๆ เรื่องความเต็มใจของทางฝ่ายโน้นก็ตามที แต่คุณสีดาส่งข่าวมาแล้วว่าจัดการแล้วเรียบร้อย เฮ้อ...งานนี้เหมือนเอาลูกสาวไปเสนอเขากลายๆ ประเคนให้ถึงที่เสียด้วย
“น้องกลัวว่าอ้ายเผิ่นจะบ่ฮัก บ่ชอบน้องนะแม่”
“บ่ต้องกลัวหรอกลูกจ๋า แก้มหอมของแม่”
มารดาประคองใบหน้าของเธอไว้ แล้วบีบแก้มนิ่มเบาๆ ก่อนจะพยายามยิ้มส่งให้กับบุตรสาว ที่ดูมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก คงจะรู้สึกสับสนตามประสาหญิงสาวที่จะต้องพ้นจากครอบครัว ไปสร้างรังของตนเองนั่นแหละ
“แก้มหอมเป็นคนน่าฮัก เป็นคนงามแห่งเวียงจันทร์ที่มีแต่คนอยากมาดองด้วย ทำไมอ้ายรามเผิ่นจะเมินล่ะ”
“แหม...” เธอย่นจมูกน้อยๆ ก่อนจะถอนใจเฮือก
“มันเหมือนน้องฮักเผิ่นอยู่ผู้เดียว แล้วก็รวบรัดเผิ่นมาดองด้วยน่ะสิแม่”
“เมื่อแก้มหอมฮักอ้ายราม แก้มหอมก็ต้องทำตัวเป็นเมียที่ดี ที่น่าฮักทำให้อ้ายรามของแก้มหอม หันมาฮักลูกสาวแม่ให้ได้สิหล่า”
มารดาเอ่ยอย่างให้กำลังใจ ทำให้จันดาลีมีแรงฮึดขึ้นมา เกี่ยวกับเรื่องของธงราม
นั่นสินะ ถึงแม้งานจะดูรวบรัด ดูวุ่นวายรวดเร็วไปหมด แต่เธอจะให้งานแต่งงานระหว่างเธอกับเขา มันคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
เธอรักเขา
จุดมุ่งหมายของจันดาลีก็คือทำให้เขารักเธอ!
“เดี๋ยวแม่จะต่อสายให้คุยกับอ้ายรามเผิ่นบ้าง ดีบ่ จะได้เป็นแฮงใจว่าเผิ่นคิดยังไงกับตัวของลูกหล่าของแม่”
“บ่ต้องๆ น้องอาย”
ท่าทางขวยเขินของลูกสาว ทำให้เธอหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู ระหว่างที่จันดาลีกำลังง่วนกับการเลือกแบบชุด เธอก็แอบต่อสายหาคุณสีดา เพื่อจะถามไถ่สถานการณ์ทางนั้น ว่าเป็นอย่าไรไปถึงไหนแล้ว
“หลานเลือกชุดได้หรือยังล่ะเธอ ฉันพาตารามไปตัดชุดมาแล้วเรียบร้อย เลือกสีสูทให้เข้ากับสีชุดของเจ้าสาว ตอนนี้ลุ้นอยากเห็นแบบชุดของหลานมากๆ อ้อ...ฉันเลือกชุดไว้เผื่อเธอด้วยนะ เรามาสวมชุดธีมชมพูด้วยกันสี่คนพ่อแม่บ่าวสาว”
“ก็กำลังเลือกอยู่ จะเร่งช่างให้เร็วที่สุด เขาก็รับปากว่าเสร็จทันงานแน่ๆ ทางนี้ทั้งแจกการ์ด ตระเตรียมทุกอย่าง ก็วุ่นวายอยู่ ขอบใจนะยัยดาที่จะเลือกชุดให้ฉันกับคุณไชเลย เกือบลืมคิดเรื่องนี้กันไปเลยล่ะ ยุ่งทั้งงานตัว ยุ่งทั้งงานลูก”
“งั้นก็จัดการให้เลยละกันเนาะ ส่วนเรื่องโรงแรมที่จะจัดที่ฝั่งไทย ฉันจัดการจองไว้ให้แล้วล่ะ เอ่อ...ถามแก้มหอมหรือยัง อยากไปฮันนีมูนที่ไหน นี่ฉันว่าจะให้ตั๋วบินไปมัลดีฟ พร้อมที่พัก ให้พวกลูกๆ ของเราไปพักผ่อนหวานกัน แล้วก็ อิอิอิ ปั๊มหลานมาให้พวกเรา แต่จองที่นั่นได้ก็ปลายปีอะ”
“ฮันนีมูนอะไรนี่ ยัยแก้มหอมยังไม่ได้บอกหรอก ว่าจะให้เป็นที่ไหน เอ่อ...อันนี้ก็ลืมเหมือนกัน โอ๊ย...ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้นะ”
“เฮ้อ...ฉันก็ต้องขอโทษเธอที่เอาฤกษ์เร่งด่วนขนาดนี้มาให้น่ะ บี๋ แต่กลัวว่า...”
เหมือนจะเผลอหลุดปากออกมา ทำให้คุณบุหงารีบถามทันทีอย่างสงสัย
“กลัวว่าอะไร กลัวตารามไม่ตกลงหรือเปล่า?”
“กลัวว่าพวกเราจะมีหลานไม่ทันใช้ กลัวว่าใครจะมาเปลี่ยนใจลูกสาวของเธอน่ะสิ” คุณสีดารีบกลบเกลื่อน
“มีไฮโซอยู่คนหนึ่ง ตามจีบหลานอยู่ไม่ใช่เหรอ ตารามยิ่งช้าๆ เชื่องๆ วันๆ หมกตัวทำแต่งานเขียน กลัวจะไม่ทันคนอื่นเค้าน่ะ”
“โอ๊ย...ถ้าอันนั้นไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยัยแก้มหอมน่ะแอบรักแอบชอบตารามมานาน คงไม่วอกแวกเปลี่ยนใจง่ายหรอก แต่ว่าเธอคุยกับตารามดีแล้วใช่ไหมดา หลานตกลงเต็มใจดองกับน้องแน่นอนนะ คือ...ฉันไม่อยากให้ลูกสาวเสียใจน่ะดา พูดกันตรงๆ เลย กลัวว่าแต่งกันไปจะไม่รอด ถ้าทางตารามไม่ได้รักได้ชอบอะไร เราจะเลิกล้มกันก็ทันอยู่นา”